เมตตาเทศน์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2554 ณ วัดป่าภูสังโฆ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เมื่อคราวที่คณะนักศึกษากลุ่มพุทธธรรมกรรมฐานมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้ไปกราบท่านพระอาจารย์ ในโครงการธรรมะสัญจรครั้งที่ 12
พระอาจารย์วันชัย:" วิชาไหน อาชีพอะไรก็ตามเหอะ มีไหมจะดับทุกข์ในหัวใจได้ ไม่มี ดับทุกข์ในร่างกายได้ มีไหม ไม่มี ไม่มี มีแต่ช่วยประคับประคองมันไปเรื่อยๆ ประกอบอาชีพนั้น ออกไปหาอยู่หากิน พอให้มีเงินมีทอง ได้เท่านั้น วิชาในโลกนี้ สาขาไหนก็ตาม ให้เห็นชัดๆกับตัวเอง จึงรู้ว่าเรียนก็เรียนไปเพื่อประกอบอาชีพ เพื่อหาเลี้ยงตัวต่อไป เพราะเกิดมาแล้วต้องมีความจำเป็นอยู่กับ อาหาร การบริโภค กับที่อยู่ที่อาศัย จำเป็นต้อง ภาคบังคับ คือต้องหาอาชีพอะไรประเภทหนึ่ง นี่แหละหาอาชีพจากรัฐศาสตร์ หาอาชีพจาก บริหาร หาอาชีพจากศิลปะศาสตร์ ต้องหาอาชีพประเภทหนึ่ง ต้องมาหา เข้าป่าล่าสัตว์ ต้องทำนา ต้องทำสวน ทุกคน แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องถูกภาคบังคับแบบนี้ ไม่มีใครมีอิสระเสรีได้เลย เห็นไหม ตรงนี้ เห็นไหม ไม่มีผู้ใดที่ต่างกว่ากัน ถูกบังคับโดยหลักธรรมชาติ แกต้องหาอยู่หากินนะ ไม่งั้นแกต้องตาย แกต้องหาเงินหาทอง ไม่งั้นแกจับจ่ายใช้สอยอะไรไม่ได้นะ
นี่คำว่าทุกขังเห็นไหม ทุกขังภาคบังคับ ความบีบคั้นว่าเมื่อเกิดมาแล้วจะต้องอยู่ไหนไม่ได้ นี่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจังนี่พอเห็นการเปลี่ยนแปลงมาจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่นี่เดี๋ยวเปลี่ยนมาเป็นแก่ เดี๋ยวเปลี่ยนมาเป็นตาย ความทุข อนิจจังพอเห็นอยู่ ไอ้คำว่าทุกขังนี่มันก็เป็นทุก เป็นเดือดร้อนอะไร นั้นมันส่วนอย่างไป พอเข้าบทส่วน ปานกลาง มีสติปัญญาปานกลางพอสมควรแล้ว จะรู้ว่า ทุกสัตว์ทุกบุคคล ที่เกิดมาแล้วถูกบังคับโดยหลักธรรมชาติ หลักความจริงคือให้อยู่เฉยไม่ได้ ถ้าอยู่เฉยแล้วแกจะต้องตาย ทิ้งไปเปล่าๆ แกถูกบังคับมาตั้งแต่เกิด บังคับให้เด็กเกิดขึ้นมาต้องร้อง มันหิว มันเจ็บมันปวด เห็นไหม มันอยู่ในท้องมันดิ้นรน ดิ้นอยู่ในท้องแม่นั่น มันเจ็บ เนี่ยคำว่าทุกขัง ความเกิดเป็นทุก โดนบังคับโดยหลักความจริงทุกสิ่งทุกอย่างทุกผู้ทุกคนมีใครต่างกันบ้างเห็นไหม ความเสมอภาคกัน ศาสนามุสลิม อิสลาม ต่างกันไหม ไม่ต่าง นับถือคริสต่างกันไหม ไม่นับถือศาสนาอะไรเลยต่างกันไหม ไม่ต่างเลย เพราะว่านี่คือหลักความจริง "
เทศน์พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต เมื่อ 28 สิงหาคม 2554 อ่านแล้วทำให้ฉุกคิดได้เยอะเลยค่ะ
เมื่อคราวที่คณะนักศึกษากลุ่มพุทธธรรมกรรมฐานมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้ไปกราบท่านพระอาจารย์ ในโครงการธรรมะสัญจรครั้งที่ 12
พระอาจารย์วันชัย:" วิชาไหน อาชีพอะไรก็ตามเหอะ มีไหมจะดับทุกข์ในหัวใจได้ ไม่มี ดับทุกข์ในร่างกายได้ มีไหม ไม่มี ไม่มี มีแต่ช่วยประคับประคองมันไปเรื่อยๆ ประกอบอาชีพนั้น ออกไปหาอยู่หากิน พอให้มีเงินมีทอง ได้เท่านั้น วิชาในโลกนี้ สาขาไหนก็ตาม ให้เห็นชัดๆกับตัวเอง จึงรู้ว่าเรียนก็เรียนไปเพื่อประกอบอาชีพ เพื่อหาเลี้ยงตัวต่อไป เพราะเกิดมาแล้วต้องมีความจำเป็นอยู่กับ อาหาร การบริโภค กับที่อยู่ที่อาศัย จำเป็นต้อง ภาคบังคับ คือต้องหาอาชีพอะไรประเภทหนึ่ง นี่แหละหาอาชีพจากรัฐศาสตร์ หาอาชีพจาก บริหาร หาอาชีพจากศิลปะศาสตร์ ต้องหาอาชีพประเภทหนึ่ง ต้องมาหา เข้าป่าล่าสัตว์ ต้องทำนา ต้องทำสวน ทุกคน แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องถูกภาคบังคับแบบนี้ ไม่มีใครมีอิสระเสรีได้เลย เห็นไหม ตรงนี้ เห็นไหม ไม่มีผู้ใดที่ต่างกว่ากัน ถูกบังคับโดยหลักธรรมชาติ แกต้องหาอยู่หากินนะ ไม่งั้นแกต้องตาย แกต้องหาเงินหาทอง ไม่งั้นแกจับจ่ายใช้สอยอะไรไม่ได้นะ
นี่คำว่าทุกขังเห็นไหม ทุกขังภาคบังคับ ความบีบคั้นว่าเมื่อเกิดมาแล้วจะต้องอยู่ไหนไม่ได้ นี่อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อนิจจังนี่พอเห็นการเปลี่ยนแปลงมาจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่นี่เดี๋ยวเปลี่ยนมาเป็นแก่ เดี๋ยวเปลี่ยนมาเป็นตาย ความทุข อนิจจังพอเห็นอยู่ ไอ้คำว่าทุกขังนี่มันก็เป็นทุก เป็นเดือดร้อนอะไร นั้นมันส่วนอย่างไป พอเข้าบทส่วน ปานกลาง มีสติปัญญาปานกลางพอสมควรแล้ว จะรู้ว่า ทุกสัตว์ทุกบุคคล ที่เกิดมาแล้วถูกบังคับโดยหลักธรรมชาติ หลักความจริงคือให้อยู่เฉยไม่ได้ ถ้าอยู่เฉยแล้วแกจะต้องตาย ทิ้งไปเปล่าๆ แกถูกบังคับมาตั้งแต่เกิด บังคับให้เด็กเกิดขึ้นมาต้องร้อง มันหิว มันเจ็บมันปวด เห็นไหม มันอยู่ในท้องมันดิ้นรน ดิ้นอยู่ในท้องแม่นั่น มันเจ็บ เนี่ยคำว่าทุกขัง ความเกิดเป็นทุก โดนบังคับโดยหลักความจริงทุกสิ่งทุกอย่างทุกผู้ทุกคนมีใครต่างกันบ้างเห็นไหม ความเสมอภาคกัน ศาสนามุสลิม อิสลาม ต่างกันไหม ไม่ต่าง นับถือคริสต่างกันไหม ไม่นับถือศาสนาอะไรเลยต่างกันไหม ไม่ต่างเลย เพราะว่านี่คือหลักความจริง "