หากจะเอ่ยถึงวรรณกรรมรักอมตะที่อยู่ในใจคนทั่วโลก แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่พูดถึง Romeo & Juliet ผลงานชิ้นโบว์แดงของ วิลเลี่ยม เชคเสปียร์ ในโลกภาพยนตร์เองมีการนำเรื่องนี้มาดัดแปลงทำเป็นเวอร์ชั่นต่างๆมากมาย แต่ที่เห็นชัดๆคงเป็นเวอร์ชั่น ปี 1968 กับ ปี 1996 ซึ่งโด่งดังและได้รับคำชื่นชมพอสมควร
จนมาถึงเวอร์ชั่น ปี 2013เป็นผลงานการกำกับของ คาโล่ คาร์ไล เขียนบทโดย จูเลี่ยน เฟลโลส์ ซึ่งวางโครงเรื่องใกล้เคียงกับต้นฉบับของ เชคเสปียร์ นำแสดงโดย ดักลาส บูธ รับบท โรมิโอ และ เฮลี่ สไตน์ รับบท จูเลียต
เรื่องย่อ มอนเตคิวและคาปูเล็ต สองตระกูลคู่ขัดแย้งแห่งเมืองเวโรนาประเทศอิตาลีต่อสู้ฟาดฟันกันมาหลายปี กระทั้ง โรมิโอแห่งมอนเตคิว พบรักกับ จูเลียตแห่งคาปูเล็ต ทั้งสองแอบคบหากันลับๆ ท่ามกลางความเกลียดชังของคนสองตระกูลที่ไม่มีวี่แววจะยุติ
หนังดำเนินเรื่องตามบทกั้งเดิมของ เชคเสปียร์ แบบแทบจะไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด เนื้อหาดูซํ้าซาก ค่อนข้างจะยํ่าอยู่กับที่ มีแปลกบ้างก็ตรงบทสนทนาของตัวละคร ที่พูดกันเป็นบทกลอน เปรียบเปรยกันแทบจะตลอดเวลา รวมถึงมีการนำบทกวีผลงานของ เชคเสปียร์ จากเรื่องอื่นๆเข้ามาอยู่ในบทสนทนาด้วย ซึ่งจุดนี้ทำให้ตัวละครแต่ละตัวดูพรํ่าเพ้อมากๆ การนำเสนอมีกลิ่นอายของรูปแบบละครเวทีนิดๆ
โปรดักชั่น เสื้อผ้าหน้าผม เครื่องแต่งกาย ฉาก จัดเต็มแบบอิงตามเวลาและสถานที่จริง ต่างกับวอร์ชั่นปี 1996 ที่มีความแฟนตาซีมากกว่า การถ่ายภาพสวยงามพอใช้ได้ บรรยากาศเป็นแนววินเทจย้อนยุคมีการโหยหาอดีตพอสมควร โดยเฉพาะ โบสถ์ อาคาร ปราสาท แบบโบราณที่หาดูไม่ได้ง่ายๆแล้วในสมัยนี้ ดนตรีประกอบขับให้หนังออกแนวเทพนิยายชวนฝัน
ด้านการแสดง ดักลาส บูธ หล่อเหลาละลายใจสาวที่นิยมผู้ชายหน้าใส แต่การพูดของเขายังดูติดขัดยังไงพิกล เหมือนท่องไปตามสคิปต์ ผิดกับ เฮลี่ สไตน์ ที่ดูมีความสดใสร่าเริงมากกว่า แน่นอนว่านักแสดงที่เล่นเป็น จูเลียต เกือบทุกคนไม่อาจรอดปากเหนี่ยวปากกาเรื่องความสวยที่ไม่คู่ควรโรมิโอรูปงาม เธอก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่างไรก็ตามเคมีการแสดงของทั้งคู่ก็ไปด้วยกันได้ดี
ส่วนสาวคนไหนชอบผู้ชายแนวนักสู้ผู้ก้าวร้าวจะหลงไหล Christian Cooke ในบท เมอร์คิวชิโอ มากกว่า หรือชอบแบบดิบเถือนแบดบอยก็มี Ed Westwick ที่เล่นเป็น ทิบอลท์ ซึ่งทำเอาโรมิโอของเราดูจืดไปเลย สำหรับ เคานท์ปารีส ไม่ขอพูดถึงเพราะบทน้อยมาก น่าจะแบ่งฉากจาก เบนโวลิโอ ไปสักหน่อย แต่โดยร่วมผู้ที่เข้าถึงอารมณ์และบทบาทที่สุดคือ พอล จิอาแมตติ ในบท บาทหลวง
ด้วยความที่หนังไม่ได้แหวกแนวออกจากเดิมเลย ความซาบซึ่งจึงอยู่ในระนาบธรรมดา ไม่ได้มีซีนบีบคั้นมาก เพราะเป็นรสชาติที่คนดูส่วนใหญ่คุ้นเคยอยู่แล้ว ความอินจึงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนตัวของแต่ละคน ความสำเร็จเล็กๆของหนังคือการทำให้คนดูอดลุ้นไม่ได้ว่าว่าจะมีปาฏิหาริย์ในช่วงท้ายหรือไม่
โรมิโอ แอนด์ จูเลียต ฉบับนี้จึงเหมาะกับคนที่ไม่เคยทราบเรื่องราวของโศกนาฏกรรมเรื่องนี้มาก่อน นักเรียนนักศึกษาที่อยากได้แนวทางไปปรับใช้ในการเล่นละครเวทีโรงเรียนและมหาลัย หรือคอหนังพีเรียดที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวเก่าแก่คลาสสิก
ตราบใดที่ความรักอันบริสุทธิ์ของคนสองคนถูกขัดขวางโดยคนอื่น ตำนานบทนี้ก็ยังจะถูกเล่าขานต่อไป หนุ่มสาวเอย จงมีความรักให้เหมือนกับ โรมิโอ จูเลียต แต่อย่ามีชีวิตเหมือนกับ โรมิโอ จูเลียต และขอให้ชีวิตของพวกเธอ สั้นกว่าความรักที่มีให้กัน
คะแนน 7/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก
http://movie.bugaboo.tv/watch/96352
วิจารณ์หนัง : Romeo & Juliet ชีวิตสั้น ความรักยืนยาว
หากจะเอ่ยถึงวรรณกรรมรักอมตะที่อยู่ในใจคนทั่วโลก แน่นอนว่าคงไม่มีใครไม่พูดถึง Romeo & Juliet ผลงานชิ้นโบว์แดงของ วิลเลี่ยม เชคเสปียร์ ในโลกภาพยนตร์เองมีการนำเรื่องนี้มาดัดแปลงทำเป็นเวอร์ชั่นต่างๆมากมาย แต่ที่เห็นชัดๆคงเป็นเวอร์ชั่น ปี 1968 กับ ปี 1996 ซึ่งโด่งดังและได้รับคำชื่นชมพอสมควร
จนมาถึงเวอร์ชั่น ปี 2013เป็นผลงานการกำกับของ คาโล่ คาร์ไล เขียนบทโดย จูเลี่ยน เฟลโลส์ ซึ่งวางโครงเรื่องใกล้เคียงกับต้นฉบับของ เชคเสปียร์ นำแสดงโดย ดักลาส บูธ รับบท โรมิโอ และ เฮลี่ สไตน์ รับบท จูเลียต
เรื่องย่อ มอนเตคิวและคาปูเล็ต สองตระกูลคู่ขัดแย้งแห่งเมืองเวโรนาประเทศอิตาลีต่อสู้ฟาดฟันกันมาหลายปี กระทั้ง โรมิโอแห่งมอนเตคิว พบรักกับ จูเลียตแห่งคาปูเล็ต ทั้งสองแอบคบหากันลับๆ ท่ามกลางความเกลียดชังของคนสองตระกูลที่ไม่มีวี่แววจะยุติ
หนังดำเนินเรื่องตามบทกั้งเดิมของ เชคเสปียร์ แบบแทบจะไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด เนื้อหาดูซํ้าซาก ค่อนข้างจะยํ่าอยู่กับที่ มีแปลกบ้างก็ตรงบทสนทนาของตัวละคร ที่พูดกันเป็นบทกลอน เปรียบเปรยกันแทบจะตลอดเวลา รวมถึงมีการนำบทกวีผลงานของ เชคเสปียร์ จากเรื่องอื่นๆเข้ามาอยู่ในบทสนทนาด้วย ซึ่งจุดนี้ทำให้ตัวละครแต่ละตัวดูพรํ่าเพ้อมากๆ การนำเสนอมีกลิ่นอายของรูปแบบละครเวทีนิดๆ
โปรดักชั่น เสื้อผ้าหน้าผม เครื่องแต่งกาย ฉาก จัดเต็มแบบอิงตามเวลาและสถานที่จริง ต่างกับวอร์ชั่นปี 1996 ที่มีความแฟนตาซีมากกว่า การถ่ายภาพสวยงามพอใช้ได้ บรรยากาศเป็นแนววินเทจย้อนยุคมีการโหยหาอดีตพอสมควร โดยเฉพาะ โบสถ์ อาคาร ปราสาท แบบโบราณที่หาดูไม่ได้ง่ายๆแล้วในสมัยนี้ ดนตรีประกอบขับให้หนังออกแนวเทพนิยายชวนฝัน
ด้านการแสดง ดักลาส บูธ หล่อเหลาละลายใจสาวที่นิยมผู้ชายหน้าใส แต่การพูดของเขายังดูติดขัดยังไงพิกล เหมือนท่องไปตามสคิปต์ ผิดกับ เฮลี่ สไตน์ ที่ดูมีความสดใสร่าเริงมากกว่า แน่นอนว่านักแสดงที่เล่นเป็น จูเลียต เกือบทุกคนไม่อาจรอดปากเหนี่ยวปากกาเรื่องความสวยที่ไม่คู่ควรโรมิโอรูปงาม เธอก็เป็นหนึ่งในนั้น อย่างไรก็ตามเคมีการแสดงของทั้งคู่ก็ไปด้วยกันได้ดี
ส่วนสาวคนไหนชอบผู้ชายแนวนักสู้ผู้ก้าวร้าวจะหลงไหล Christian Cooke ในบท เมอร์คิวชิโอ มากกว่า หรือชอบแบบดิบเถือนแบดบอยก็มี Ed Westwick ที่เล่นเป็น ทิบอลท์ ซึ่งทำเอาโรมิโอของเราดูจืดไปเลย สำหรับ เคานท์ปารีส ไม่ขอพูดถึงเพราะบทน้อยมาก น่าจะแบ่งฉากจาก เบนโวลิโอ ไปสักหน่อย แต่โดยร่วมผู้ที่เข้าถึงอารมณ์และบทบาทที่สุดคือ พอล จิอาแมตติ ในบท บาทหลวง
ด้วยความที่หนังไม่ได้แหวกแนวออกจากเดิมเลย ความซาบซึ่งจึงอยู่ในระนาบธรรมดา ไม่ได้มีซีนบีบคั้นมาก เพราะเป็นรสชาติที่คนดูส่วนใหญ่คุ้นเคยอยู่แล้ว ความอินจึงขึ้นกับความชื่นชอบส่วนตัวของแต่ละคน ความสำเร็จเล็กๆของหนังคือการทำให้คนดูอดลุ้นไม่ได้ว่าว่าจะมีปาฏิหาริย์ในช่วงท้ายหรือไม่
โรมิโอ แอนด์ จูเลียต ฉบับนี้จึงเหมาะกับคนที่ไม่เคยทราบเรื่องราวของโศกนาฏกรรมเรื่องนี้มาก่อน นักเรียนนักศึกษาที่อยากได้แนวทางไปปรับใช้ในการเล่นละครเวทีโรงเรียนและมหาลัย หรือคอหนังพีเรียดที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวเก่าแก่คลาสสิก
ตราบใดที่ความรักอันบริสุทธิ์ของคนสองคนถูกขัดขวางโดยคนอื่น ตำนานบทนี้ก็ยังจะถูกเล่าขานต่อไป หนุ่มสาวเอย จงมีความรักให้เหมือนกับ โรมิโอ จูเลียต แต่อย่ามีชีวิตเหมือนกับ โรมิโอ จูเลียต และขอให้ชีวิตของพวกเธอ สั้นกว่าความรักที่มีให้กัน
คะแนน 7/10
โดย นกไซเบอร์
ที่มาจาก http://movie.bugaboo.tv/watch/96352