สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะเป็น case study ให้กับคนอื่นๆได้บ้าง อยากให้เราเป็นคนสุดท้ายที่เสียค่าโง่นี้จริงๆค่ะ
พอดีมีน้องที่รู้จักตอบในเฟซ ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่โดนเคสเดียวกันและอาจได้อ่านค่ะ
(สมมติว่าน้องชื่อเอนะคะ)
"เอถามความเห็นของพ่อมานะคะ พ่อบอกว่าจริงๆถ้าเจอแบบนี้ควรเรียกเพื่อนกลับมายืนยันให้ได้และปฏิเสธคำกล่าวหา ให้ลงบันทึกจับกุมไปเลยว่าเรามีการอธิบายยังไง เรียกใครมายืนยัน ถ้าเค้าไม่บันทึกหรือไม่ยอมให้เราเรียกคนมาก้อออกมาเลยแล้วค่อยส่งจดหมายไปสรรพสามิตเพื่อยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากนั้นค่อยไปสู้กันในศาล ซึ่งศาลน่าจะพิจารณาได้จากหลักฐาน รูปการ ถ้าชนะคดีในศาลสามารถฟ้องร้องกลับเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฏหมายอาญา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอามันออกจากราชการได้ เจ้าหน้าที่พวกนี้ยัดข้อหาค่ะเพราะแต่ละครั้งที่เค้าจับเค้าได้รางวัลนำจับมากกว่า 50% ของเงินที่เราจ่ายไปอย่ายอมนะคะครั้งหน้า"
"ไม่คิดว่าเราผิดค่ะกรณีนี้ เพราะสินค้านี้มีการนำเข้าโดยถูกต้องตามกฏหมายแล้ว การจำหน่ายจ่ายโอนหลังจากนั้นน่าจะสามารถทำได้โดยถูกต้อง แต่ยังไม่เคยมีการชี้ขาดจากศาลนะคะแต่เป็นความเห็นคนที่ไปถามมา การกระทำของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้เป็นการตีความกฏหมายประกอบข้อเท็จจริงเข้าข้างตนเองโดยไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงจากผู้เสียหาย ทั้งๆ ที่เค้าสามารถตรวจสอบได้จาก 1.ร้านขายปลอดภาษีที่เราซื้อมา 2.รายชื่อผู้โดยสารเข้าเมือง และ 3.ศุลกากรผู้ตรวจผู้โดยสารขาเข้า ว่ามีบุคคลตามที่ผู้เสียหายกล้าวอ้างว่าเดินทางในเที่ยวบินเดียวกันจริงหรือไม่"
"ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศได้รับสิทธิยกเว้นอากรทุกประเภท คนละไม่เกินหนึ่งลิตร บุหรี่ 200 มวน (1คอต) และไม่ต้องปิดแสตมป์ภาษีสรรพสามิต ของเหล่านี้ถือว่าเป็นการนำเข้าโดยถูกกฎหมายค่ะ เวลาที่เค้าจับเราหมายความว่าเค้าจะเขียนสำนวนไม่รับรู้เลยนะคะในส่วนที่เราบอกว่าจริงๆ ซื้อมาถูกต้องตามโควต้า และผ่านศุลกากรมาแบบถูกต้อง. เค้าจะเขียนแค่แบบว่าเราถือเหล้าเถื่อนบุหรี่เถื่อนไม่ติดแสตมป์ภาษี โดยถือเกินจำนวนที่กฏหมายกำหนด แต่จริงๆอย่างที่บอกว่าของที่เรานำเข้ามาถูกต้องได้รับยกเว้นไม่ต้องติดแสตมป์อยู่แล้ว และมันมีที่มาที่ไป. ของถูกกฏหมายกาีจำหน่ายจ่ายโอนของที่ถูกกฏหมายไม่น่าทำให้มันกลายเป็นของผิดกฏหมายไปได้น่ะค่ะ สรุปได้อย่างเดียวว่ายัดข้อหาค่ะ"
ข้อความข้างบนนี้คิดว่ามีน้ำหนักมากและสามารถใช้ตอบโต้ หรือประกอบการตัดสินใจหากโดนจับในเคสเดียวกันนี้ (ซึ่งตอนนั้นระหว่างโดนจับ ดิฉันเสิร์จหาไม่มีคำตอบอะไรให้ช่วยตัดสินใจเลย เข้าใจอารมณ์ไร้ที่พึ่งมากๆค่ะ)
สิ่งทีเกิดขึ้นกับดิฉันไม่ได้หวังอะไรแล้วค่ะ ถือว่าจบไปแล้วฟาดเคราะห์กันไป ดีกว่าเกิดอุบัติเหตุ
แต่หวังว่าความเห็นของน้องเอนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะคะ ขอบคณค่ะ
พอดีมีน้องที่รู้จักตอบในเฟซ ซึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับคนที่โดนเคสเดียวกันและอาจได้อ่านค่ะ
(สมมติว่าน้องชื่อเอนะคะ)
"เอถามความเห็นของพ่อมานะคะ พ่อบอกว่าจริงๆถ้าเจอแบบนี้ควรเรียกเพื่อนกลับมายืนยันให้ได้และปฏิเสธคำกล่าวหา ให้ลงบันทึกจับกุมไปเลยว่าเรามีการอธิบายยังไง เรียกใครมายืนยัน ถ้าเค้าไม่บันทึกหรือไม่ยอมให้เราเรียกคนมาก้อออกมาเลยแล้วค่อยส่งจดหมายไปสรรพสามิตเพื่อยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากนั้นค่อยไปสู้กันในศาล ซึ่งศาลน่าจะพิจารณาได้จากหลักฐาน รูปการ ถ้าชนะคดีในศาลสามารถฟ้องร้องกลับเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฏหมายอาญา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เอามันออกจากราชการได้ เจ้าหน้าที่พวกนี้ยัดข้อหาค่ะเพราะแต่ละครั้งที่เค้าจับเค้าได้รางวัลนำจับมากกว่า 50% ของเงินที่เราจ่ายไปอย่ายอมนะคะครั้งหน้า"
"ไม่คิดว่าเราผิดค่ะกรณีนี้ เพราะสินค้านี้มีการนำเข้าโดยถูกต้องตามกฏหมายแล้ว การจำหน่ายจ่ายโอนหลังจากนั้นน่าจะสามารถทำได้โดยถูกต้อง แต่ยังไม่เคยมีการชี้ขาดจากศาลนะคะแต่เป็นความเห็นคนที่ไปถามมา การกระทำของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้เป็นการตีความกฏหมายประกอบข้อเท็จจริงเข้าข้างตนเองโดยไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงจากผู้เสียหาย ทั้งๆ ที่เค้าสามารถตรวจสอบได้จาก 1.ร้านขายปลอดภาษีที่เราซื้อมา 2.รายชื่อผู้โดยสารเข้าเมือง และ 3.ศุลกากรผู้ตรวจผู้โดยสารขาเข้า ว่ามีบุคคลตามที่ผู้เสียหายกล้าวอ้างว่าเดินทางในเที่ยวบินเดียวกันจริงหรือไม่"
"ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศได้รับสิทธิยกเว้นอากรทุกประเภท คนละไม่เกินหนึ่งลิตร บุหรี่ 200 มวน (1คอต) และไม่ต้องปิดแสตมป์ภาษีสรรพสามิต ของเหล่านี้ถือว่าเป็นการนำเข้าโดยถูกกฎหมายค่ะ เวลาที่เค้าจับเราหมายความว่าเค้าจะเขียนสำนวนไม่รับรู้เลยนะคะในส่วนที่เราบอกว่าจริงๆ ซื้อมาถูกต้องตามโควต้า และผ่านศุลกากรมาแบบถูกต้อง. เค้าจะเขียนแค่แบบว่าเราถือเหล้าเถื่อนบุหรี่เถื่อนไม่ติดแสตมป์ภาษี โดยถือเกินจำนวนที่กฏหมายกำหนด แต่จริงๆอย่างที่บอกว่าของที่เรานำเข้ามาถูกต้องได้รับยกเว้นไม่ต้องติดแสตมป์อยู่แล้ว และมันมีที่มาที่ไป. ของถูกกฏหมายกาีจำหน่ายจ่ายโอนของที่ถูกกฏหมายไม่น่าทำให้มันกลายเป็นของผิดกฏหมายไปได้น่ะค่ะ สรุปได้อย่างเดียวว่ายัดข้อหาค่ะ"
ข้อความข้างบนนี้คิดว่ามีน้ำหนักมากและสามารถใช้ตอบโต้ หรือประกอบการตัดสินใจหากโดนจับในเคสเดียวกันนี้ (ซึ่งตอนนั้นระหว่างโดนจับ ดิฉันเสิร์จหาไม่มีคำตอบอะไรให้ช่วยตัดสินใจเลย เข้าใจอารมณ์ไร้ที่พึ่งมากๆค่ะ)
สิ่งทีเกิดขึ้นกับดิฉันไม่ได้หวังอะไรแล้วค่ะ ถือว่าจบไปแล้วฟาดเคราะห์กันไป ดีกว่าเกิดอุบัติเหตุ
แต่หวังว่าความเห็นของน้องเอนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะคะ ขอบคณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โดนค่าปรับบุหรี่เกือบ 30,000 บาทที่สนามบิน ไว้เป็นอุทาหรณ์+ถามผู้รู้กม.กรณีเคสแบบนี้ควรต้องทำอย่างไร
วันก่อนเรากลับมาจาก ตปท.แล้วเจอคนที่บริษัทกลุ่มใหญ่ พอดีปกติจะซื้อบุหรี่ (เหล้าบ้าง) ตามโควต้า1คน/1ชุดเพื่อให้คนที่ Production เพราะต้องอาศัยพี่ๆเค้าในเรื่องงาน พอดีรอบนี้มี 8คน แล้วสิ้นปีนี้ที่บ้านก็มีใช้เหล้าบ้างก็เลยขอซื้อครบโควต้า เหล้า 8ขวด บุหรี่ 7คอต (อีก1พอตพอดีมีคนใช้สิทธิ์ไปแล้ว) ซึ่งที่ทราบคือ ใช้พาสปอร์ตแต่ละคนซื้ออย่างละหนึ่งชุด แล้วให้ทุกคนถือออกมา ผ่านตม. กรมศุลตามปกติ ก็คิดว่าไม่มีอะไร เพราะปกติก็ทำแบบนี้ แต่ทุกทีจะราวๆ 2-3 ชุดซึ่งไม่เคยมีปัญหาอะไร
เรื่องคือพอออกมาข้างนอก ทุกคนแยกย้ายกันกลับเรา(ตอนนั้นกลับกับเพื่อนอีกคน)เลยเอาของมาไว้ที่รถเข็นคันเดียว ต้องไปขึ้นรถตัวเองเลยโดนผ่านทางเข้าเข้ามาเพื่อไปออกอีกประตูหนึ่ง และก็โดนเรียก พอถามเจ้าหน้าที่ว่ามีอะไรเหรอคะ? เค้าก็ไม่ยอมบอก บอกแค่ว่าจะขอตรวจ ต้องไปที่ห้องออฟฟิศด้านใน เลยต้องเข็นรถตามเข้าไป ตอนนั้นง่วงมากเพราะเกือบเที่ยงคืน+นอนแค่2ชม.ติดต่อกันมา2คืนแล้ว
พอเข้ามาด้านใน เจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าเรามีความผิดฐานครอบครองเหล้า+บุหรี่ปลอดภาษีเกินกำหนด เราก็อธิบายไปว่าแยกซื้อนะคะ 1คน/1ชุด ออกมากรมศุลก็ไม่มีปัญหานี่คะ เค้าบอกว่า "นี่สรรพสามิต อันนั้นกรมท่าไม่เกี่ยวกัน" เราก็แจ้งว่า มีบิลที่เป็นหลักฐานนะคะว่าซื้อแยกตามสิทธิ์ที่ควรได้ 1คน/1ชุด(พาสปอร์ต) แล้วก็ถือออกมาคนละชุดด้วยจะไปดูกล้องวงจรปิดก็ได้ เจ้าหน้าที่ก็ยังบอกว่าไม่ได้ คุณถือเกินกำหนด เราก็บอกว่า อันนี้ถือแทนนายเพราะเค้าฝากมา เป็นลูกน้องตามธรรมเนียมก็ถือให้เจ้านาย เพื่อเอาไปให้ที่บริษัทในวันพรุ่งนี้ จะให้เรียกนายมาเอาได้ไหมเพื่อเป็นการยืนยัน เจ้าหน้าที่บอกว่า ไม่มีผลครับ ยังไงคดีก็เกิดแล้วณ.ตอนที่เราถือครอบครองเกินกำหนด... ตอนนั้นไม่ว่าจะสรรหาคำอธิบายยังไงก็โดน ...แล้วค่าปรับ... 30,000 กว่าบาท อันนี้เค้าลดหย่อนให้ไม่คิดเหล้า คิดแต่ค่าปรับบุหรี่ ...
เราบอกไม่ได้ตั้งใจจะทำผิดนะ เพราะเค้าฝากให้ถือ ไม่รู้ว่ากม.ห้ามให้ถือของเกินกำหนด โอเคเราทำผิดตาม wording กม.แต่ไม่ได้มีเจตนา ไม่ได้เอาไปขาย อยากให้เห็นใจ เป็นมนุษย์เงินเดือนหาเช้ากินค่ำ ลดหย่อนให้อยู่ในข่ายที่เราพอจะจ่ายไหวได้ไหม?
เจ้าหน้าที่ลดให้ 1คอต เป็น 28,700 (ทั้งหมดมี 7 คอต เราถามว่าน่าจะ 5 คอตนะ เพราะเรา+เพื่อนมีสิทธิ์คนละคอต ต้องเหลือ 5 สิ เค้าว่าคุณคือผู้ต้องหา ไม่มีสิทธิ์แล้ว) แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ ญ.แก่คนนึงเดินเข้ามา "อะไรเห็นนานแล้วนะ ยื้อเรื่องนานจัง ไม่เคยเจอใครยื้อนานขนาดนี้" (จะว่าชั้นดื้อด้านสินะ เพราะเราไม่มีเงินจ่ายไง! จนเลยมาตี2!!)
เพื่อนเราคุยกับเค้าว่า "เห็นใจหน่อยได้ไหมคะ กำลังติดต่อเพื่อนอยู่ให้ช่วยโอนเงินมาเพราะเงินไม่พอ"
ชีสวนทันทีว่า"น่าจะทำตั้งนานแล้ว ไม่มีเงินก็ต้องดิ้นเอามาให้ได้สิ!"
จริงๆช่วงแรกๆที่เราไม่ยอม ก็พยายามเสิร์จในเนท เจอเคสที่มีคนลงในพันทิพนี่แหละว่ามีคนเคยโดน เสียค่าปรับราวๆ 28,000 เหมือนกัน เสียค่าปรับแล้วแต่โดนเรียกต้องไปทำเรื่องที่โรงพักต่อ พอตำรวจถาม จะเสียค่าปรับหรือขึ้นศาล เค้าก็บอกว่าเค้าเสียค่าปรับแล้ว ตำรวจเลยบอกว่าอ้าวจริงเหรอ พอเค้าถาม ตำรวจเลยบอกว่า พูดจริงๆคือเสียที่โรงพักถูกกว่าเยอะ เราอ่านก็เลยบอกเพื่อนว่างั้นไปโรงพักเหอะ แต่ก็แอบไม่มั่นใจกลัวว่าจะเป็นพวกเดียวกันเลยแอบโทรไปเช็คว่ากรณีแบบนี้ต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ ตำรวจสน.สุวรรณภูมิตอบว่า"ไม่ทราบครับ"อย่างเดียวเลย เราเลยรู้ว่า อ้อ แม่มพวกเดียวกัน ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขู่เพิ่มว่าไปโรงพักจะกลายเป็นคดีอาญาด้วยนะ ต้องขึ้นศาลโดนปรับทั้งเหล้า+บุหรี่ไม่คุ้มหรอก เดี๋ยวนี่ก็จะใกล้เปลี่ยนกะแล้ว อีกกลุ่มเค้าเล่นคุณหนักแน่ ...แถมสายตาท่าทางของแต่ละคน ดูกวนโมโหมากๆ ความรู้สึกเราคือ นี่เราไม่ได้ฆ่าคนตายนะ ทำไมพวกนี้มันทำหน้าแบบชั้นทำผิดร้ายแรงมากๆ เลวมาก แกทำผิดยังไม่ยอมรับผิดอีก ...สุดท้ายสรุปก็เลยยอมจ่ายไป เพราะก็ไม่รู้ว่าถ้าไปโรงพักจะเป็นแบบที่ในเนทว่าหรือเปล่า จะเป็นพวกเดียวกับหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตี2แล้วด้วย ก็เลยยอมจบ...
สรุปพอจ่าย เจ้าหน้าที่เอาเอกสารมาให้เซ็นเยอะมาก หลักๆเขียนให้เซ็นรับว่าเรายินยอมจ่ายเอง ไม่ได้โดนข่มขู่ (ระหว่างตอนที่ไม่ยอม2ชม. แรกๆมีโทรปรึกษาพี่สาวตลอด ว่าจะคุยกับเพื่อนพี่ที่เป็นอัยการ เจ้าหน้าที่ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งเราถ่ายรูปบัตรเค้าส่งให้พี่ ฮีโทรหาหน.เลย
แต่สรุปติดต่อเพื่อนพี่ไม่ได้ เค้าไม่ได้รับโทรศัพท์คงเพราะดึกมากแล้วคงหลับแล้ว เราซวยจริงๆ T-T)
พอเซ็นเสร็จ เจ้าหน้าที่บอกเพื่อนเราให้เอาโทรศัพท์มาลบรูป ... ก็น่าสงสัยว่าถ้าทำตามกม.จริงคุณจะกลัวอะไรกัน??
เรื่องนี้เราไม่เถียงว่าเราผิดเอง ทำผิดกม.เอง ซวยเอง และที่ตัดสินใจแชร์เรื่องนี้ในที่สาธารณะเพื่อให้ทุกคนระวังตัว เพราะกม.ออกมาร้อยแปด คนที่เค้าทำเป็นอาชีพไม่มีวันโดนหรอกเรื่องแบบนี้ จะมีก็แต่ประชาชนธรรมดาแบบเราๆไม่รู้ในรายละเอียดกม. ที่เจ้าหน้าที่มักใช้ช่องโหว่ของกม.มาเล่นงาน ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่ออันโอชะ จะได้ไม่เสียค่าโง่ราคาแสนแพงแบบเรา เคสนี้สรุปให้ฟังอีกทีว่า....
-เหล้า บุหรี่ที่ปลอดภาษี ซื้อได้แค่คนละชุด (อันนี้ทุกคนคงรู้ดี) แต่ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน หรือด่านไหนๆ ต่อให้ผ่านตม.+กรมศุลมาแล้ว จงอย่าได้วางใจ เพราะหูตาเจ้าหน้าที่ช่างกว้างไกลและไวกว่าแสง วอกันให้ว่อน อย่าได้หลุดมาถือเองมากกว่าโควต้าที่กม.กำหนดไม่ว่าจะจุดไหน เพราะกม.เขียนว่า"ห้ามถือเหล้า/บุหรี่ปลอดภาษีเกินกำหนดภายในราชอาณาจักรไทย" (แต่ถ้าซื้อแบบเสียภาษี หรือ declare จ่ายที่ช่องแดงตรงกรมศุลถือเป็นอีกเรื่องนึง) คำแก้ต่างว่า "ไม่รู้" "ไม่ทราบ" "ไม่มีเจตนา" "เค้าฝากถือ" ฯลฯ ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ทั้งสิ้นเพราะเค้า focus ที่ภาพ "คุณถือเหล้าเกิน1ขวด หรือ บุหรี่เกิน 1คอต"
-เพื่อนอีกคนที่มีคนรู้จักทำงานภายใน เล่าว่า เค้าจะส่งซิกกันตั้งแต่สแกนกระเป๋า จากตปท.บอกต่อกันทำกันเป็นทีม เวลาเรียกตรวจไม่ได้สุ่ม แต่เพราะรู้และเล็งกันมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งนี้ประเทศที่มักเล็งคือ คนที่มาจากตะวันออกกลาง ฮ่องกง เป็นต้น
ยอมรับว่าเราทำผิดกม.เองเพราะไม่รู้ว่าออกมาข้างนอกด่านกรมศุลแล้วก็ยังห้ามถือเกินที่กำหนด หวังว่าบทเรียนราคา(แสน)แพงครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกคนนะคะ โอ๊ะ เกือบลืมถาม
-กรณีแบบนี้ พอจะมีทางออกสำหรับคนที่ไม่ได้ตั้งใจ (อ้อ พูดแบบนี้ไม่ได้สินะ) พอจะมีทางออกสำหรับคนที่ไม่มีเงินไหม ว่าถ้าเลือกไปโรงพัก หรือขึ้นศาลจะเป็นอย่างไร? ตามกม. เพราะตอนที่โดน รู้สึกว่าคนที่เข้ามาตอบกระทู้ที่แล้วไม่ได้ช่วยเลย ดีแต่ซ้ำเติม อ่านไปก็ไม่มีทางออกให้อ้างอิง ใครไม่โดนคงไม่รู้ว่ามันรู้สึกแย่มากๆ ดังนั้นหากกระทู้นี้จะมีผู้รู้ทางกม.หรือผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถให้คำตอบได้ จะเป็นกุศลสำหรับคนที่กำลังโดนอยู่แล้วเผื่อมาอ่านเจอ จะได้ให้เค้ามีทางออกมากกว่าจะต้องจ่ายเงินที่เราคิดว่า แพงมาก แพงเกินกว่าความผิดจริงที่กระทำ เสียดายเงินน้ำพักน้ำแรงที่อุตส่าห์อดออมมา เจอแบบนี้มันไม่ได้ต่างจากเจอโจร(ในเครื่องแบบ)ปล้นเลยจริงๆ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้และขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคนที่อาจจะมาให้คำตอบที่เป็นประโยชน์แก่ท่านอื่นๆถัดไปค่ะ