รู้สึกอึดอัดใจ และอารมณ์ขุ่นมัวครับ เลยอยากชวนสนทนา แลกเปลี่ยนแนวคิดครับ
ตัวผมเองใช้เวลาขับรถอยู่บนถนนค่อนข้างมากในแต่ละวัน พบเห็นการทำผิดกฏจราจรที่ต้องบอกว่ามากขึ้นๆ และรุนแรงขึ้น
จนผมคิดว่าตำรวจคงมองเป็นเรื่องปกติ เพราะกระทำผิดต่อหน้า ต่อตาเจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อผู้รักษากฏจราจรปล่อยปะละเลย ผู้กระทำผิดย่อมได้ใจ
ตัวผมเองยอมรับว่าส่วนนึงที่ขุ่นมัวเนื่องมาจากรู้สึกโดนเอาเปรียบ ผมเองพยายามรักษากฏจราจร แต่ก็ถูกทำให้ช้าเพราะคนอื่นที่ทำผิดกฏจราจรเสมอ
ด้วยแนวคิดของผม การแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างยั่งยืนคือการที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัด แม้ไม่เห็นผลในทันที แต่ระยะยาวดีแน่ๆครับ
ไม่ว่าจำนวนรถจะเพิ่มเท่าไร แต่ก็จะไม่รุนแรง แม้รถจะติด แต่ก็คือติดแบบที่สมควรจะติด ไม่ได้ติดเพราะมีคนทำผิดกฏจราจร ทำให้รถติด
ผมจึงค่อนข้างแปลกใจและไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาจราจรของ ตร.จราจร ที่มักจะใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่คำนึงถึงผลระยะยาว
ตร.จราจร มักใช้วิธีเปิดเลนพิเศษ เพื่อระบายรถ เข่น เวลานี้ถึงเวลานี้ ให้เลี้ยวได้ 2 เลน เวลานี้ถึงเวลานี้ให้วิ่งสวนเลนได้ เวลานี้ถึงเวลานี้ให้วิ่งไหล่ทางได้ ฯลฯ
หรือบางที่ตัวตำรวจจราจรเองนั่นแหละก็เป็นคนโบกให้วิ่งสวนเลนกันไป มองดูภาพก็เหมือนจะดี เหมือนช่วยอำนวยความสะดวก
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นการปลูกฝังนิสัยการใช้ถนนที่แบบผิดมากๆในความคิดผมนะ
เพราะพอนอกช่วงเวลาที่อนุญาตพิเศษ ไม่มีตำรวจดู ผู้ใช้ถนนก็ยังพยายามตลอดเวลาเพื่อจะวิ่งเลนพิเศษ อย่างที่ตำรวจเคยโบกให้ทำ
อาจจะด้วยความคิดที่ว่า "เฮ้ย ! ไปได้ ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้น ตำรวจยังอนุญาตให้ทำเลย" "เมื่อวานชั้นทำ ตำรวจก็ยืนอยู่ ไม่เห็นว่าอะไรเลย"
ทีนี้ก็ค่อนข้างเละครับ คนที่มาเลนที่ถูกก็ไปได้ช้า คนที่วิ่งเลนพิเศษแม้เลนตัวเองจะไม่ได้ติดอะไร แต่ก็ยังอุตสาห์จะวิ่งเลนพิเศษออกมา
ยังมีอีกครับอันนี้ขอเน้นไปที่มอเตอร์ไซค์นะครับ ทุกวันนี้ผมเห็นเขาขับกันแบบชิงจังหวะ เอาตัวเข้าแลก เอาชีวิตไปทิ้งจริงๆ
ไฟเขียวฝั่งตรงข้ามยังไม่ทันหมด แค่รถซาลงหน่อยก็ขี่ฝ่าไฟแดงสวนออกมาทันที ที่หนักกว่านั้นคือ ฝั่งตรงข้ามก็ยังเขียววิ่งกันตามปกติ แต่อาศัยจังหวะเริ่มชลอ พี่เขาก็ขี่ฝ่าไฟแดงมาปาดหน้าแทรกตามช่องไปเฉยเลย
ผมไม่รู้หรอกครับว่าพี่จะรีบอะไร แต่ทำแบบนี้ ชนมาพี่ก็เจ็บ พี่ก็ตาย ทำคนอื่นเดือดร้อนด้วย รักตัวเองบ้างครับ
อีกเรื่องของมอเตอร์ไซค์คือ เวลาจอดติดไฟแดงเดี๋ยวนี้เขาจอดล้นจนจะมาถึงกลางสี่แยกอยู่แล้ว รถทางอื่นวิ่งลำบากครับ
ในส่วนของผมที่ทำให้ขุ่นใจทุกวันคือ ที่สี่แยกกษัตริย์ศึก สน.พลับพลาไชย1 ครับ ผมต้องไปโบ๊เบ๊ทุกวัน โดยผมจะลงมาจากสะพานยศเส
(สำหรับท่านที่ไม่คุ้นทาง เวลาเราลงจากสะพานจะเจอสี่แยกที่บังคับให้เราไปแค่ขวากับซ้ายเข้าสู่ถนนกรุงเกษม ตรงไปไม้ได้ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไป รร.เทพศิรินทร์ ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางโบ๊เบ๊ ซึ่งจะเป็นถนนวันเวย์ มีเลนรถมวลชนขวาสุดเท่านั้นที่สวนมาได้ และเลนนี้ให้แค่รถเมล์ที่จะวิ่งตรงฝ่าไปทาง รร.เทพศิรินทร์ได้ (ใครคิดเส้นทางฟะ) ส่วนรถอื่นๆบังคับเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานยศเส)
วันดีคืนดี เลนรถมวลชนก็ไม่มวลชนอีกต่อไป รถทุกชนิดเข้าไปวิ่งได้ ทำให้มีรถวิ่งสวนมาเป็นจำนวนมาก รถเมล์ก็คงเกรงใจรถที่ตามหลังมา เพราะต้องรอตนเองตรงข้ามแยกไป
รถเมล์ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการวิ่งมารอตรงไปที่เลนสวนซะเลย ตัวรถเมล์เองไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เพราะมาทีละคัน และเขาจะวิ่งสวนไปจอดรอที่ที่พื้นที่ว่างทางด้านซ้ายที่เป็นเกาะสามเหลี่ยมกลางถนน
จากนั้นก็มีบรรดามอเตอร์ไซค์และสามล้อ ตามรถเมล์ไปจอดรอตรงนั้นเพื่อที่จะวิ่งสวนไป ทีนี้จังหวะไหนที่จะวิ่งสวนไปได้ล่ะ ก็คือจังหวะที่รถจากสะพานยศเสได้ไฟเขียวเลี้ยงขวาเข้ากรุงเกษม จะต้องรอให้พวกนี้วิ่งสวนไปก่อน
เป็นแบบนั้นมานาน เพิ่งมามีประมาณเดือนที่แล้ว เริ่มมีรถเก๋ง รถกระบะเอาอย่างบ้าง ก็ในเมื่อตำรวจไม่ว่าอะไรนี่
พอมาจอดรอกันมากขึ้นๆ ทีนีไอ้พื้นที่ว่างเกาะกลางสามเหลี่ยมก็ไม่พอ พวกนี้ก็เลยมาจอดเรียงหน้ากระดานเต็มทุกเลนกันซะเลย
จากนั้นภาพที่จะเกิดเกือบทุกไฟเขียวก็คือ รถทางที่ถูกก็จะต้องรอให้พวกนี้วิ่งสวนไปก่อน
เจ็บใจกว่านั้นคือป้อมจราจรก็อยู่ตรงแยกนี้ครับ ไม่เคยเห็นออกมาเลย ป้อมติดฟิมล์ดำมองเข้าไปไม่เห็น ไม่รู้มีตำรวจอยู่ไหม เห็นแต่แสง TV กำลังเปิดอยู่
จนวันนึงผมเลี้ยวไปจ๊ะเอ๋กับแท๊กซี่ที่สวนมาพอดี ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ผมเลยจอดขวางเลย แท๊กซี่ก็ไม่หลบ ทำปากขมุมขมิบอะไรสักอย่าง คงด่าผมมั๊ง
ผมสารภาพเลยที่ผมกล้าจอดขวาง เพราะผมเห็นตำรวจ 2 นาย ยืนอยู่นอกป้อมพอดี ก็เลยคิดจะบอกตำรวจเป็นนัยๆว่า มีรถผิดกฏสวนมานะ ไปไม่ได้
แป๊ปเดียวตำรวจก็เข้ามาว่าแท๊กซี่ว่าตรงไปไม่ได้ ให้เลี้ยวหลบไป ดีใจจัง ตำรวจข้าข้างเราแต่พี่ครับ ก่อนหน้านี้ทำไมพี่ไม่ดูแลเลยครับ
หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็เหมือนเดิม และมีรถสวนมากขึ้นๆทุกวัน ผมจึงโทรไปที่ร่วมด้วยช่วยกัน โทรไป จส.100 ก็ยังไม่ดีขึ้น
สุดท้ายเมื่อวันศุกร์ (13/12/2556) ผมก็เลยโทรไปที่ สน.พลับพลาไชย1 ตามเบอร์ที่อยู่ข้างป้อม แต่ไม่สามารถโอนไปที่ฝ่ายจราจรได้ ก็เลยฝากเรื่องกับร้อยเวรที่รับสาย
วันนี้ ตอนสายๆ(16/12/2556) ผมขับผ่านแยกเดิม เห็นมีแท่งแบร์รีเออร์สีส้มมากั้นตรงที่รถชอบไปจอดรอ มองผ่านกระจกมองหลังเห็นมีป้ายติดอยู่ ตัวเล็กอ่านไม่ออกเพราะกลับข้าง
เห็นแต่ตัวใหญ่เขียนว่า "ห้ามตรงไป" โอ้โห อารมณ์แบบว่า ขอบพระคุณครับ เสียงเรามีความหมายเว้ย รู้งี้โทรไป สน. นานแล้ว หลังจากนั้นผมก็โทรไปที่ สน. กล่าวขอบคุณและชื่นชมเป็นการใหญ่
แต่ดีใจได้ครึ่งวัน ตอนเย็นผมผ่านแยกเดิมอีก แบร์รีเออร์ถูกขยับออก ผมจึงเห็นป้ายชัดๆเขียนว่า "เวลา 7:00-9:00 น. ห้ามตรงไป ยกเว้นรถเมล์"
เฮ้ย จราจรครับ ถ้าจะเปลี่ยนแบบนี้ ผมว่ามาตีเส้นจราจรใหม่ให้มันสวนได้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยดีกว่าครับ อย่างน้อยผมก็สบายใจว่าไม่ถูกเอาเปรียบ
ถนนวันเวย์ที่เคยกำหนดไว้ก็เพื่อลดเวลาในการติดไฟแดงแต่ละด้าน แต่อยู่ดีๆ พี่ก็ยอมให้สวนมาในเลนมวลชนก่อน จากนั้นพี่ก็ยอมให้มาวิ่งในเลนสวน
อย่างที่ผมเขียนไว้ข้างต้น เมื่อจราจรยอมเปิดเลนพิเศษให้วิ่งมั่วๆแล้ว ก็คงยากที่จะมีระเบียบเหมือนเดิม คงต้องระวังกันเอง
ผมยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้นะครับ เพียงแต่มาทำเส้นจราจรใหม่ให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย เป็นอย่างนี้ผมกลัวอันตรายครับ
ในการสัญจรของผมก็ใช้เส้นทางเดิมๆทุกวัน ยังมีหลายจุด ที่ผมมักมีอารมณ์ขุ่นเพราะแทนที่จะไปได้กลับไปได้ช้าเพราะโดนรถที่ทำผิดกฏจราจรเอาเปรียบเสมอ และตำรวจจราจรก็ทำเฉย โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์รอไม่เป็น ฝ่าไฟแดงมานี่ เกือบชนกันหลายทีแล้ว
แต่คงทำอะไรไม่ได้ เพราะส่วนนึงตำรวจก็เป็นผู้สนับสนุนให้เขาทำผิด ทำผิด เห็น แต่ไม่จับ ผมก็ถือว่าสนับสนุน ได้แต่เตือนตัวเองเสมอว่าอย่าทำผิดกฏจราจร เพื่อที่ว่าอย่างน้อยจะได้ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ที่ให้ผมได้ระบายอารมณ์ขุ่นมัว และขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่เข้ามาเสียเวลาอ่านครับ และก็หวังว่าอย่างน้อยพี่น้องชาว pantip มาช่วยกันรักษากฏจราจรกันเถอะครับ ถึงจะเป็นส่วนน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครทำเลย
สักวันการจราจรอาจจะดีขึ้นครับ ผมหวังอย่างนั้น และสุดท้ายอยากสอบถามว่ามันมีหน่วยงานไหนที่จะดูแลกฏจราจรให้เป็นกฏจราจรไหมครับ
ขอบคุณมากครับ
ชวนสนทนาครับ ระบายความอึดอัดใจในความไร้วินัยจราจร และการแก้ปัญหาที่ผมคิดว่าไม่ถูกต้องของ ตร.จราจร
ตัวผมเองใช้เวลาขับรถอยู่บนถนนค่อนข้างมากในแต่ละวัน พบเห็นการทำผิดกฏจราจรที่ต้องบอกว่ามากขึ้นๆ และรุนแรงขึ้น
จนผมคิดว่าตำรวจคงมองเป็นเรื่องปกติ เพราะกระทำผิดต่อหน้า ต่อตาเจ้าหน้าที่แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เมื่อผู้รักษากฏจราจรปล่อยปะละเลย ผู้กระทำผิดย่อมได้ใจ
ตัวผมเองยอมรับว่าส่วนนึงที่ขุ่นมัวเนื่องมาจากรู้สึกโดนเอาเปรียบ ผมเองพยายามรักษากฏจราจร แต่ก็ถูกทำให้ช้าเพราะคนอื่นที่ทำผิดกฏจราจรเสมอ
ด้วยแนวคิดของผม การแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างยั่งยืนคือการที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัด แม้ไม่เห็นผลในทันที แต่ระยะยาวดีแน่ๆครับ
ไม่ว่าจำนวนรถจะเพิ่มเท่าไร แต่ก็จะไม่รุนแรง แม้รถจะติด แต่ก็คือติดแบบที่สมควรจะติด ไม่ได้ติดเพราะมีคนทำผิดกฏจราจร ทำให้รถติด
ผมจึงค่อนข้างแปลกใจและไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาจราจรของ ตร.จราจร ที่มักจะใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่คำนึงถึงผลระยะยาว
ตร.จราจร มักใช้วิธีเปิดเลนพิเศษ เพื่อระบายรถ เข่น เวลานี้ถึงเวลานี้ ให้เลี้ยวได้ 2 เลน เวลานี้ถึงเวลานี้ให้วิ่งสวนเลนได้ เวลานี้ถึงเวลานี้ให้วิ่งไหล่ทางได้ ฯลฯ
หรือบางที่ตัวตำรวจจราจรเองนั่นแหละก็เป็นคนโบกให้วิ่งสวนเลนกันไป มองดูภาพก็เหมือนจะดี เหมือนช่วยอำนวยความสะดวก
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็เป็นการปลูกฝังนิสัยการใช้ถนนที่แบบผิดมากๆในความคิดผมนะ
เพราะพอนอกช่วงเวลาที่อนุญาตพิเศษ ไม่มีตำรวจดู ผู้ใช้ถนนก็ยังพยายามตลอดเวลาเพื่อจะวิ่งเลนพิเศษ อย่างที่ตำรวจเคยโบกให้ทำ
อาจจะด้วยความคิดที่ว่า "เฮ้ย ! ไปได้ ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้น ตำรวจยังอนุญาตให้ทำเลย" "เมื่อวานชั้นทำ ตำรวจก็ยืนอยู่ ไม่เห็นว่าอะไรเลย"
ทีนี้ก็ค่อนข้างเละครับ คนที่มาเลนที่ถูกก็ไปได้ช้า คนที่วิ่งเลนพิเศษแม้เลนตัวเองจะไม่ได้ติดอะไร แต่ก็ยังอุตสาห์จะวิ่งเลนพิเศษออกมา
ยังมีอีกครับอันนี้ขอเน้นไปที่มอเตอร์ไซค์นะครับ ทุกวันนี้ผมเห็นเขาขับกันแบบชิงจังหวะ เอาตัวเข้าแลก เอาชีวิตไปทิ้งจริงๆ
ไฟเขียวฝั่งตรงข้ามยังไม่ทันหมด แค่รถซาลงหน่อยก็ขี่ฝ่าไฟแดงสวนออกมาทันที ที่หนักกว่านั้นคือ ฝั่งตรงข้ามก็ยังเขียววิ่งกันตามปกติ แต่อาศัยจังหวะเริ่มชลอ พี่เขาก็ขี่ฝ่าไฟแดงมาปาดหน้าแทรกตามช่องไปเฉยเลย
ผมไม่รู้หรอกครับว่าพี่จะรีบอะไร แต่ทำแบบนี้ ชนมาพี่ก็เจ็บ พี่ก็ตาย ทำคนอื่นเดือดร้อนด้วย รักตัวเองบ้างครับ
อีกเรื่องของมอเตอร์ไซค์คือ เวลาจอดติดไฟแดงเดี๋ยวนี้เขาจอดล้นจนจะมาถึงกลางสี่แยกอยู่แล้ว รถทางอื่นวิ่งลำบากครับ
ในส่วนของผมที่ทำให้ขุ่นใจทุกวันคือ ที่สี่แยกกษัตริย์ศึก สน.พลับพลาไชย1 ครับ ผมต้องไปโบ๊เบ๊ทุกวัน โดยผมจะลงมาจากสะพานยศเส
(สำหรับท่านที่ไม่คุ้นทาง เวลาเราลงจากสะพานจะเจอสี่แยกที่บังคับให้เราไปแค่ขวากับซ้ายเข้าสู่ถนนกรุงเกษม ตรงไปไม้ได้ ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไป รร.เทพศิรินทร์ ถ้าเลี้ยวขวาจะไปทางโบ๊เบ๊ ซึ่งจะเป็นถนนวันเวย์ มีเลนรถมวลชนขวาสุดเท่านั้นที่สวนมาได้ และเลนนี้ให้แค่รถเมล์ที่จะวิ่งตรงฝ่าไปทาง รร.เทพศิรินทร์ได้ (ใครคิดเส้นทางฟะ) ส่วนรถอื่นๆบังคับเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานยศเส)
วันดีคืนดี เลนรถมวลชนก็ไม่มวลชนอีกต่อไป รถทุกชนิดเข้าไปวิ่งได้ ทำให้มีรถวิ่งสวนมาเป็นจำนวนมาก รถเมล์ก็คงเกรงใจรถที่ตามหลังมา เพราะต้องรอตนเองตรงข้ามแยกไป
รถเมล์ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการวิ่งมารอตรงไปที่เลนสวนซะเลย ตัวรถเมล์เองไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เพราะมาทีละคัน และเขาจะวิ่งสวนไปจอดรอที่ที่พื้นที่ว่างทางด้านซ้ายที่เป็นเกาะสามเหลี่ยมกลางถนน
จากนั้นก็มีบรรดามอเตอร์ไซค์และสามล้อ ตามรถเมล์ไปจอดรอตรงนั้นเพื่อที่จะวิ่งสวนไป ทีนี้จังหวะไหนที่จะวิ่งสวนไปได้ล่ะ ก็คือจังหวะที่รถจากสะพานยศเสได้ไฟเขียวเลี้ยงขวาเข้ากรุงเกษม จะต้องรอให้พวกนี้วิ่งสวนไปก่อน
เป็นแบบนั้นมานาน เพิ่งมามีประมาณเดือนที่แล้ว เริ่มมีรถเก๋ง รถกระบะเอาอย่างบ้าง ก็ในเมื่อตำรวจไม่ว่าอะไรนี่
พอมาจอดรอกันมากขึ้นๆ ทีนีไอ้พื้นที่ว่างเกาะกลางสามเหลี่ยมก็ไม่พอ พวกนี้ก็เลยมาจอดเรียงหน้ากระดานเต็มทุกเลนกันซะเลย
จากนั้นภาพที่จะเกิดเกือบทุกไฟเขียวก็คือ รถทางที่ถูกก็จะต้องรอให้พวกนี้วิ่งสวนไปก่อน
เจ็บใจกว่านั้นคือป้อมจราจรก็อยู่ตรงแยกนี้ครับ ไม่เคยเห็นออกมาเลย ป้อมติดฟิมล์ดำมองเข้าไปไม่เห็น ไม่รู้มีตำรวจอยู่ไหม เห็นแต่แสง TV กำลังเปิดอยู่
จนวันนึงผมเลี้ยวไปจ๊ะเอ๋กับแท๊กซี่ที่สวนมาพอดี ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ผมเลยจอดขวางเลย แท๊กซี่ก็ไม่หลบ ทำปากขมุมขมิบอะไรสักอย่าง คงด่าผมมั๊ง
ผมสารภาพเลยที่ผมกล้าจอดขวาง เพราะผมเห็นตำรวจ 2 นาย ยืนอยู่นอกป้อมพอดี ก็เลยคิดจะบอกตำรวจเป็นนัยๆว่า มีรถผิดกฏสวนมานะ ไปไม่ได้
แป๊ปเดียวตำรวจก็เข้ามาว่าแท๊กซี่ว่าตรงไปไม่ได้ ให้เลี้ยวหลบไป ดีใจจัง ตำรวจข้าข้างเราแต่พี่ครับ ก่อนหน้านี้ทำไมพี่ไม่ดูแลเลยครับ
หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็เหมือนเดิม และมีรถสวนมากขึ้นๆทุกวัน ผมจึงโทรไปที่ร่วมด้วยช่วยกัน โทรไป จส.100 ก็ยังไม่ดีขึ้น
สุดท้ายเมื่อวันศุกร์ (13/12/2556) ผมก็เลยโทรไปที่ สน.พลับพลาไชย1 ตามเบอร์ที่อยู่ข้างป้อม แต่ไม่สามารถโอนไปที่ฝ่ายจราจรได้ ก็เลยฝากเรื่องกับร้อยเวรที่รับสาย
วันนี้ ตอนสายๆ(16/12/2556) ผมขับผ่านแยกเดิม เห็นมีแท่งแบร์รีเออร์สีส้มมากั้นตรงที่รถชอบไปจอดรอ มองผ่านกระจกมองหลังเห็นมีป้ายติดอยู่ ตัวเล็กอ่านไม่ออกเพราะกลับข้าง
เห็นแต่ตัวใหญ่เขียนว่า "ห้ามตรงไป" โอ้โห อารมณ์แบบว่า ขอบพระคุณครับ เสียงเรามีความหมายเว้ย รู้งี้โทรไป สน. นานแล้ว หลังจากนั้นผมก็โทรไปที่ สน. กล่าวขอบคุณและชื่นชมเป็นการใหญ่
แต่ดีใจได้ครึ่งวัน ตอนเย็นผมผ่านแยกเดิมอีก แบร์รีเออร์ถูกขยับออก ผมจึงเห็นป้ายชัดๆเขียนว่า "เวลา 7:00-9:00 น. ห้ามตรงไป ยกเว้นรถเมล์"
เฮ้ย จราจรครับ ถ้าจะเปลี่ยนแบบนี้ ผมว่ามาตีเส้นจราจรใหม่ให้มันสวนได้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยดีกว่าครับ อย่างน้อยผมก็สบายใจว่าไม่ถูกเอาเปรียบ
ถนนวันเวย์ที่เคยกำหนดไว้ก็เพื่อลดเวลาในการติดไฟแดงแต่ละด้าน แต่อยู่ดีๆ พี่ก็ยอมให้สวนมาในเลนมวลชนก่อน จากนั้นพี่ก็ยอมให้มาวิ่งในเลนสวน
อย่างที่ผมเขียนไว้ข้างต้น เมื่อจราจรยอมเปิดเลนพิเศษให้วิ่งมั่วๆแล้ว ก็คงยากที่จะมีระเบียบเหมือนเดิม คงต้องระวังกันเอง
ผมยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้นะครับ เพียงแต่มาทำเส้นจราจรใหม่ให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย เป็นอย่างนี้ผมกลัวอันตรายครับ
ในการสัญจรของผมก็ใช้เส้นทางเดิมๆทุกวัน ยังมีหลายจุด ที่ผมมักมีอารมณ์ขุ่นเพราะแทนที่จะไปได้กลับไปได้ช้าเพราะโดนรถที่ทำผิดกฏจราจรเอาเปรียบเสมอ และตำรวจจราจรก็ทำเฉย โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์รอไม่เป็น ฝ่าไฟแดงมานี่ เกือบชนกันหลายทีแล้ว
แต่คงทำอะไรไม่ได้ เพราะส่วนนึงตำรวจก็เป็นผู้สนับสนุนให้เขาทำผิด ทำผิด เห็น แต่ไม่จับ ผมก็ถือว่าสนับสนุน ได้แต่เตือนตัวเองเสมอว่าอย่าทำผิดกฏจราจร เพื่อที่ว่าอย่างน้อยจะได้ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ที่ให้ผมได้ระบายอารมณ์ขุ่นมัว และขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่เข้ามาเสียเวลาอ่านครับ และก็หวังว่าอย่างน้อยพี่น้องชาว pantip มาช่วยกันรักษากฏจราจรกันเถอะครับ ถึงจะเป็นส่วนน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครทำเลย
สักวันการจราจรอาจจะดีขึ้นครับ ผมหวังอย่างนั้น และสุดท้ายอยากสอบถามว่ามันมีหน่วยงานไหนที่จะดูแลกฏจราจรให้เป็นกฏจราจรไหมครับ
ขอบคุณมากครับ