มาพูดคุยกันถึงเรื่องการสอบ Toiec บ้าง เราพึ่งไปสอบมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก่อนอื่นเลยอยากจะบอกว่าการสอบ TOEIC เป็นข้อสอบที่ง่ายที่สุดในบรรดากลุ่มข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษทั้งหมดที่เราเคยทำการสอบมาค่ะ ถ้าเทียบกับ TOEFL หรือ IELTS, TOEIC ใช้เวลาเตรียมการน้อยที่สุด เราขอพูดในฐานะที่เราได้มีโอกาสไปเรียนที่ตปท. เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เตรียมตัวไป จองปุ๊บเช้าวันรุ่งขึ้นไปสอบเลย
โทรไปจองสมัครสอบที่ศูนย์สอบ TOEIC ล่วงหน้า 1 วัน วันรุ่งขึ้นก็สามารถเข้าสอบได้เลย มีค่าสมัครสอบ 1500 บาท จองสอบได้ที่เบอร์ (02) 260 7061 (ถ้าสะดวกสอบที่กทม.) เจ้าหน้าที่จะถามชื่อ นามสกุล แล้วก็เลขที่บัตรประชาชาชน ถ้าใครไม่ว่างไปสอบในวันที่จองไว้จะต้องโทรแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ทำการย้ายวันสอบมิฉะนั้นจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มอีก 500 บาท ในวันที่มาลงสอบครั้งต่อไป
การสอบจะจัดขึ้นที่ ศูนย์สอบ TOEIC ที่อาคาร BB Tower ชั้น 19 ห้อง 1907 ถนนอโศกมนตรี (ซอยสุขุมวิท 21) ถ้าใครสะดวกไป BTS ก็ลงที่สถานี อโศก แล้วก็ต่อพี่วินมอไซด์ไปได้ค่ะ นั่งมอไซด์จากฝั่งเดียวกับห้าง TERMINAL 21 นะคะ 15 บาท ต้องไปลงทะเบียนสอบก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง มีการจัดสอบวันละ 2 รอบ เอกสารที่ต้องเอาไปจะมีแค่บัตรประชาชน / passport เอกสารจะต้องให้ตรงกับที่ได้แจ้งไว้ทางโทรศัพท์
มาเข้าเรื่องกันต่อ การสอบ TOEIC มี 2 Part , Listening กับ reading เป็นข้อสอบ Multiple choice 200 ข้อ
Part 1
เราไม่แน่ใจว่าที่โรงเรียนที่เปิดคอร์ส TOEIC เค้าสอนกันยังไงแต่เวลาเราสอนติวนักเรียนที่จะสอบ TOEIC เราจะให้นักเรียนพยายามฝึกทักษะการฟังเพื่อฝึกการจับใจความให้มากๆ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะสำหรับใครที่ไม่ค่อยคุ้นกับภาษาอังกฤษ ถ้าใครไม่มีเวลาไปลงเรียนคอร์ส ให้ลองซื้อแบบฝึกหัดมาทำเองก็ได้ค่ะ แล้วก็ลองตรวจคำตอบดู ข้อไหนที่ผิดก็ลองถามใครที่รู้ภาษาแล้วก็ให้เค้าอธิบายให้ฟัง ทำอย่างงี้ก็ได้ค่ะ เพราะเนื้อหาของ TOEIC นั้นไม่ยากเลย หลายๆข้อในข้อสอบเราสามารถที่จะตัด Choice ออกไปได้เลยด้วยซ้ำ
เทคนิคที่เรา อยากจะแนะทุกคนคือ ต้องตั้งใจฟัง ข้อไหนที่มี Choice พิมพ์อยู่บนกระดาษข้อสอบให้เราอ่านเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าถ้าเป็นไปได้ เพราะการพูดจากเทปจะค่อนข้างเร็วและไม่พูดซ้ำ จะพูดไปเรื่อยๆตามคำถามที่ตั้งไว้ ถ้าเป็นไปได้พยายามจด keywords ไว้ เช่น ถ้าในเทปเป็นบทสนทนาว่า " I'll be calling you back on Tuesday to confirm your availabilities" เราก็จะโน๊ตไว้ในใจว่า "Tuesday call back, you free? " ก็จะจับใจความได้จากทั้งประโยคจะเหลือเพียงแค่ 5 คำ เพราะเราต้องการแค่ประเด็นหลักๆ ไม่ต้องดูที่แกรมม่าว่าผิดหรือถูก สมมุติประโยคมีทั้งหมด 10 ประโยค เราตัดให้เหลือแต่ 20 คำ แค่นั้เราก็สามารถเข้าใจบทสนทนาได้อย่างไม่ยากเลย
อย่าไปตั้งข้อสงสัยว่าเค้าพูดกันถูกต้องรึปล่าว อย่าไปเสียเวลานึกตรงนั้น ให้เน้นไปที่การจับใจความ เช่น เรารู้จักรุ่นน้องคนนึง วันแรกที่คุยกับน้อง เค้าพูดว่า "I will calling you back" พูดติดเป็นนิสัย ซึ่งจริงๆแล้วผิดหลักไวยากรณ์ ที่ถูกต้องคือ " I will call you back" ทีนี้ พอไปนั่งทำข้อสอบ ได้ยินเทปพูดว่า " I will call you back" น้องเค้าก็งงเพราะผิดจากที่ตัวเองเข้าใจมา ก็เลยเสียสมาธิไปชั่วขณะหนึ่ง กว่าจะตั้งสติได้เทปก็พูดไปไกลแล้ว น้องคนนั้นก็เลยพลาดไป 3-4 ข้อ ซึ่งจริงๆเเล้วถ้าน้องไม่ได้ใส่ใจกับตรงนั้น น้องก็คงตอบคำถามได้เพิ่มอีก 4 ข้อสบายๆ
Part 2
Reading
อันนี้ต้องอาศัยการอ่าน 50 ข้อแรกนั้น เน้นหลัก grammar and vocabulary ซึ่งไม่ยากเลย เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวการสอบ TOEIC เราจำได้ว่าทำเสร็จภายใน 10-15 นาทีแรก
ส่วนอีก 50 ข้อหลังเป็น comprehension จะมีข้อความมาให้อ่านหลายรูปแบบ เช่น email, poster, ใบสมัครงาน, รายงานการประชุม แต่ละข้อความจะมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับบทความประมาณ 3-4 ข้อ อันนี้ เทคนิคหลักๆที่อยากจะมาแนะนำคือการอ่านจับใจความ เนื่องจากบาง passage ค่อนข้างจะยาวอย่างแรกเลยคือเราต้องรู้ก่อนว่าเราจะต้องตอบอะไรบ้าง พยายามดูคำถามก่อนที่จะอ่าน ถ้าข้อไหนถามเกี่ยวกับชื่อคน เช่น " Who is Peter ? " อย่างน้อยเราจะได้รู้ไว้ว่าเราต้องให้ความสำคัญกับคนที่ชื่อ Peter ในเรื่องที่เรากำลังอ่านอยู่ ให้มี focus ไว้
สำหรับตัวเนตรเอง หลังจากสอบ TOEIC แล้ว เราไปรับผลด้วยตัวเองที่ศูนย์สอบ TOEIC ในวันรุ่งขึ้น คะเเนนสอบออกมา 970/990 สำหรับเราถือว่าโอเค เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวไปเลยจริงๆ ถ้าเอาผลนี้ไปยื่นตามบริษัท อินเตอร์ ก็คงผ่านเกณต์ของทุกบริษัทค่ะในด้านการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ ผลสอบจะเป็นกระดาษ 1 แผ่น ตามรูปข้างล่างค่ะ
การเตรียมตัวติวเข้มสอบ TOEIC นั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะข้อสอบ TOEIC ไม่ยากเลยจริงๆค่ะ ลองซื้อแบบฝึกหัดที่ขายอยู่ตามร้านหนังสือทั่วไป หมั่นฝึกท่องคำศัพท์ไว้เรื่อยๆ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้มากขึ้น ดูหนังหรือฟังข่าวภาษาอังกฤษไว้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังของเราไว้ เท่านี้ก็เพียงพอกับการที่จะสอบได้คะแนนสูงๆแล้วค่ะ แต่ถ้าใครที่รีบๆต้องการผลเร็วก็อาจจะต้องขยันเพิ่มขึ้นหน่อย หลังไมค์หรือ อีเมล์ มาก็ได้ค่ะเผื่อเราจะพอช่วยแนะอะไรได้บ้างเพราะเราก็ไปทำสอบมาแล้ว
email: unspoken060809@gmail.com
เทคนิคการสอบ Toeic สอบอย่างไรให้ได้ผลเกิน 900 เตรียมตัวได้เองไม่ต้องพึ่งใคร พูดคุยจากประสบการณ์
โทรไปจองสมัครสอบที่ศูนย์สอบ TOEIC ล่วงหน้า 1 วัน วันรุ่งขึ้นก็สามารถเข้าสอบได้เลย มีค่าสมัครสอบ 1500 บาท จองสอบได้ที่เบอร์ (02) 260 7061 (ถ้าสะดวกสอบที่กทม.) เจ้าหน้าที่จะถามชื่อ นามสกุล แล้วก็เลขที่บัตรประชาชาชน ถ้าใครไม่ว่างไปสอบในวันที่จองไว้จะต้องโทรแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน ทำการย้ายวันสอบมิฉะนั้นจะต้องเสียค่าปรับเพิ่มอีก 500 บาท ในวันที่มาลงสอบครั้งต่อไป
การสอบจะจัดขึ้นที่ ศูนย์สอบ TOEIC ที่อาคาร BB Tower ชั้น 19 ห้อง 1907 ถนนอโศกมนตรี (ซอยสุขุมวิท 21) ถ้าใครสะดวกไป BTS ก็ลงที่สถานี อโศก แล้วก็ต่อพี่วินมอไซด์ไปได้ค่ะ นั่งมอไซด์จากฝั่งเดียวกับห้าง TERMINAL 21 นะคะ 15 บาท ต้องไปลงทะเบียนสอบก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง มีการจัดสอบวันละ 2 รอบ เอกสารที่ต้องเอาไปจะมีแค่บัตรประชาชน / passport เอกสารจะต้องให้ตรงกับที่ได้แจ้งไว้ทางโทรศัพท์
มาเข้าเรื่องกันต่อ การสอบ TOEIC มี 2 Part , Listening กับ reading เป็นข้อสอบ Multiple choice 200 ข้อ
Part 1
เราไม่แน่ใจว่าที่โรงเรียนที่เปิดคอร์ส TOEIC เค้าสอนกันยังไงแต่เวลาเราสอนติวนักเรียนที่จะสอบ TOEIC เราจะให้นักเรียนพยายามฝึกทักษะการฟังเพื่อฝึกการจับใจความให้มากๆ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญโดยเฉพาะสำหรับใครที่ไม่ค่อยคุ้นกับภาษาอังกฤษ ถ้าใครไม่มีเวลาไปลงเรียนคอร์ส ให้ลองซื้อแบบฝึกหัดมาทำเองก็ได้ค่ะ แล้วก็ลองตรวจคำตอบดู ข้อไหนที่ผิดก็ลองถามใครที่รู้ภาษาแล้วก็ให้เค้าอธิบายให้ฟัง ทำอย่างงี้ก็ได้ค่ะ เพราะเนื้อหาของ TOEIC นั้นไม่ยากเลย หลายๆข้อในข้อสอบเราสามารถที่จะตัด Choice ออกไปได้เลยด้วยซ้ำ
เทคนิคที่เรา อยากจะแนะทุกคนคือ ต้องตั้งใจฟัง ข้อไหนที่มี Choice พิมพ์อยู่บนกระดาษข้อสอบให้เราอ่านเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าถ้าเป็นไปได้ เพราะการพูดจากเทปจะค่อนข้างเร็วและไม่พูดซ้ำ จะพูดไปเรื่อยๆตามคำถามที่ตั้งไว้ ถ้าเป็นไปได้พยายามจด keywords ไว้ เช่น ถ้าในเทปเป็นบทสนทนาว่า " I'll be calling you back on Tuesday to confirm your availabilities" เราก็จะโน๊ตไว้ในใจว่า "Tuesday call back, you free? " ก็จะจับใจความได้จากทั้งประโยคจะเหลือเพียงแค่ 5 คำ เพราะเราต้องการแค่ประเด็นหลักๆ ไม่ต้องดูที่แกรมม่าว่าผิดหรือถูก สมมุติประโยคมีทั้งหมด 10 ประโยค เราตัดให้เหลือแต่ 20 คำ แค่นั้เราก็สามารถเข้าใจบทสนทนาได้อย่างไม่ยากเลย
อย่าไปตั้งข้อสงสัยว่าเค้าพูดกันถูกต้องรึปล่าว อย่าไปเสียเวลานึกตรงนั้น ให้เน้นไปที่การจับใจความ เช่น เรารู้จักรุ่นน้องคนนึง วันแรกที่คุยกับน้อง เค้าพูดว่า "I will calling you back" พูดติดเป็นนิสัย ซึ่งจริงๆแล้วผิดหลักไวยากรณ์ ที่ถูกต้องคือ " I will call you back" ทีนี้ พอไปนั่งทำข้อสอบ ได้ยินเทปพูดว่า " I will call you back" น้องเค้าก็งงเพราะผิดจากที่ตัวเองเข้าใจมา ก็เลยเสียสมาธิไปชั่วขณะหนึ่ง กว่าจะตั้งสติได้เทปก็พูดไปไกลแล้ว น้องคนนั้นก็เลยพลาดไป 3-4 ข้อ ซึ่งจริงๆเเล้วถ้าน้องไม่ได้ใส่ใจกับตรงนั้น น้องก็คงตอบคำถามได้เพิ่มอีก 4 ข้อสบายๆ
Part 2
Reading
อันนี้ต้องอาศัยการอ่าน 50 ข้อแรกนั้น เน้นหลัก grammar and vocabulary ซึ่งไม่ยากเลย เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวการสอบ TOEIC เราจำได้ว่าทำเสร็จภายใน 10-15 นาทีแรก
ส่วนอีก 50 ข้อหลังเป็น comprehension จะมีข้อความมาให้อ่านหลายรูปแบบ เช่น email, poster, ใบสมัครงาน, รายงานการประชุม แต่ละข้อความจะมีคำถามที่เกี่ยวข้องกับบทความประมาณ 3-4 ข้อ อันนี้ เทคนิคหลักๆที่อยากจะมาแนะนำคือการอ่านจับใจความ เนื่องจากบาง passage ค่อนข้างจะยาวอย่างแรกเลยคือเราต้องรู้ก่อนว่าเราจะต้องตอบอะไรบ้าง พยายามดูคำถามก่อนที่จะอ่าน ถ้าข้อไหนถามเกี่ยวกับชื่อคน เช่น " Who is Peter ? " อย่างน้อยเราจะได้รู้ไว้ว่าเราต้องให้ความสำคัญกับคนที่ชื่อ Peter ในเรื่องที่เรากำลังอ่านอยู่ ให้มี focus ไว้
สำหรับตัวเนตรเอง หลังจากสอบ TOEIC แล้ว เราไปรับผลด้วยตัวเองที่ศูนย์สอบ TOEIC ในวันรุ่งขึ้น คะเเนนสอบออกมา 970/990 สำหรับเราถือว่าโอเค เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวไปเลยจริงๆ ถ้าเอาผลนี้ไปยื่นตามบริษัท อินเตอร์ ก็คงผ่านเกณต์ของทุกบริษัทค่ะในด้านการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ ผลสอบจะเป็นกระดาษ 1 แผ่น ตามรูปข้างล่างค่ะ
การเตรียมตัวติวเข้มสอบ TOEIC นั้นสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะข้อสอบ TOEIC ไม่ยากเลยจริงๆค่ะ ลองซื้อแบบฝึกหัดที่ขายอยู่ตามร้านหนังสือทั่วไป หมั่นฝึกท่องคำศัพท์ไว้เรื่อยๆ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้มากขึ้น ดูหนังหรือฟังข่าวภาษาอังกฤษไว้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังของเราไว้ เท่านี้ก็เพียงพอกับการที่จะสอบได้คะแนนสูงๆแล้วค่ะ แต่ถ้าใครที่รีบๆต้องการผลเร็วก็อาจจะต้องขยันเพิ่มขึ้นหน่อย หลังไมค์หรือ อีเมล์ มาก็ได้ค่ะเผื่อเราจะพอช่วยแนะอะไรได้บ้างเพราะเราก็ไปทำสอบมาแล้ว
email: unspoken060809@gmail.com