********  มาตอบให้ตามที่ เจ้าของกระทู้ ขอให้มาตอบ ครับ ********

1. ไปเรียนภาษาที่สถาบันไหน / ระยะเวลาเท่าไหร่ / เพราะอะไรถึงเรียนสถาบันนี้
ตอบ:  
เรียนที่ Waikato Institute of Education ระยะเวลาที่เรียน 6 เดือน
เหตุที่ต้องไปเรียนภาษาเพราะว่าต้องไปเรียนเพื่อสอบ IELTS ให้ผ่าน  ( คาดหวังว่าจะช่วยได้ )  ไม่ผ่านไม่ได้เรียนต่อ มีเพื่อนทั้งหมด 7-8 คน แยกไปคนละเมือง
เพื่อไม่ให้อยู่ด้วยกัน ที่เลือกที่นี่ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นหลัก เพราะที่ 0 แนะนำเรียนต่อ เอามาให้ดูก็เลือกๆกันไป
แต่ที่ผิดหวังคือ ตอนแรกที่คิดว่าจะไปได้เรียนรวมกับ คนที่เรียนใน university แต่ปล่าวเลย มันเป็น แค่ institute แยกออกมา นอกมหาลัย
มีแต่พวกที่ไม่รู้ภาษาไปรวมกัน


2. ถ้ามีคนรู้จักกำลังจะไปเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์ คุณจะแนะนำสถาบันที่คุณเรียนหรือไม่ / เพราะอะไร
    และถ้าไม่แนะนำ จะแนะนำที่ไหน / เพราะอะไร
ตอบ
คำถามนี้ตอบยาวเลยหละ  ถ้ามอง newzealand น่าไปมั้ยบอกว่าน่าไป เมืองสงบ สะอาด สวย ปลอดภัย สถาบันสอนเหมือนๆกันกับที่สอนในไทย
ส่วนถ้าจะฝึกภาษาให้ ฟังได้พูดได้ ดูหนังได้ ดู youtube รู้เรื่อง อ่าน เวป รู้เรื่อง หาความรู้ คุย email กับต่างชาติ สั่งซื้อของ ได้ แบบ ใช้ได้
ไม่เหนื่อย ไม่ท่อง ไม่จำ และ ติดตัว และ ง่าย ผม ไม่แนะนำ ให้ไป เรียนตามสถาบันใดๆ ครับผม ไว้ตอบอีกทีด้านล่าง


3. สถาบันที่คุณเรียนมีคนไทยเยอะรึเปล่า คุณคิดว่าจำนวนคนไทยในชั้นเรียน หรือในโรงเรียน มีผลต่อการพัฒนาภาษาของคุณหรือไม่
4. พักอาศัยอยู่ที่ homestay / อพาร์ทเม้นท์ / หอพัก  และคิดว่าพักที่ไหนที่มีผลต่อการพัฒนาภาษามากที่สุด
ตอบ คำถาม 2,3และ4 ตอบทีเดียวด้านล่าง

5. ระหว่างเรียน ได้ทำงานอะไรบ้าง และทำนานแค่ไหน / งานที่ทำได้ใช้ภาษารึเปล่า
ตอบ ไม่ได้ทำ

6. หลังจากเรียนจบแล้ว ภาษาของคุณพัฒนาขึ้นมามากแค่ไหน
ตอบ  พูดตรงๆ ไม่ได้อะไรมากจาก โรงเรียนสอนภาษาเท่าไหร่ จะได้เพราะ เล่นกับลูกเจ้าของบ้าน
--------------------------------------------------------------
มาแบ่งปัน และ แนะนำ การฝึกภาษา ครับ
เริ่มเลยละกัน อาจจะยาวไปหน่อย

บอกก่อนเลยครับ ผมไม่ใช่คนไทย แต่ ผมพูดไทย ได้ อ่านไทยได้ ฟังไทยได้ เหมือนคนไทย ไม่บอกไม่มีวันรู้ ร้องเพลงชาติไทยได้
และก็ชอบประเทศไทย  ผมย้ายมาเมืองไทย ตั้งแต่ 7 ขวบ อยู่มา  20กว่าปีแล้ว
มาแบบพูดไทย ไม่ได้เลยยยยย  ไม่รู้ว่าที่นี่ประเทศอะไรด้วยซ้ำไป โดนที่บ้านส่งไปฝากให้โรงเรียนข้างบ้าน  ระหว่างรอโรงเรียนที่ขอเป็นทางการ
เริ่มฟังรู้เรื่อง ตอน ผ่านไป  6 เดือน แรกๆ เพื่อน หรือ  คนไทย บอกว่าเราพูดไม่ชัด ผ่านไปปีกว่า ก็เริ่มสบาย และสุดท้ายก็ คิดเหมือนคนไทย


มาเรียนแต่ ป 2 จบ ม 6  ภาษาอังกฤษ ได้ เกรด 1  ทุก ครั้ง หรือไม่ก็สอบตกต้องซ่อมด้วย จนถึง ม 6    แบบ โครต ห่วย อ่านไม่ได้ ฟังไม่เข้าใจผมว่าหาได้ยากที่คนจะโง่เท่าผมในตอนนั้น
เรียนพิเศษทุกที่ ให้คนมาสอนที่บ้าน และ ไปเที่ยวเมืองนอก ตอนปิดเทอม  ไม่ได้ช่วยให้ผม ฟังได้ อ่านได้เลย ให้ตายเถอะ !!!!
เรียนภาษาอะไร เรียนมา ตั้งแต่ ป2  ทำไมไม่ดีขึ้นเลย  
" สมองเราโง่เกินไปหรือปล่าว ถ้าโง่จริง ทำไมภาษาไทย เราใช้เป็นหละ "  เลยมาสังเกตว่า คนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้ เรียนมา ภาษาอังกฤษใช้ไม่ได้เหมือน ภาษาไทย
สรุป ผมโยนความผิดให้กับ ระบบการสอนเลยละกัน ฟันธง !!!!  
ถ้าอยากได้ภาษาอะไรก็แล้วแต่ ให้เลิก เรียนด้วยวิธีเดิมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  
แนะนำ ไปหาหนังสือ " ครูเคท " เล่ม 1 เล่ม 2 มาอ่านเสีย แล้วจะเข้าใจว่า การเรียนภาษาที่ ไม่เหนื่อยไม่ท่อง และติตตัวถาวรเป็นอย่างไร
ผมดันได้รู้จักหนังสือก่อนไป newzealand เพียง 2 วัน จากการแนะนำของใครไม่รู้ที่ร้านหนังสือ พอมาอ่านรู้เลย นี่แหละ คือทางรอด
แต่จ่ายตังไปแล้วก็เลยต้องไป ถ้าเลือกได้จะไม่ไปไหนทั้งนั้น

ผมจะสรุปแก่นของการได้ภาษาที่สองมาติดหัว ให้แล้วกันครับ ( ในหนังสือเขียนไว้ชัดมากแล้ว ไปหาอ่านด้วย )

ผมไม่เคยเรียนภาษาไทย แต่ผมเป็นภาษาไทย ฉนั้น เลิกเรียนภาษาอังกฤษได้แล้ว ยิ่งเรียนยิ่ง ปวดหัว หรือไม่จริง

แก่นคือ ให้ฟังและเลียนแบบภาษานั้นๆ จากเจ้าของภาษาเท่านั้น ชอบสำเนียงไหนเลือกเอา  และ ฟังและ เลียนแบบ นานพอที่สมองส่วนจิตใต้สำนึก มันจะคุ้นชิน ( ว่าต้องนานพอ และต่อเนื่องพอ ไม่งั้นจิตใต้สำนึกจะไม่คุ้นชิน เสียที ยิ่งชั่วโมงบินมาก ยิ่งเป็นเร็ว
คนที่โตมาจากเมืองนอกได้เปรียบ ไปเรียนหนังสือ เมืองนอก ไปทำงาน ไปอะไรก็ได้ที่ไม่ได้ไปเรียนเอาภาษา จะได้เร็ว )
ให้ย้อนตัวเองกลับไป เหมือนเด็กทารก  ว่าเรียนรู้ภาษายังไง



หลักการคือ ต้องฝึกจากการ    ฟัง  --- >  ค่อยๆพูด ----> ค่อยไปเรียน อ่าน -----> เรียน เขียน
แต่พวกเรา เก่งมาจากไหน มาเรียนเขียน เรียนอ่าน ถึงได้ฟังไม่รุ้เรื่อง พูดไม่ได้  ฟังไม่รู้เรื่องแล้วจะพูดได้ยังไง

เราเรียนแบบผิดธรรมชาติ มาตั้งแต่เด็ก ฟังจากคนพูดผิดๆ จนจิตใต้สำนึกจำแบบ ผิดๆ ออกเสียงแบบผิดๆมาตลอดชึวิต  แล้วคาดหวังว่าจะดูหนังรู้เรื่อง บ้าไปแล้ววววว

พอโตหน่อย ก็โดนหน้าที่การงานบังคับให้ต้องเป็นภาษา ในเวลาอันสั้น ต้องสอบนั่น นุ่น นี่ ความซวยเลยมาตกที่เรา

คนส่วนใหญ่เลย เริ่มคิดว่า เอาไงดี เรียนจนจบมหาลัย แล้วยังไม่ได้เรื่องเลย คงต้องไป เรียน เมือง นอกกกกกกกก แล้วหละมั้ง ทำไมภาษามันยากจัง

แล้วถ้าไม่มีเงินหละ ทำไง ไงไงไงไไงไงไงไงไง


สำหรับคนที่เรียนมาผิดๆแบบพวกเรา ยากที่สุดคือ ต้อง ทิ้งทุกอย่างที่รู้ให้หมด และเริ่มใหม่ แต่เชื่อผมเถอะ หลังจากสมองสร้าง พื้นฐานที่ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ผมสามารถเข้าใจ ศัพท์ที่ผมไม่เคยได้ยิน ได้ในเพียงเห็นครั้งเดียว  ตัวอย่างเช่น  ก่อนหน้านี้เรา ไม่รู้จักคำว่า  เด็กแว้น ใช่มะ  แต่เราก็เข้าใจมันในเวลานี้
ไม่เห็นต้องท่องเลย มันจะเป็นแบบนี้แหละ   แนะนำไปหาหนังสืออ่านดีกว่า เขียนไม่หมดในนี้หรอก
ต้นแบบที่ถูกที่สุด คือ youtube หรือ ซีรีย์
สมัยผม internet ไม่ได้เร็วแบบนี้ ต้องไปเช่าหนังมาดูแทนลำบากกว่ามาก

--------------------------------------------------------------------------------------

ฉนั้นถ้าจะไปเมืองนอก จริงๆ

การเรียน gramma แบบ เป็นสูตร เป็น ฝันร้าย และเป็น  มะเร็งร้ายในการ เรียนรู้ภาษา วันที่คุณ คุ้นเคย จากการ เลียนแบบเจ้าของภาษา เดี๋ยว gramma มันมาเอง ผมพูดไทยไม่เห็น จะต้องสนใจหรือรู้เลย ว่าคำไหน คำนาม กริยา กรรม หรือ คำเชื่อม บ้าบอ อะไร ผมก็แค่พูดจากใจ อยากพูดไรก็พูด  นั่นเป็นผลมาจากที่จิตใต้สำนึกของผมคุ้นชินกับภาษาไทยจากคนไทยที่อยู่รอบตัวผม สมองมัน เรียนรู้ของมันเอง


อย่าไปคุยกับพวกที่มาเรียนภาษาด้วยกัน พากันมั่ว เพราะเขาเหล่านั้นไม่ใช่ต้นแบบที่ให้เรา copy  

อยู่กับเจ้าของบ้าน homestay ที่เขาชั่งคุยก็จะดี แต่ถ้าไม่คุยด้วย ก็เสียเวลาปล่าว ดู youtube อยู่เมืองไทยดีกว่า ประหยัดกว่า

อยู่นาน แค่ไหนถึงจะเป็น ก็อยู่ที่ว่า คุณได้อยู่กับเจ้าของภาษาและ ได้ฟัง วันละกี่ชั่วโมง ถ้าอยู่แต่ในห้องเรียน ก็สอนตามหลักสูตร ที่แบ่ง level
แต่ละ level เรียนกันเป็น เดือน เป็น ปี เป็นชาติ
ภาษาไม่มี level หรอก มีแค่ รู้กับยังไม่รู้  ถ้าไม่เชื่อคุณ ว่า ภาษาไทยผมอยู่ level ไหนละ เอาอะไรมาวัด

ภาษา มีแค่ ฟังแล้ว เข้าใจมั้ย อ่านออกมั้ย  ถ้าเข้าใจก็ใช้ประโยชน์ ได้ ถ้าไม่เข้าใจ ก็ใช้ไม่ได้
-------------------------
ทุกวันนี้ ผม นั่งดู youtube review สินค้า หรือ หนังที่ไม่ได้ใช้ เนื้อหาหนัก ได้สบาย โดยที่ไม่ได้ท่องอะไรเลย ยิ่งท่องยิ่งลืม

ห้ามท่อง ห้ามคิดเป็นไทย

ขอให้โชคดี