ทุ่งทานตะวัน ลพบุรี ใน 1 วัน (แบบเอื่อยๆ)
เที่ยวทุ่งทานตะวัน แบบชิลๆ หวานเย็นๆ
ใครๆก็อยากไปเที่ยวของดีของไทย ใช่ป่ะคะ่ ป้ากะเบิ๊ดก็เช่นกันค่ะ แม้ว่าอายุจะเลย 30 มาสักพักแล้ว แต่ด้วยความที่ยังมีไฟอยู่ เอาวะ ขอลุยอีกที คราวนี้มีเวลาจำกัดแค่ไม่กี่ชั่วโมงค่ะ ก็เลยตัดสินใจไปเที่ยว ทุ่งทานตะวันที่ ลพบุรี ขับรถไปแบบไม่รีบ หิวก็พักกิน เหนื่อยก็หยุดตามปั๊มเที่ยวได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น
ที่เลือกลพบุรี เพราะฤดูนี้เป็นฤดูกาลของทุ่งทานตะวัน จะบานช่วง พย.-มค. มีเวลาไม่มากละ ต้องไปก่อนที่ดอกไม้จะหุบซะก่อน แถมอีกอย่างก็ไม่ไกลจาก กรุงเทพด้วย ขับรถไปเอง ถ้าคำนวณจาก google ก็แค่ 2 ชั่วโมงนะ แต่เดี้ยนแวะข้างทางบ่อยเกิ๊น ปาไปเกือบๆ 3 ชั่วโมงค่ะ
เริ่มเดินทางตอน 10 โมงเช้า จาก กทม มุ่งหน้าไปยังที่หมายง่ายแสนง่าย เพราะมีป้ายบอกทางตลอดเป็นระยะๆ ดังนี้ค่ะ
1.จากรังสิต ไปสระบุรีด้วยทางหลวงหมายเลข 1
2. เมื่อผ่านจังหวัดสระบุรี สักพักเจอ 3 แยกให้ไปทางขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21
3. จากนั้นขับไปเรื่อยๆจะเจอสี่แยก เลี้ยวไปทาง อำเภอ พัฒนานิคม เพื่อจะเข้าทางหลวง 3017
จากนี้ก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้ว เพราะอย่างที่บอกว่าป้ายบอกทางไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คอยบอกทางอยู่เป็นระยะๆค่ะ
ตอนขับออกมาจาก กทม. ป้ากะเบิ๊ดแวะกินอาหารมื้อเที่ยงที่ ข้าวแกงบ้านสวน 2 (เค้กบ้านสวน 2)
ติดกับถนนพหลโยธิน อ.วังน้อย จ. อยุธยา เส้นหลักเลย สะดวกดี เพราะเห็นป้ายบอกริมทางอยู่ 4-5 ครั้งก่อนถึงร้านจริง
ตอนแรกนึกว่าเป็นร้านอาหาร 1 ร้าน แต่ที่ไหนได้ ใหญ่และมีร้านข้าวแกง ร้านอาหารทั่วไป รวมถึงขายขนม ของฝาก ของชำร่วยเรียงรายให้เลือกเยอะแยะเลยค่ะ ห้องน้ำก็มีหลายที่ และสะอาดกว่าที่คาดไว้ด้วยค่ะ
มองๆดูแต่ละโต๊ะเนี่ยจะสั่ง น้ำพริกปลาทู หรือไม่ก็ต้มมะระ ค่ะ ก็เลยสั่งมากินมั่ง
กินเสร็จ ก็เกือบๆบ่ายโมงละ 5555 เฉื่อยได้โล่ห์จริงๆ จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังจุดหมายตามที่ได้บอกเส้นทางไว้ วันนี้ฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ฟ้ายังเปิดและไม่หนาวค่ะ
ขับรถบนเส้นทาง 3017 สังเกตุเห็นป้าย โสมาภารีสอร์ท เยอะมว๊ากก ทำให้หวนนึกถึงสมัยอยู่มหาลัย พาน้องๆในวิชาเอกมารับน้องที่นี่ โอ้!!! นั่นก็ล่าสุดที่มาทุ่งทานตะวันนี่นา อืม...ก็เกิน 10 ปีแล้วล่ะสิ กร๊ากกก นานขนาดนั้นเชียว
กำลังเวิ่นเว้อคิดถึงสมัยยังสาว รถก็ขับผ่านทุ่งทานตะวันที่รายล้อมสองฝั่งข้างทาง บ้างก็บานแล้ว บ้างก็ยังไม่บาน บ้างก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม... แว๊บบบ ผ่านไป 1 ทุ่งที่เปิดให้เข้าชม เอ่อ แบบว่าอ่านชื่อไม่ทัน ไม่เป็นไรวะ ยังไงมันต้องมีอีกแน่นอน!
ในที่สุดเราก็ขับมาถึงก่อนทางเข้าเขื่อนป่าสัก ด้านซ้ายมือ มีทุ่งทานตะวันคุณณรงค์ เปิดให้เข้าชมพอดีเลย ค่าเข้าราคา 10 บาท ค่าจอดรถฟรี แต่ค่าห้องน้ำ 5 บาท เพราะฉะนั้น เข้าตามปั๊มมาให้เรียบร้อยก่อนจะดีมากนะคะ 555
หน้าทางเข้า ก็แน่นอนว่าต้องขายผลิตภัณฑ์จากทานตะวัน อาหาร,ขนม,ผลไม้ท้องถิ่น น้ำผึ้ง ของที่ระลึก เอาเป็นว่าขอ เดินเล่นในทุ่งก่อนแล้วค่อยซื้อของค่ะ
ทุ่งไม่รู้ว่ามีกี่ไร่ กะประมาณไม่ถูก เพราะใหญ่ แต่ที่แน่ๆ แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งบานแล้วกับฝั่งยังไม่บาน ถ้าเดินไม่ไหว เค้ามีบริการนั่งรถชมทุ่งในราคา 5 บาทนะคะ แถมมีนั่งช้างชมทุ่งด้วย เที่ยวละ 100 บาทค่ะ ดิชั้นไม่อะไรทั้งนั้น เดินอย่างเดียว มือนึงเดินถ่ายรูป อีกมือนึงกินสตรอเบอรรี่เชื่อม อร่อยจุง
เดินชมทุ่งทานตะวันอันเหลืองอร่าม และถ่ายรูปกระดี๊กระด๊า ได้ไม่นานนักก็เริ่มแสบตัว หมดแรง ทั้งๆที่อากาศไม่ร้อนมาก มีลมโชยตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้พกางร่มด้วยป้องกันไว้ก่อน จริงๆแล้วป้าเอาร่มมานะแต่คร้านที่จะเดินกลับไปเอาในรถซะงั้น
ทุ่งคุณณรงค์ เค้ามีพร๊อมพ์เพื่อรองรับพี่ไทยที่ชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว คือ มีเวทีห้างไม้เล็กๆเพื่อให้ช่างภาพขึ้นไปถ่ายท้องทุ่งในมุม Bird's eye view แถมยังมีดอกทานตะวันยักษ์ปลอม 2 ดอก ให้คุณๆและหวานใจไปยืนโผล่ตรงเกสรถ่ายไว้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ น่าร๊ากก
เรามารู้จักทานตะวันกันซักหน่อยดีกว่า
"ทานตะวัน" เป็นพืชทนแล้ง ชอบแสงแดดจัด ชาวสวนปลูกแทนข้าวโพด เพราะได้ราคาดีกว่า เป็นพืชที่ออกดอกปีละครั้ง ลำต้นสูงถึง 3 เมตร (แต่พันธุ์ที่ปลูกในไทยสูงเมตรกว่าๆ)
ทานตะวัน เป็นพืชท้องถิ่นของอเมริกากลาง มีการปลูกในเม็กซิโกก่อนคริสตกาล 2600 ปี
ดอกทานตะวัน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เยอะเลย เช่น ใช้สกัดเป็นน้ำมันพืช, อบแห้ง, คั่ว, ทำเป็นเครื่องสำอาง, ใช้เลี้ยงผึ้งได้
เนื่องจากจังหวัดลพบุรี เป็นจังหวัดที่มีการปลูกดอกทานตะวันมากที่สุดในเมืองไทยคือ ประมาณ 200,000-300,000 ไร่ จะบานในช่วงเดือน พฤศจิกายน-มกราคม พื้นที่ที่มีการปลูก ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล
ทุ่งทานตะวัน จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญประจำจังหวัด ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดค่ะ ไม่น้อย ไปกว่าเขื่อนป่าสัก เรียกง่ายๆว่าเป็นแพ็คเก็ตทัวร์เดียวกันเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่เหลือเวลาเที่ยวไม่มาก จึงจำเป็นต้องตัดเขื่อนป่าสักออกจากลิสต์ที่วางไว้ เพราะเวลาเย็น และก็เคยไปเที่ยวที่เขื่อนมาแล้วด้วย
เดินกลับออกมาจากทุ่ง แวะดูของฝากท้องถิ่นซะหน่อย แม่ค้าเรียกลูกค้ากันใหญ่เลย มีทั้งชิมฟรี ดื่มไวน์ผลไม้ฟรี ที่ประทับใจที่สุดคงจะเป็น ร้านป้าไหน ป้าแกใจดีฝุดๆ
ขายเมล็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง 6 ถุง 100 บาท,
น้ำผึ้งขวดละ 100 บาท ซึ่งบางร้านขาย 120,
เมล็ดทานตะวันคั่ว 40 บาท,
และ มะละกอสุกลูกละ 20 บาท
แถมสามีแกยังให้โอกาสเดี๊ยนได้ลองคั่วเมล็ดทานตะวัน พร้อมทั้งชักภาพประทับใจไว้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ สนุกสนานดีจัง ใครแวะไปเที่ยวที่นั่นก็อย่าลืมอุดหนุนสินค้า OTOP ของชาวบ้านแถวนั้นด้วยนะคะ สนับสนุนสินค้าไทยด้วยกันค่ะ
4 โมงเย็นละ ได้เวลากลับเข้าเมืองกรุง ตอนกลับนี่ไม่ต้องใช้ GPS ช่วยเลยค่ะ ป้ายบอกทางเข้า กทม. ชัดเจนตลอดทาง ไม่หลงแน่นอนค่ะ
ขับมาถึงแถวๆที่กินข้าวมื้อเที่ยง เลยมานิดนึง พอดีเหลือบไปเห็น ข้าวแกงบ้านสวนอีกละ แต่คราวนี้อยู่ฝั่งซ้ายมือ คนละสาขา อดใจไม่ไหว หิวเหลือเกิน ก็คงต้องแวะกินมื้อเย็นแล้วล่ะ ธีมร้านเค้าจะออกแนวโบราณๆหน่อย มีข้าวของเครื่องใช้ จักรยานโบราณตกแต่งตรงทางเข้าหน้าร้านเก๋ไปอีกแบบค่ะ
คอนเซปที่ว่า เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ยังคงใช้ได้ดีจนถึงทุกวันนี้นะคะ เพราะแม้แต่ตัวกะเบิ๊ดเองซึ่งเคยไปเที่ยวที่ทุ่งทานตะวันมาแล้ว เมื่อได้มีโอกาสกลับมาอีก ถึงจะเป็นสถานที่เดิม แต่ต่างเวลา ต่างปี ความสวย ความงดงามก็แตกต่างกันไปนะคะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตนอกเหนือจากห้องเรียนไว้เยอะๆ นั่นแหละคุ้มค่ากับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่แท้จริงค่ะ แล้วเจอกันใหม่คร้าาา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kabird&month=22-12-2013&group=1&gblog=16
[CR] เที่ยวทุ่งทานตะวัน ลพบุรีค่ะ
เที่ยวทุ่งทานตะวัน แบบชิลๆ หวานเย็นๆ
ใครๆก็อยากไปเที่ยวของดีของไทย ใช่ป่ะคะ่ ป้ากะเบิ๊ดก็เช่นกันค่ะ แม้ว่าอายุจะเลย 30 มาสักพักแล้ว แต่ด้วยความที่ยังมีไฟอยู่ เอาวะ ขอลุยอีกที คราวนี้มีเวลาจำกัดแค่ไม่กี่ชั่วโมงค่ะ ก็เลยตัดสินใจไปเที่ยว ทุ่งทานตะวันที่ ลพบุรี ขับรถไปแบบไม่รีบ หิวก็พักกิน เหนื่อยก็หยุดตามปั๊มเที่ยวได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น
ที่เลือกลพบุรี เพราะฤดูนี้เป็นฤดูกาลของทุ่งทานตะวัน จะบานช่วง พย.-มค. มีเวลาไม่มากละ ต้องไปก่อนที่ดอกไม้จะหุบซะก่อน แถมอีกอย่างก็ไม่ไกลจาก กรุงเทพด้วย ขับรถไปเอง ถ้าคำนวณจาก google ก็แค่ 2 ชั่วโมงนะ แต่เดี้ยนแวะข้างทางบ่อยเกิ๊น ปาไปเกือบๆ 3 ชั่วโมงค่ะ
เริ่มเดินทางตอน 10 โมงเช้า จาก กทม มุ่งหน้าไปยังที่หมายง่ายแสนง่าย เพราะมีป้ายบอกทางตลอดเป็นระยะๆ ดังนี้ค่ะ
1.จากรังสิต ไปสระบุรีด้วยทางหลวงหมายเลข 1
2. เมื่อผ่านจังหวัดสระบุรี สักพักเจอ 3 แยกให้ไปทางขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21
3. จากนั้นขับไปเรื่อยๆจะเจอสี่แยก เลี้ยวไปทาง อำเภอ พัฒนานิคม เพื่อจะเข้าทางหลวง 3017
จากนี้ก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้ว เพราะอย่างที่บอกว่าป้ายบอกทางไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คอยบอกทางอยู่เป็นระยะๆค่ะ
ตอนขับออกมาจาก กทม. ป้ากะเบิ๊ดแวะกินอาหารมื้อเที่ยงที่ ข้าวแกงบ้านสวน 2 (เค้กบ้านสวน 2)
ติดกับถนนพหลโยธิน อ.วังน้อย จ. อยุธยา เส้นหลักเลย สะดวกดี เพราะเห็นป้ายบอกริมทางอยู่ 4-5 ครั้งก่อนถึงร้านจริง
ตอนแรกนึกว่าเป็นร้านอาหาร 1 ร้าน แต่ที่ไหนได้ ใหญ่และมีร้านข้าวแกง ร้านอาหารทั่วไป รวมถึงขายขนม ของฝาก ของชำร่วยเรียงรายให้เลือกเยอะแยะเลยค่ะ ห้องน้ำก็มีหลายที่ และสะอาดกว่าที่คาดไว้ด้วยค่ะ
มองๆดูแต่ละโต๊ะเนี่ยจะสั่ง น้ำพริกปลาทู หรือไม่ก็ต้มมะระ ค่ะ ก็เลยสั่งมากินมั่ง
กินเสร็จ ก็เกือบๆบ่ายโมงละ 5555 เฉื่อยได้โล่ห์จริงๆ จากนั้นก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังจุดหมายตามที่ได้บอกเส้นทางไว้ วันนี้ฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ฟ้ายังเปิดและไม่หนาวค่ะ
ขับรถบนเส้นทาง 3017 สังเกตุเห็นป้าย โสมาภารีสอร์ท เยอะมว๊ากก ทำให้หวนนึกถึงสมัยอยู่มหาลัย พาน้องๆในวิชาเอกมารับน้องที่นี่ โอ้!!! นั่นก็ล่าสุดที่มาทุ่งทานตะวันนี่นา อืม...ก็เกิน 10 ปีแล้วล่ะสิ กร๊ากกก นานขนาดนั้นเชียว
กำลังเวิ่นเว้อคิดถึงสมัยยังสาว รถก็ขับผ่านทุ่งทานตะวันที่รายล้อมสองฝั่งข้างทาง บ้างก็บานแล้ว บ้างก็ยังไม่บาน บ้างก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม... แว๊บบบ ผ่านไป 1 ทุ่งที่เปิดให้เข้าชม เอ่อ แบบว่าอ่านชื่อไม่ทัน ไม่เป็นไรวะ ยังไงมันต้องมีอีกแน่นอน!
ในที่สุดเราก็ขับมาถึงก่อนทางเข้าเขื่อนป่าสัก ด้านซ้ายมือ มีทุ่งทานตะวันคุณณรงค์ เปิดให้เข้าชมพอดีเลย ค่าเข้าราคา 10 บาท ค่าจอดรถฟรี แต่ค่าห้องน้ำ 5 บาท เพราะฉะนั้น เข้าตามปั๊มมาให้เรียบร้อยก่อนจะดีมากนะคะ 555
หน้าทางเข้า ก็แน่นอนว่าต้องขายผลิตภัณฑ์จากทานตะวัน อาหาร,ขนม,ผลไม้ท้องถิ่น น้ำผึ้ง ของที่ระลึก เอาเป็นว่าขอ เดินเล่นในทุ่งก่อนแล้วค่อยซื้อของค่ะ
ทุ่งไม่รู้ว่ามีกี่ไร่ กะประมาณไม่ถูก เพราะใหญ่ แต่ที่แน่ๆ แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งบานแล้วกับฝั่งยังไม่บาน ถ้าเดินไม่ไหว เค้ามีบริการนั่งรถชมทุ่งในราคา 5 บาทนะคะ แถมมีนั่งช้างชมทุ่งด้วย เที่ยวละ 100 บาทค่ะ ดิชั้นไม่อะไรทั้งนั้น เดินอย่างเดียว มือนึงเดินถ่ายรูป อีกมือนึงกินสตรอเบอรรี่เชื่อม อร่อยจุง
เดินชมทุ่งทานตะวันอันเหลืองอร่าม และถ่ายรูปกระดี๊กระด๊า ได้ไม่นานนักก็เริ่มแสบตัว หมดแรง ทั้งๆที่อากาศไม่ร้อนมาก มีลมโชยตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้พกางร่มด้วยป้องกันไว้ก่อน จริงๆแล้วป้าเอาร่มมานะแต่คร้านที่จะเดินกลับไปเอาในรถซะงั้น
ทุ่งคุณณรงค์ เค้ามีพร๊อมพ์เพื่อรองรับพี่ไทยที่ชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว คือ มีเวทีห้างไม้เล็กๆเพื่อให้ช่างภาพขึ้นไปถ่ายท้องทุ่งในมุม Bird's eye view แถมยังมีดอกทานตะวันยักษ์ปลอม 2 ดอก ให้คุณๆและหวานใจไปยืนโผล่ตรงเกสรถ่ายไว้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ น่าร๊ากก
เรามารู้จักทานตะวันกันซักหน่อยดีกว่า
"ทานตะวัน" เป็นพืชทนแล้ง ชอบแสงแดดจัด ชาวสวนปลูกแทนข้าวโพด เพราะได้ราคาดีกว่า เป็นพืชที่ออกดอกปีละครั้ง ลำต้นสูงถึง 3 เมตร (แต่พันธุ์ที่ปลูกในไทยสูงเมตรกว่าๆ)
ทานตะวัน เป็นพืชท้องถิ่นของอเมริกากลาง มีการปลูกในเม็กซิโกก่อนคริสตกาล 2600 ปี
ดอกทานตะวัน สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เยอะเลย เช่น ใช้สกัดเป็นน้ำมันพืช, อบแห้ง, คั่ว, ทำเป็นเครื่องสำอาง, ใช้เลี้ยงผึ้งได้
เนื่องจากจังหวัดลพบุรี เป็นจังหวัดที่มีการปลูกดอกทานตะวันมากที่สุดในเมืองไทยคือ ประมาณ 200,000-300,000 ไร่ จะบานในช่วงเดือน พฤศจิกายน-มกราคม พื้นที่ที่มีการปลูก ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล
ทุ่งทานตะวัน จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญประจำจังหวัด ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดค่ะ ไม่น้อย ไปกว่าเขื่อนป่าสัก เรียกง่ายๆว่าเป็นแพ็คเก็ตทัวร์เดียวกันเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่เหลือเวลาเที่ยวไม่มาก จึงจำเป็นต้องตัดเขื่อนป่าสักออกจากลิสต์ที่วางไว้ เพราะเวลาเย็น และก็เคยไปเที่ยวที่เขื่อนมาแล้วด้วย
เดินกลับออกมาจากทุ่ง แวะดูของฝากท้องถิ่นซะหน่อย แม่ค้าเรียกลูกค้ากันใหญ่เลย มีทั้งชิมฟรี ดื่มไวน์ผลไม้ฟรี ที่ประทับใจที่สุดคงจะเป็น ร้านป้าไหน ป้าแกใจดีฝุดๆ
ขายเมล็ดทานตะวันอบน้ำผึ้ง 6 ถุง 100 บาท,
น้ำผึ้งขวดละ 100 บาท ซึ่งบางร้านขาย 120,
เมล็ดทานตะวันคั่ว 40 บาท,
และ มะละกอสุกลูกละ 20 บาท
แถมสามีแกยังให้โอกาสเดี๊ยนได้ลองคั่วเมล็ดทานตะวัน พร้อมทั้งชักภาพประทับใจไว้เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ สนุกสนานดีจัง ใครแวะไปเที่ยวที่นั่นก็อย่าลืมอุดหนุนสินค้า OTOP ของชาวบ้านแถวนั้นด้วยนะคะ สนับสนุนสินค้าไทยด้วยกันค่ะ
4 โมงเย็นละ ได้เวลากลับเข้าเมืองกรุง ตอนกลับนี่ไม่ต้องใช้ GPS ช่วยเลยค่ะ ป้ายบอกทางเข้า กทม. ชัดเจนตลอดทาง ไม่หลงแน่นอนค่ะ
ขับมาถึงแถวๆที่กินข้าวมื้อเที่ยง เลยมานิดนึง พอดีเหลือบไปเห็น ข้าวแกงบ้านสวนอีกละ แต่คราวนี้อยู่ฝั่งซ้ายมือ คนละสาขา อดใจไม่ไหว หิวเหลือเกิน ก็คงต้องแวะกินมื้อเย็นแล้วล่ะ ธีมร้านเค้าจะออกแนวโบราณๆหน่อย มีข้าวของเครื่องใช้ จักรยานโบราณตกแต่งตรงทางเข้าหน้าร้านเก๋ไปอีกแบบค่ะ
คอนเซปที่ว่า เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ ยังคงใช้ได้ดีจนถึงทุกวันนี้นะคะ เพราะแม้แต่ตัวกะเบิ๊ดเองซึ่งเคยไปเที่ยวที่ทุ่งทานตะวันมาแล้ว เมื่อได้มีโอกาสกลับมาอีก ถึงจะเป็นสถานที่เดิม แต่ต่างเวลา ต่างปี ความสวย ความงดงามก็แตกต่างกันไปนะคะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตนอกเหนือจากห้องเรียนไว้เยอะๆ นั่นแหละคุ้มค่ากับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่แท้จริงค่ะ แล้วเจอกันใหม่คร้าาา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kabird&month=22-12-2013&group=1&gblog=16