คนแรก รอดเจอร์ ณ ลิเวอร์พูล
ปีนี้ทำผลงานขึ้นจ่าฝูงไปแล้ว แล้วรู้สึกว่าการเล่นของทีมดูดีกว่าฤดูกาลที่แล้วและดูพัฒนาขึ้นมามาก แถมยังมีซัวเรสระเบิดตาข่ายให้อีก
อีกคนคือ ซิเมโอเน่ ณ แอต มาดริด
ผลงานปีนี้คือจ่าฝูงร่วมกับบาร์ซ่า การเล่นที่ดุดันตามสไตล์โค๊ชคือจุดแข็ง บวกกับฟอร์มอันร้อนแรงของดิเอโก้ คอสต้าที่ยิงแซงโรนัลโด้ไปเรียบร้อยแล้ว
อุปสรรคของร็อดเจอร์น่าจะเป็นทีมที่ตามมามีหลายทีม เช่นแมนซิตี้ น่อล เชลซี เอฟ สเปอร์ ขณะที่ซิเมโอเน่มีแค่บาร์ซ่ากับเรอัล แต่ประสบการณ์และโปรไฟล์ของซิเมโอเน่ก็ดูดีกว่า เพราะคว้าทั้งยูโรป้าลีก ซุปเปอร์คัพถล่มเชลซี โคปป้าเดอเรเชือดเรอัลมาแล้ว การแบกรับความกดดันน่าจะมีมากกว่า
ส่วนตัวผมว่าซิเมโอเน่อาจจะแลกหมัดกับเรอัลและบาร์ซ่าได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง เพราะต้องเตะ UCL ด้วยนี่แหละ แต่ก็ไม่แน่ถ้าคอสต้ายังขยันยิงให้ทีมเก็บสามแต้มได้เรื่อยๆ
ส่วนร็อดเจอร์โฟกัสไปที่ลีกได้อย่างเดียวเพราะไม่มีถ้วยยุโรปให้พะวง ถ้าซัวเรสยังยิงได้แบบนี้แถมไม่เจ็บไม่ไข้ล่ะก็ ลิเวอร์พูลมีสิทธิ์ถึงแชมป์ได้เลย
2 กุนซือดาวรุ่งจาก 2 ลีก เพื่อนๆว่าจบฤดูกาลผลงานใครจะดีกว่ากัน
ปีนี้ทำผลงานขึ้นจ่าฝูงไปแล้ว แล้วรู้สึกว่าการเล่นของทีมดูดีกว่าฤดูกาลที่แล้วและดูพัฒนาขึ้นมามาก แถมยังมีซัวเรสระเบิดตาข่ายให้อีก
อีกคนคือ ซิเมโอเน่ ณ แอต มาดริด
ผลงานปีนี้คือจ่าฝูงร่วมกับบาร์ซ่า การเล่นที่ดุดันตามสไตล์โค๊ชคือจุดแข็ง บวกกับฟอร์มอันร้อนแรงของดิเอโก้ คอสต้าที่ยิงแซงโรนัลโด้ไปเรียบร้อยแล้ว
อุปสรรคของร็อดเจอร์น่าจะเป็นทีมที่ตามมามีหลายทีม เช่นแมนซิตี้ น่อล เชลซี เอฟ สเปอร์ ขณะที่ซิเมโอเน่มีแค่บาร์ซ่ากับเรอัล แต่ประสบการณ์และโปรไฟล์ของซิเมโอเน่ก็ดูดีกว่า เพราะคว้าทั้งยูโรป้าลีก ซุปเปอร์คัพถล่มเชลซี โคปป้าเดอเรเชือดเรอัลมาแล้ว การแบกรับความกดดันน่าจะมีมากกว่า
ส่วนตัวผมว่าซิเมโอเน่อาจจะแลกหมัดกับเรอัลและบาร์ซ่าได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง เพราะต้องเตะ UCL ด้วยนี่แหละ แต่ก็ไม่แน่ถ้าคอสต้ายังขยันยิงให้ทีมเก็บสามแต้มได้เรื่อยๆ
ส่วนร็อดเจอร์โฟกัสไปที่ลีกได้อย่างเดียวเพราะไม่มีถ้วยยุโรปให้พะวง ถ้าซัวเรสยังยิงได้แบบนี้แถมไม่เจ็บไม่ไข้ล่ะก็ ลิเวอร์พูลมีสิทธิ์ถึงแชมป์ได้เลย