ไมล์จักรยานของผมอันแรกราคา 650 บาทครับเป็นแบบมีสาย ตอนนั้นก็ตื่นเต้นฮือฮามากอุปกรณ์จักรยานอะไรจะไฮเทคขนาดนี้ วัดความเร็วจับเวลาบันทึกระยะทางได้ด้วย ใช้ไปสักพักสังเกตุดูเอ๊ะทำไมไมล์ของคนอื่นเขาใช้เป็นแบบไร้สายกันก็ยอมลงทุนเปลี่ยนเป็นไมล์ไร้สายราคา 1000 กว่าบาท ใช้ไปสักพักทำไมไมล์ไร้สายของคนอื่นที่ดีๆไปจบที่ garmin กันเป็นส่วนใหญ่มีวัดรอบเอววัดรอบขาวัดหัวใจ  กว่าผมจะทำใจยอมซื้อไมล์จักรยาน edge 500 ได้ก็ตั้งนาน ซื้อมาไม่นานก็ตกรุ่นทันทีเมื่อมีรุ่นใหม่ edge 510 ออกมาจอสีจอสัมผัสเสียด้วย ตัดใจซื้อมาอีกทีคราวนี้ทำใจแล้วครับว่ายอมเจ็บอีกหนจะได้จบๆไปเสียที  พอดีไม่กี่วันมานี้มีคนให้ยืมไมล์ edge 810 มาให้ลองใช้ ตอนแรกนึกว่ามันก็น่าจะทำงานเหมือนๆกัน แต่ก็ไม่ใช่ สรุปว่าที่เจ็บไปก็ยังไม่จบเสียที เฮ้อ..



ว่าแล้วก็ขอเอามารีวิวเปรียบเทียบเสียเลยเผื่อใครอยากเจ็บแล้วจบทีเดียวไม่ต้องเป็นแบบผม
หน้าจอของ edge 810 ยาวกว่า 510 ประมาณ 1 cm.ทำงานคล้ายๆกันแต่ตัวเลขใหญ่กว่ามองชัดกว่านิดนึง



ในกล่องมีอุปกรณ์ครบถ้วนมากว่า นอกจากเซ็นเซอร์ฮาร์เรต วัดรอบขา วัดความเร็วแล้ว ยังมีอแดปเตอร์ชาร์ตไฟมาให้ด้วย



ส่วนด้านหลังของรุ่น Edge 810 นอกจากมีช่องต่อ mini USB เพื่อชาร์ตไฟแบตและโอนถ่ายข้อมูลแล้ว ยังมีช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำ micro sd card เพื่อสามารถเปลี่ยนหรือเพิ่มหน่วยความจำได้ตามต้องการได้ด้วย



หน้าจอแสดงข้อมูลได้ 10 ตำแหน่งเหมือนรุ่น 510 แต่ตัวเลขใหญ่ชัดเจนกว่าหน่อยนึง



สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือหน้าจอแผนที่เนวิเกเตอร์ นำทางได้ ค้นหาตำแหน่งสถานที่ได้เหมือนที่ใช้อยู่ในรถยนต์




เชื่อมต่อกับแอพ garmin connect ได้เหมือน 510 สามารถทำ LiveTrack และ Auto Upload ไปยัง garmin connect ได้เหมือนกัน



แต่สิ่งที่สะเทือนใจผมมากที่สุดนอกจากระบบ Navigator นำทางและจอที่ใหญ่กว่ามองได้ชัดกว่านิดนึงแล้วคือการทำงานของตัวเครื่องครับ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกดที่ตอบสนองได้รวดเร็วแม่นยำกว่ามาก การสัมผัสหน้าจอ การสไลด์เปลี่ยนหน้าจอทำได้ต่อเนื่องนุ่มนวลกว่าและรวดเร็วกว่ารุ่น 510 มาก เหมือนใช้ cpu คนละเบอร์กันเลย หรือว่าระบบหน่วยความจำมันดีกว่าด้วยก็ไม่ทราบได้

สรุปว่าถ้าไม่อยากเจ็บจริงๆก็คืออย่าไปเริ่มครับ ให้ใช้ไมล์ธรรมดาถูกๆแล้วใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนเปิดแอพบันทึกข้อมูลไปก็ทำงานได้คล้ายกันกับไอ้เจ้าไมล์ไฮเทคนี้เหมือนกันแหละ