คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าดูภายนอกอาจจะเข้าง่ายนะคะ แต่ในแต่ละปีก็โดนไทร์ออกค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
รวมไปถึงการที่จะจบตามเกณฑ์ที่กำหนด (จบภายใน 4 ปี) ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เพราะตารางเรียนแน่นมาก ไหนทฤษฎี ปฏิบัติ แล้วยังต้องออกไปฝึกงานอีก
ดังนั้นถ้าคิดว่าเข้ามาแล้วเล่นๆ ชิลๆ คิดว่าติด F ก็แก้ได้ บอกเลยว่ายากค่ะ
ดังนั้นอาจจะต้องเรียนเพิ่มอีกเทอมนึง ซึ่งก็จะทำให้น้องรับปริญญาช้ากว่าเพื่อนไปอีกปีนึง
อย่างรุ่นเราเข้ามาตอนแรก 160-170 โดนไทร์ออกจนตอนปี4 เหลือประมาณ 90 ได้
แต่พอวันจบรับปริญญาจริงๆมีเหลือแค่ 50 กว่าคนเอง นอกนั้นต้องแก้วิชาที่ติด F
แล้วอย่าคิดว่าเรียนมาจนถึงปี 4 แล้วจะไม่โดนไทร์ออกนะคะ โดนเหมือนกันค่ะ มีคนโดนมาแล้ว
เรื่องสถานที่เรียน ตอนนี้เรียน 2 ที่ค่ะ คือ ตลิ่งชัน(ตึกอธิการบดี)ซึ่งจะเรียนในส่วนของภาคทฤษฎี
ส่วนการเรียนที่ตึก CAT นั้นจะเน้นไปในด้านของปฏิบัติค่ะ
โดยส่วนตัวคิดว่าอาจจะลำบากในเรื่องของสถานที่ที่ต้องสลับไปมา
แต่คิดว่าการได้เรียนปฏิบัติที่ตึก CAT ก็เป็นการได้เจอลูกค้าจริงๆและได้ฝึกใช้สกิลจริงๆในการทำงาน
เพราะต้องเจอลูกค้าทั้งจากสถานฑูตฝรั่งเศส, นักเรียนที่มาเรียน Table Manner, และคนอื่นๆที่มาตึก CAT
ต่อมาขอตอบคำถามที่น้องถามมา:
1. การสอบเข้าทั้งข้อเขียน และ สัมภาษณ์นั้น ยาก หรือ ง่าย (ในถานะเด็กที่จบโรงเรียนไทยมาค่ะ)
- อันนี้เราไม่สามารถตอบในส่วนของข้อเขียนได้ เนื่องจากเราใช้คะแนน IELTS ยื่นเข้า
ส่วนเรื่องสัมภาษณ์ ตอนรุ่นเราสอบนักเรียน 1 คนต่ออาจารย์ 2 ท่านค่ะ
ก็จะเป็นการแนะนำตัวสั้นๆก่อน แล้วอาจารย์ก็จะถามคำถามให้ตอบค่ะ
โดยการสัมภาษณ์ทั้งหมดนั้นเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ^^
2. การเรียนการสอน เน้นด้านไหน วิชาการหรือภาคปฏิบัติ
- เน้นทั้งคู่ค่ะ แต่จะหนักไปทางด้านปฏิบัติมากกว่า เพราะ จะมีเรื่องของฝึกงานเข้ามาด้วย
ถ้ารุ่นที่เราเรียนก็จะมีฝึกงานตอนปี 1 และ 2 ฝึกงาน 2 รอบ รอบละประมาน 2 เดือนได้
โดยปี 1 เทอม 1 ให้ไปฝึก F&B (จะอยู่ครัว หรือ เสิร์ฟ ก็ได้) เทอม 2 ทำ Housekeeping
ปี 2 ทั้งเทอม 1 และ 2 จะได้ไปฝึกในส่วนของ Front Office
แต่ถ้าใครอยากไปฝึก F&B / Housekeeping อีกรอบก็ได้ ไม่ว่ากัน
ในปีนี้ภาคปฏิบัติจะมีให้น้องจัดงาน Gala Dinner ด้วยทางมหาวิทยาลัยจะให้งบเรามา
แล้วเราต้องแบ่งหน้าที่กันเองว่าใครจะทำอะไร เหมือนบริษัท Catering เล็กๆบริษัทนึงเลย
เราก็ต้องคิดว่างานจะทำเป็น Theme แบบไหน การจัดงานเป็นยังไง ขายบัตรยังไง มีเมนูอะไรเสิร์ฟลูกค้า
ซึ่งเราก็ยังต้องเรียนปฏิบัติตามเดินอยู่ เพิ่มเติมคือ Project Gala Dinner นั่นเอง
ปี 3 จะให้เลือกว่าจะไปฝึกที่ไหนระหว่าง อเมริกา กับ ฝรั่งเศส ซึ่งจะไปประมาณ 3 เดือน
ส่วนใหญ่ตำแหน่งที่ได้มักจะเป็นส่วนของ F&B (ในส่วนของครัวนะ) ไม่ก็ Housekeeping
ส่วนปี 4 จะมีการฝึกงานรอบเดียว สามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ไหน ฝึกงานตำแหน่งอะไร
โดยส่วนมากก็จะเลือกฝึกกันในส่วนของ Office เช่น Sale, Marketing, Human Resource เป็นต้น
เพราะพอฝึกงานจบแล้วนักศึกษาส่วนใหญ่จะได้รับ Offer จากที่ฝึกงานให้ทำงานต่อเลย
3. ความพร้อมทางด้านอาจารย์ สัดส่วนของอาจารย์ไทย และ อาจารย์ต่างชาติ มากน้อยเพียงใด?
- อาจารย์ทั้งไทยและต่างชาติเก่งทั้งคู่ค่ะ บอกเลยว่าอาจารย์ไทยทุกท่านมีประสบการณ์ด้านโรงแรมสูงมาก
และวุฒิการศึกษาดีมาก โดยเกือบทุกท่านจบจากมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศ ดังนั้นความรู้แน่น เคสตัวอย่างก็แน่นมากเช่นกัน
4. ชื่อเสียงของบัณฑิตที่จบจากที่นี่ มักจะได้รับการยอมรับเพื่อเข้าทำงานจากบริษัทประเภทไหน และมากน้อยเพียงใด คือ ต้องการจะเช็คเร้ตติ้งอะคะ ว่าถ้าจบจากที่นี่ไป เวลาสมัครงานจะได้รับการตอบรับสูงรึเปล่า
- ถ้าสมัครในส่วนของโรงแรม บอกเลยว่า HR หลายๆที่รู้จัก Vatel ดีค่ะ เนื่องจากนักศึกษาต้องไปฝึกงานบ่อย
อีกทั้ง รุ่นพี่หลายๆคนก็ทำงานอยู่ในสายโรงแรมอยู่เยอะพอสมควร
แต่เอาเข้าจริง การที่เรียนจบด้านโรงแรมมาก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำงานโรงแรมไปตลอดนะ
เพราะอย่างเพื่อนๆเราก็มีกลับไปทำธุรกิจของที่บ้าน มีไปทำงานบริษัทพวกรายการทีวีไรงี้ก็มี
ส่วนตัวเราทำอยู่บริษัท HR Agent แต่ตอนนี้ก็ลาออกเรียบร้อย เพราะเตรียมไปเรียนต่อโท
ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่จะได้การตอบรับในการเข้าทำงานก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองด้วยว่าน้องทำตัวยังไง
เคยฝึกงานที่ไหนมาบ้าง เกรดตอนเรียนเป็นยังไง ตอนสัมภาษณ์เป็นยังไงด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองแล้วเนอะว่าจะเลือกเรียนที่ไหน ยังไงก็ขอให้โชคดีจ้า
รวมไปถึงการที่จะจบตามเกณฑ์ที่กำหนด (จบภายใน 4 ปี) ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เพราะตารางเรียนแน่นมาก ไหนทฤษฎี ปฏิบัติ แล้วยังต้องออกไปฝึกงานอีก
ดังนั้นถ้าคิดว่าเข้ามาแล้วเล่นๆ ชิลๆ คิดว่าติด F ก็แก้ได้ บอกเลยว่ายากค่ะ
ดังนั้นอาจจะต้องเรียนเพิ่มอีกเทอมนึง ซึ่งก็จะทำให้น้องรับปริญญาช้ากว่าเพื่อนไปอีกปีนึง
อย่างรุ่นเราเข้ามาตอนแรก 160-170 โดนไทร์ออกจนตอนปี4 เหลือประมาณ 90 ได้
แต่พอวันจบรับปริญญาจริงๆมีเหลือแค่ 50 กว่าคนเอง นอกนั้นต้องแก้วิชาที่ติด F
แล้วอย่าคิดว่าเรียนมาจนถึงปี 4 แล้วจะไม่โดนไทร์ออกนะคะ โดนเหมือนกันค่ะ มีคนโดนมาแล้ว
เรื่องสถานที่เรียน ตอนนี้เรียน 2 ที่ค่ะ คือ ตลิ่งชัน(ตึกอธิการบดี)ซึ่งจะเรียนในส่วนของภาคทฤษฎี
ส่วนการเรียนที่ตึก CAT นั้นจะเน้นไปในด้านของปฏิบัติค่ะ
โดยส่วนตัวคิดว่าอาจจะลำบากในเรื่องของสถานที่ที่ต้องสลับไปมา
แต่คิดว่าการได้เรียนปฏิบัติที่ตึก CAT ก็เป็นการได้เจอลูกค้าจริงๆและได้ฝึกใช้สกิลจริงๆในการทำงาน
เพราะต้องเจอลูกค้าทั้งจากสถานฑูตฝรั่งเศส, นักเรียนที่มาเรียน Table Manner, และคนอื่นๆที่มาตึก CAT
ต่อมาขอตอบคำถามที่น้องถามมา:
1. การสอบเข้าทั้งข้อเขียน และ สัมภาษณ์นั้น ยาก หรือ ง่าย (ในถานะเด็กที่จบโรงเรียนไทยมาค่ะ)
- อันนี้เราไม่สามารถตอบในส่วนของข้อเขียนได้ เนื่องจากเราใช้คะแนน IELTS ยื่นเข้า
ส่วนเรื่องสัมภาษณ์ ตอนรุ่นเราสอบนักเรียน 1 คนต่ออาจารย์ 2 ท่านค่ะ
ก็จะเป็นการแนะนำตัวสั้นๆก่อน แล้วอาจารย์ก็จะถามคำถามให้ตอบค่ะ
โดยการสัมภาษณ์ทั้งหมดนั้นเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ^^
2. การเรียนการสอน เน้นด้านไหน วิชาการหรือภาคปฏิบัติ
- เน้นทั้งคู่ค่ะ แต่จะหนักไปทางด้านปฏิบัติมากกว่า เพราะ จะมีเรื่องของฝึกงานเข้ามาด้วย
ถ้ารุ่นที่เราเรียนก็จะมีฝึกงานตอนปี 1 และ 2 ฝึกงาน 2 รอบ รอบละประมาน 2 เดือนได้
โดยปี 1 เทอม 1 ให้ไปฝึก F&B (จะอยู่ครัว หรือ เสิร์ฟ ก็ได้) เทอม 2 ทำ Housekeeping
ปี 2 ทั้งเทอม 1 และ 2 จะได้ไปฝึกในส่วนของ Front Office
แต่ถ้าใครอยากไปฝึก F&B / Housekeeping อีกรอบก็ได้ ไม่ว่ากัน
ในปีนี้ภาคปฏิบัติจะมีให้น้องจัดงาน Gala Dinner ด้วยทางมหาวิทยาลัยจะให้งบเรามา
แล้วเราต้องแบ่งหน้าที่กันเองว่าใครจะทำอะไร เหมือนบริษัท Catering เล็กๆบริษัทนึงเลย
เราก็ต้องคิดว่างานจะทำเป็น Theme แบบไหน การจัดงานเป็นยังไง ขายบัตรยังไง มีเมนูอะไรเสิร์ฟลูกค้า
ซึ่งเราก็ยังต้องเรียนปฏิบัติตามเดินอยู่ เพิ่มเติมคือ Project Gala Dinner นั่นเอง
ปี 3 จะให้เลือกว่าจะไปฝึกที่ไหนระหว่าง อเมริกา กับ ฝรั่งเศส ซึ่งจะไปประมาณ 3 เดือน
ส่วนใหญ่ตำแหน่งที่ได้มักจะเป็นส่วนของ F&B (ในส่วนของครัวนะ) ไม่ก็ Housekeeping
ส่วนปี 4 จะมีการฝึกงานรอบเดียว สามารถเลือกได้ว่าจะไปที่ไหน ฝึกงานตำแหน่งอะไร
โดยส่วนมากก็จะเลือกฝึกกันในส่วนของ Office เช่น Sale, Marketing, Human Resource เป็นต้น
เพราะพอฝึกงานจบแล้วนักศึกษาส่วนใหญ่จะได้รับ Offer จากที่ฝึกงานให้ทำงานต่อเลย
3. ความพร้อมทางด้านอาจารย์ สัดส่วนของอาจารย์ไทย และ อาจารย์ต่างชาติ มากน้อยเพียงใด?
- อาจารย์ทั้งไทยและต่างชาติเก่งทั้งคู่ค่ะ บอกเลยว่าอาจารย์ไทยทุกท่านมีประสบการณ์ด้านโรงแรมสูงมาก
และวุฒิการศึกษาดีมาก โดยเกือบทุกท่านจบจากมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศ ดังนั้นความรู้แน่น เคสตัวอย่างก็แน่นมากเช่นกัน
4. ชื่อเสียงของบัณฑิตที่จบจากที่นี่ มักจะได้รับการยอมรับเพื่อเข้าทำงานจากบริษัทประเภทไหน และมากน้อยเพียงใด คือ ต้องการจะเช็คเร้ตติ้งอะคะ ว่าถ้าจบจากที่นี่ไป เวลาสมัครงานจะได้รับการตอบรับสูงรึเปล่า
- ถ้าสมัครในส่วนของโรงแรม บอกเลยว่า HR หลายๆที่รู้จัก Vatel ดีค่ะ เนื่องจากนักศึกษาต้องไปฝึกงานบ่อย
อีกทั้ง รุ่นพี่หลายๆคนก็ทำงานอยู่ในสายโรงแรมอยู่เยอะพอสมควร
แต่เอาเข้าจริง การที่เรียนจบด้านโรงแรมมาก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำงานโรงแรมไปตลอดนะ
เพราะอย่างเพื่อนๆเราก็มีกลับไปทำธุรกิจของที่บ้าน มีไปทำงานบริษัทพวกรายการทีวีไรงี้ก็มี
ส่วนตัวเราทำอยู่บริษัท HR Agent แต่ตอนนี้ก็ลาออกเรียบร้อย เพราะเตรียมไปเรียนต่อโท
ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่จะได้การตอบรับในการเข้าทำงานก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองด้วยว่าน้องทำตัวยังไง
เคยฝึกงานที่ไหนมาบ้าง เกรดตอนเรียนเป็นยังไง ตอนสัมภาษณ์เป็นยังไงด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองแล้วเนอะว่าจะเลือกเรียนที่ไหน ยังไงก็ขอให้โชคดีจ้า
แสดงความคิดเห็น
SUIC ศิลปากร อินเตอร์ การโรงแรม หรือ VATEL ได้รับการยอมรับประมาณไหนคะ?
รวมถึง SUIC (Vatel)ซึ่งจากที่เราได้ทราบมา ก็คือ Vatel นั้นเข้าง่าย ค่าเทอมราคาสูง แต่ไม่เน้นวิชาการสักเท่าไหร่ ทั้งสถานที่ก็ไม่ค่อยพร้อม (ต้องเรียนที่ตึก CAT) แต่เราก็ยังคงสนใจนะคะ จึงอยากขอทราบข้อมูล หรือประสบการณ์จริง ในเรื่อง
1. การสอบเข้าทั้งข้อเขียน และ สัมภาษณ์นั้น ยาก หรือ ง่าย (ในถานะเด็กที่จบโรงเรียนไทยมาค่ะ)
2. การเรียนการสอน เน้นด้านไหน วิชาการหรือภาคปฏิบัติ
3. ความพร้อมทางด้านอาจารย์ สัดส่วนของอาจารย์ไทย และ อาจารย์ต่างชาติ มากน้อยเพียงใด?
4. ชื่อเสียงของบัณฑิตที่จบจากที่นี่ มักจะได้รับการยอมรับเพื่อเข้าทำงานจากบริษัทประเภทไหน และมากน้อยเพียงใด คือ ต้องการจะเช็คเร้ตติ้งอะคะ ว่าถ้าจบจากที่นี่ไป เวลาสมัครงานจะได้รับการตอบรับสูงรึเปล่า
ขอบคุณมากนะคะ