เราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยสร้างความผิดพลาดในชีวิต แต่เมื่อพูดถึงตลาดนักเตะในวงการฟุตบอล ก็จะมีนักเตะซึ่งเคยเป็นความหวัง แต่หลังย้ายเข้าร่วมทีมมากลับกลายเป็นตัวตลกให้เห็นอยู่บ่อยๆ และตอ่ไปนี้คือ 10 ที่สุด การเซ็นสัญญา "พลาดๆ" ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคพรีเมียร์ ลีก
อันดับ 10 : ยอร์ดี้ ครัฟฟ์
เขาคือบุตรชายของโยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานดาวเตะชื่อก้องโลก...แข้งชาวดัทช์ย้ายจากบาร์เซโลน่ามาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 1996 พร้อมความคาดหวังของมวลมหาประชาชน ในราคาค่าตัว 1.4 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยโชว์ผลงานการเล่นได้ตามที่แฟนบอลตั้งเอาไว้ และอยู่กับทีมจนครบสัญญา 4 ปีก่อนย้ายไปร่วมทีมอลาเบสในปี 2000
อันดับ 9 : อลัน สมิธ
การซื้อตัวกองหน้าอารมณ์ร้อนรายนี้จากลีดส์ ยูไนเต็ด หนึ่งในคู่อริที่แฟนบอลเกลียดชังกันมากที่สุด กลายเป็นข่าวช็อควงการลูกหนังในปี 2004 โดยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันใช้เงิน 7 ล้านปอนด์ จ่ายให้กับทีมยูงทองที่ร่วงตกชั้นลงสู่ลีกต่ำ
หลังไม่ค่อยประสบความสำเร็จในตำแหน่งกองหน้า โดยมีรุด ฟาน นิสเตอรอยและเวย์น รูนี่ย์ขวางทางอยู่ เฟอร์กี้ได้ตัดสินใจเปลี่ยนตำแหน่งของอริสมันต์มาลงเล่นในแผงมิดฟิลด์ตัวกลาง พร้อมความคาดหวังจะให้กลายเป็นรอย คีน คนใหม่ แต่ความมุ่งมั่นและความเดือดดาลที่นักเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้ มีเหมือนกับตำนานเจ้าของหมายเลข 16 ไม่เพียงพอ นั่นทำให้เขาถูกขายทิ้งให้กับนิวคาสเซิ่ล 3 ปีหลังจากนั้นด้วยค่าตว 6 ล้านปอนด์
อันดับ 8 : มาร์ค บอสนิช
ถูกซื้อตัวมาทดแทนตำแหน่งการจากไปของสุดยอดผู้รักษาประตูอย่างปีเตอร์ ชไมเคิ่ลในช่วงซัมเมอร์ปี 1999 จากทีมแอสตัน วิลล่า
แต่หลังจากนั้นเซอร์อเล็กซ์ ที่เริ่มกังขาในความสามารถของนายทวารชาวออสซี่ และก็ได้ดึงตัวฟาเบียน บาร์กเตซเข้ามาเป็นมือหนึ่งเมื่อปี 2000-2001 ซึ่งทำให้บอสนิชกลายเป็นตัวเลือกอันดับ 3 และต้องระเห็จไปอยู่กับเชลซีในเดือนมกราคมปี 2001
อันดับ 7 : เลียม มิลเลอร์
หลังหมดสัญญากับกลาสโกว์ เซลติก เซอร์อเล็กซ์มองเห็นอะไรบางอย่างในแข้งรายนี้ และได้ดึงตัวเขาเข้ามาร่วมทีมแบบไร้ค่าตัวในปี 2004
มิดฟิลด์ชาวไอร์แลนด์ค้าแข้งอยู่ในโรงละครแห่งความฝันเพียง 2 ปี โดยเขาโดนความกดดันจากการลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเล่นงานและไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้
มิลเลอร์ลงสนามในเวทีพรีเมียร์ ลีกไปเพียง 9 เกม ก่อนถูกส่งตัวไปให้กับซันเดอร์แลนด์ในปี 2006
อันดับ 6 : วิลเลี่ยม พรูนิเย่ร์
ปราการหลังชาวฝรั่งเศสหัวโล้นมันเลี่ยนย้ายจากบอร์กโดซ์ เข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 1995 โดยเฟอร์กี้มีความประสงค์ที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเกมรับในเวทีการแข่งขันระดับยุโรป
อย่างไรก็ตาม หลังมีผลงานการเล่นอันยอดเยี่ยมในเกมเปิดตัวแข่งขันกับควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส ปราการหลังเลือดน้ำหอมรายนี้กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่เล่นได้แย่ที่สุดในเกมที่ "ผีแดง" พ่ายให้กับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 4-1 และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ลงสนามให้กับต้นสังกัดอีกเลย
อันดับ 5 : มัสซิโม่ ตาอิบี้
เขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ห่วยแตกที่สุดในสีเสื้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยนายด่านชาวอิตาลีย้ายจากเวเนเซีย มาค้าแข้งที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเมื่อปี 1999 ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์
หนึ่งในเหตุการณ์ที่ไม่มีแฟนบอลผีแดงคนไหนเคยลืมเลือนคือลูกรับลอดดากในเกมกับเซาแธมป์ตัน และแน่นอนว่าในซัมเมอร์ถัดมาเขาก็ถูกส่งตัวกลับไปที่ประเทศอิตาลีทันที
อันดับ 4 : เบเบ้
ปีกชาวโปรตุเกสผู้ซึ่งไม่เคยมีใครได้ยินหรือได้รู้จัก ย้ายมาอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดในซัมเมอร์ปี 2010 ด้วยค่าตัวประมาณ 6.5 ล้านปอนด์
ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอล ผู้ซึ่งได้เห็นคลิปการยิงประตูอันทรงพลังเฉกเช่นคริสติอาโน่ โรนัลโด้ แต่หลังจากลงสนามประเดิมให้กับทีมชุดใหญ่ไปไม่กี่เกม "เบเบ้" ก็ได้เริ่มแสดงความกากของฝีเท้าตัวเองออกมา จนกลายเป็นตัวตลกให้ชาว Soccersuck แซวกันเล่นสนุกปาก
ปัจจุบันดาวเตะรายนี้ยังคงเป็นหนึ่งในขุมกำลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแต่ถูกส่งไปให้กับปากอส สโมสรในบ้านเกิดยืมตัวใช้งาน
อันดับ 3 : เคลแบร์สัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องทำงานอย่างหนักในการแย่งลายเซ็นดาวเตะชาวแซมบ้ากับสโมสรอื่นๆ โดยเขามีผลงานการเล่นในฟุตบอลโลกปี 2002 อันยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญที่ทำให้บราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้
อย่างไรก็ตามการได้รับอาการบาดเจ็บในนัดที่ 2 ของการลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นจุดหันเหในอาชีพการค้าแข้งของเขา ซึ่งตลอด 2 ปีในการค้าแข้งและลงสนามในลีกไปเพียง 20 เกม เขาก็โดนเซอร์อเล็กซ์ ขายทิ้งให้กับเบซิคตัสในราคา 2.95 ล้านยูโร
อันดับ 2 : เอริค แฌมบ้า-แฌมบ้า
อีกหนึ่งนักเตะที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันหมายมั่นดึงตัวไว้รอเป็นทายาทของรอย คีน มิดฟิลด์ชาวแคเมอรูนย้ายจากน็องตส์ สโมสรในฝรั่งเศสด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์
ฟอร์มการเล่นของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแตกต่างกับยามค้าแข้งในลีก เอิงอย่างสิ้นเชิง โดยแฌมบ้า-แฌมบ้ามีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในเสื้อสีแดงเพียง 18 เดือนก่อนถูกขายให้กับแอสตัน วิลล่าในราคา 1.5 ล้านปอนด์
อันดับ 1 : ฮวน เซบาสเตียน เวรอน
ในตอนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดึงตัวจอมทัพทีมชาติอาร์เจนติน่ารายนี้เข้าร่วมทีม เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษ โดยเซอร์อเล็กซ์ ทุ่มเงินสูงถึง 28.1 ล้านปอนด์ จ่ายให้กับลาซิโอ้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2001
แม้ว่าดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์รายนี้จะมีการเปิดบอลที่แม่นยำและเทคนิคอันแพรวพราว แต่หลายฝ่ายมองว่าเขาประสบปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลที่มีการเล่นอันรวดเร็วของพรีเมียร์ ลีก
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้เปิดเผยถึงเรื่องราวของฮวน เซบาสเตียน เวรอนในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่ของเขา โดยยืนยันว่าดาวเตะรายนี้มีความสามารถอันสูงส่ง แต่ปัญหาเดียวก็คือเขาไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมภายในทีมให้กับ "เซบา" ได้ ทำให้นักเตะไม่สามารถเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้เต็มที่
credit : www.soccersuck.com
[บทความผีแดง 2013-12-09] 10 ที่สุดการเซ็นสัญญา ''พลาดๆ'' ของผียุคพรีเมียร์ ลีก
อันดับ 10 : ยอร์ดี้ ครัฟฟ์
เขาคือบุตรชายของโยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานดาวเตะชื่อก้องโลก...แข้งชาวดัทช์ย้ายจากบาร์เซโลน่ามาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 1996 พร้อมความคาดหวังของมวลมหาประชาชน ในราคาค่าตัว 1.4 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยโชว์ผลงานการเล่นได้ตามที่แฟนบอลตั้งเอาไว้ และอยู่กับทีมจนครบสัญญา 4 ปีก่อนย้ายไปร่วมทีมอลาเบสในปี 2000
อันดับ 9 : อลัน สมิธ
การซื้อตัวกองหน้าอารมณ์ร้อนรายนี้จากลีดส์ ยูไนเต็ด หนึ่งในคู่อริที่แฟนบอลเกลียดชังกันมากที่สุด กลายเป็นข่าวช็อควงการลูกหนังในปี 2004 โดยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันใช้เงิน 7 ล้านปอนด์ จ่ายให้กับทีมยูงทองที่ร่วงตกชั้นลงสู่ลีกต่ำ
หลังไม่ค่อยประสบความสำเร็จในตำแหน่งกองหน้า โดยมีรุด ฟาน นิสเตอรอยและเวย์น รูนี่ย์ขวางทางอยู่ เฟอร์กี้ได้ตัดสินใจเปลี่ยนตำแหน่งของอริสมันต์มาลงเล่นในแผงมิดฟิลด์ตัวกลาง พร้อมความคาดหวังจะให้กลายเป็นรอย คีน คนใหม่ แต่ความมุ่งมั่นและความเดือดดาลที่นักเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้ มีเหมือนกับตำนานเจ้าของหมายเลข 16 ไม่เพียงพอ นั่นทำให้เขาถูกขายทิ้งให้กับนิวคาสเซิ่ล 3 ปีหลังจากนั้นด้วยค่าตว 6 ล้านปอนด์
อันดับ 8 : มาร์ค บอสนิช
ถูกซื้อตัวมาทดแทนตำแหน่งการจากไปของสุดยอดผู้รักษาประตูอย่างปีเตอร์ ชไมเคิ่ลในช่วงซัมเมอร์ปี 1999 จากทีมแอสตัน วิลล่า
แต่หลังจากนั้นเซอร์อเล็กซ์ ที่เริ่มกังขาในความสามารถของนายทวารชาวออสซี่ และก็ได้ดึงตัวฟาเบียน บาร์กเตซเข้ามาเป็นมือหนึ่งเมื่อปี 2000-2001 ซึ่งทำให้บอสนิชกลายเป็นตัวเลือกอันดับ 3 และต้องระเห็จไปอยู่กับเชลซีในเดือนมกราคมปี 2001
อันดับ 7 : เลียม มิลเลอร์
หลังหมดสัญญากับกลาสโกว์ เซลติก เซอร์อเล็กซ์มองเห็นอะไรบางอย่างในแข้งรายนี้ และได้ดึงตัวเขาเข้ามาร่วมทีมแบบไร้ค่าตัวในปี 2004
มิดฟิลด์ชาวไอร์แลนด์ค้าแข้งอยู่ในโรงละครแห่งความฝันเพียง 2 ปี โดยเขาโดนความกดดันจากการลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเล่นงานและไม่สามารถสร้างผลงานเป็นชิ้นเป็นอันได้
มิลเลอร์ลงสนามในเวทีพรีเมียร์ ลีกไปเพียง 9 เกม ก่อนถูกส่งตัวไปให้กับซันเดอร์แลนด์ในปี 2006
อันดับ 6 : วิลเลี่ยม พรูนิเย่ร์
ปราการหลังชาวฝรั่งเศสหัวโล้นมันเลี่ยนย้ายจากบอร์กโดซ์ เข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 1995 โดยเฟอร์กี้มีความประสงค์ที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเกมรับในเวทีการแข่งขันระดับยุโรป
อย่างไรก็ตาม หลังมีผลงานการเล่นอันยอดเยี่ยมในเกมเปิดตัวแข่งขันกับควีนสพาร์ค เรนเจอร์ส ปราการหลังเลือดน้ำหอมรายนี้กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่เล่นได้แย่ที่สุดในเกมที่ "ผีแดง" พ่ายให้กับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ 4-1 และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ลงสนามให้กับต้นสังกัดอีกเลย
อันดับ 5 : มัสซิโม่ ตาอิบี้
เขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ห่วยแตกที่สุดในสีเสื้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยนายด่านชาวอิตาลีย้ายจากเวเนเซีย มาค้าแข้งที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเมื่อปี 1999 ด้วยค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์
หนึ่งในเหตุการณ์ที่ไม่มีแฟนบอลผีแดงคนไหนเคยลืมเลือนคือลูกรับลอดดากในเกมกับเซาแธมป์ตัน และแน่นอนว่าในซัมเมอร์ถัดมาเขาก็ถูกส่งตัวกลับไปที่ประเทศอิตาลีทันที
อันดับ 4 : เบเบ้
ปีกชาวโปรตุเกสผู้ซึ่งไม่เคยมีใครได้ยินหรือได้รู้จัก ย้ายมาอยู่กับแมนฯ ยูไนเต็ดในซัมเมอร์ปี 2010 ด้วยค่าตัวประมาณ 6.5 ล้านปอนด์
ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอล ผู้ซึ่งได้เห็นคลิปการยิงประตูอันทรงพลังเฉกเช่นคริสติอาโน่ โรนัลโด้ แต่หลังจากลงสนามประเดิมให้กับทีมชุดใหญ่ไปไม่กี่เกม "เบเบ้" ก็ได้เริ่มแสดงความกากของฝีเท้าตัวเองออกมา จนกลายเป็นตัวตลกให้ชาว Soccersuck แซวกันเล่นสนุกปาก
ปัจจุบันดาวเตะรายนี้ยังคงเป็นหนึ่งในขุมกำลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแต่ถูกส่งไปให้กับปากอส สโมสรในบ้านเกิดยืมตัวใช้งาน
อันดับ 3 : เคลแบร์สัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องทำงานอย่างหนักในการแย่งลายเซ็นดาวเตะชาวแซมบ้ากับสโมสรอื่นๆ โดยเขามีผลงานการเล่นในฟุตบอลโลกปี 2002 อันยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญที่ทำให้บราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้
อย่างไรก็ตามการได้รับอาการบาดเจ็บในนัดที่ 2 ของการลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นจุดหันเหในอาชีพการค้าแข้งของเขา ซึ่งตลอด 2 ปีในการค้าแข้งและลงสนามในลีกไปเพียง 20 เกม เขาก็โดนเซอร์อเล็กซ์ ขายทิ้งให้กับเบซิคตัสในราคา 2.95 ล้านยูโร
อันดับ 2 : เอริค แฌมบ้า-แฌมบ้า
อีกหนึ่งนักเตะที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันหมายมั่นดึงตัวไว้รอเป็นทายาทของรอย คีน มิดฟิลด์ชาวแคเมอรูนย้ายจากน็องตส์ สโมสรในฝรั่งเศสด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์
ฟอร์มการเล่นของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแตกต่างกับยามค้าแข้งในลีก เอิงอย่างสิ้นเชิง โดยแฌมบ้า-แฌมบ้ามีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในเสื้อสีแดงเพียง 18 เดือนก่อนถูกขายให้กับแอสตัน วิลล่าในราคา 1.5 ล้านปอนด์
อันดับ 1 : ฮวน เซบาสเตียน เวรอน
ในตอนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดึงตัวจอมทัพทีมชาติอาร์เจนติน่ารายนี้เข้าร่วมทีม เขากลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลอังกฤษ โดยเซอร์อเล็กซ์ ทุ่มเงินสูงถึง 28.1 ล้านปอนด์ จ่ายให้กับลาซิโอ้ในช่วงซัมเมอร์ปี 2001
แม้ว่าดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์รายนี้จะมีการเปิดบอลที่แม่นยำและเทคนิคอันแพรวพราว แต่หลายฝ่ายมองว่าเขาประสบปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลที่มีการเล่นอันรวดเร็วของพรีเมียร์ ลีก
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันได้เปิดเผยถึงเรื่องราวของฮวน เซบาสเตียน เวรอนในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่ของเขา โดยยืนยันว่าดาวเตะรายนี้มีความสามารถอันสูงส่ง แต่ปัญหาเดียวก็คือเขาไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมภายในทีมให้กับ "เซบา" ได้ ทำให้นักเตะไม่สามารถเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้เต็มที่
credit : www.soccersuck.com