คิดอย่างผู้นำโลก
แมวของเหมาเจ๋อตุง
จาก :
http://www.baanjomyut.com/library_2/world_leader/01.html
เหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำจีนในยุคที่ประเทศจีนเรืองอำนาจมาก ท่านมีอมตะวาจาคำหนึ่งคือ “แมวไม่ว่าจะสีอะไรขอให้จับหนูได้ก็เป็นพอ” อมตะวาจานี้เกิดขึ้นมาจากหนู
เรื่องมีอยู่ว่า ภรรยาของท่านประธานเหมาชื่อเชียงชิง นางเป็นนักช็อปปิ้งที่มักซื้อโน่นซื้อนี่เก็บสะสมไว้ในบ้านเป็นจำนวนมากจนดูเกะกะรุงรัง ต่อมาเกิดมีหนูแอบเข้ามากัดแทะข้าวของที่ นางเชียงชิงซื้อมาเก็บไว้จนเสียหาย นางจึงไปฟ้องท่านประธานเหมา ท่านประธานเหมาจึงแนะนางว่าให้หาแมวมาเลี้ยงสิเพื่อจะได้จับหนู นางเชียงชิงก็บอกกับท่านว่าขอเป็นแมวสีสวาทนะ ท่านประธานเหมา ส่ายหน้า แล้วพูดวาจาอันเป็นอมตะว่า “อย่าไปเลือกสีเลย แมวไม่ว่าจะสีอะไร ก็จับหนูได้ทั้งนั้น แมวไม่ว่าสีอะไร ขอให้จับหนูได้เป็นพอ”
แต่นางเชียงชิงแกดื้ออยากได้แมวสีสวาทท่าเดียว ท่านประธานขี้เกียจเถียงจึงให้คนไปหาแมวสีสวาทมาเลี้ยง มันเป็นแมวตัวเมียที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นและจับหนูก็ไม่เป็นด้วย ทำให้หนูยังคงมากัดแทะข้าวของพังเสียหายหนักขึ้นอีก นางก็ไปฟ้องท่านประธานเหมาว่าแมวที่เอามาเลี้ยงเปลืองข้าวสุกเปล่า ท่านประธานเหมาก็บอก “เมื่อแมวสีสวาทตัวนี้จับหนูไม่ได้ เราก็เปลี่ยนแมวเสีย”
นางเชียงชิงเลือกแมวตัวใหม่เป็นพันธุ์เปอร์เชียตัวเมีย แต่ก็จับหนูไม่เป็นอีกเช่นกัน นางก็ไปฟ้องท่านประธานเหมาอีก ท่านประธานเหมาก็บอกเป็นอมตะซ้ำสองว่า “แมวไม่ว่าจะสีอะไร ขอให้จับหนูได้เป็นพอ”
วันหนึ่ง ท่านประธานเข้าไปในวัดไปเจอแมวตัวผู้ตัวหนึ่งจึงขอพระมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน มันเป็นแมวที่ปราดเปรียว ขยัน แต่....เป็นขี้เรื้อน นางเชียงชิงไม่ค่อยชอบนักเพราะดูสกปรก แต่พอมาถึงบ้าน แมวขี้เรื้อนตัวนั้นก็ออกไล่หนูทันที ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์หนูในบ้านก็ตายเกลี้ยง นางเชียงชิงดีใจ แต่อดบ่นไม่ได้ว่า “แมวขี้เหร่อย่างนี้ใครมาบ้านเห็นแมวตัวนี้ก็อายเขาแย่”
ท่านประธานเหมาจึงสั่งสอนนางว่า “เธอนี่พูดอะไรไม่รู้ จะเลี้ยงแมวเพื่อเอาอะไรกันแน่ จะเลี้ยงแมวเพื่ออวดหน้าอวดตา แต่แมวจับหนูไม่ได้ต้องการอย่างนั้นหรือ แมวแม้ไม่สวย แต่ถ้ามันจับหนูได้ สมประโยชน์ของเราอย่างนี้เราจะไม่พอใจหรือ”
ท่านประธานเหมาถือเอาคตินี้ไปใช้ในการบริหารบ้านเมือง กล่าวคือ ท่านไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของคน แม้คนที่ท่านใช้งานจะมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ถ้ามีสติปัญญาและความซื่อสัตย์ ท่านก็เอามาใช้งาน แม้บางคนนิสัยไม่ดี แต่ถ้ามีความรู้ความสามารถ ทำประโยชน์ให้ท่านได้ ท่านก็เรียกมาใช้งาน การที่ท่านประธานเหมาเจ๋อตุง เห็นแก่ประโยชน์มากกว่าการตำหนิเพียงเล็กน้อย จึงทำให้ประเทศจีนในยามนั้นเข้มแข็งมาก
แมวของเหมาเจ๋อตุง คิดอย่างผู้นำโลก
แมวของเหมาเจ๋อตุง
จาก : http://www.baanjomyut.com/library_2/world_leader/01.html
เหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำจีนในยุคที่ประเทศจีนเรืองอำนาจมาก ท่านมีอมตะวาจาคำหนึ่งคือ “แมวไม่ว่าจะสีอะไรขอให้จับหนูได้ก็เป็นพอ” อมตะวาจานี้เกิดขึ้นมาจากหนู
เรื่องมีอยู่ว่า ภรรยาของท่านประธานเหมาชื่อเชียงชิง นางเป็นนักช็อปปิ้งที่มักซื้อโน่นซื้อนี่เก็บสะสมไว้ในบ้านเป็นจำนวนมากจนดูเกะกะรุงรัง ต่อมาเกิดมีหนูแอบเข้ามากัดแทะข้าวของที่ นางเชียงชิงซื้อมาเก็บไว้จนเสียหาย นางจึงไปฟ้องท่านประธานเหมา ท่านประธานเหมาจึงแนะนางว่าให้หาแมวมาเลี้ยงสิเพื่อจะได้จับหนู นางเชียงชิงก็บอกกับท่านว่าขอเป็นแมวสีสวาทนะ ท่านประธานเหมา ส่ายหน้า แล้วพูดวาจาอันเป็นอมตะว่า “อย่าไปเลือกสีเลย แมวไม่ว่าจะสีอะไร ก็จับหนูได้ทั้งนั้น แมวไม่ว่าสีอะไร ขอให้จับหนูได้เป็นพอ”
แต่นางเชียงชิงแกดื้ออยากได้แมวสีสวาทท่าเดียว ท่านประธานขี้เกียจเถียงจึงให้คนไปหาแมวสีสวาทมาเลี้ยง มันเป็นแมวตัวเมียที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นและจับหนูก็ไม่เป็นด้วย ทำให้หนูยังคงมากัดแทะข้าวของพังเสียหายหนักขึ้นอีก นางก็ไปฟ้องท่านประธานเหมาว่าแมวที่เอามาเลี้ยงเปลืองข้าวสุกเปล่า ท่านประธานเหมาก็บอก “เมื่อแมวสีสวาทตัวนี้จับหนูไม่ได้ เราก็เปลี่ยนแมวเสีย”
นางเชียงชิงเลือกแมวตัวใหม่เป็นพันธุ์เปอร์เชียตัวเมีย แต่ก็จับหนูไม่เป็นอีกเช่นกัน นางก็ไปฟ้องท่านประธานเหมาอีก ท่านประธานเหมาก็บอกเป็นอมตะซ้ำสองว่า “แมวไม่ว่าจะสีอะไร ขอให้จับหนูได้เป็นพอ”
วันหนึ่ง ท่านประธานเข้าไปในวัดไปเจอแมวตัวผู้ตัวหนึ่งจึงขอพระมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน มันเป็นแมวที่ปราดเปรียว ขยัน แต่....เป็นขี้เรื้อน นางเชียงชิงไม่ค่อยชอบนักเพราะดูสกปรก แต่พอมาถึงบ้าน แมวขี้เรื้อนตัวนั้นก็ออกไล่หนูทันที ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์หนูในบ้านก็ตายเกลี้ยง นางเชียงชิงดีใจ แต่อดบ่นไม่ได้ว่า “แมวขี้เหร่อย่างนี้ใครมาบ้านเห็นแมวตัวนี้ก็อายเขาแย่”
ท่านประธานเหมาจึงสั่งสอนนางว่า “เธอนี่พูดอะไรไม่รู้ จะเลี้ยงแมวเพื่อเอาอะไรกันแน่ จะเลี้ยงแมวเพื่ออวดหน้าอวดตา แต่แมวจับหนูไม่ได้ต้องการอย่างนั้นหรือ แมวแม้ไม่สวย แต่ถ้ามันจับหนูได้ สมประโยชน์ของเราอย่างนี้เราจะไม่พอใจหรือ”
ท่านประธานเหมาถือเอาคตินี้ไปใช้ในการบริหารบ้านเมือง กล่าวคือ ท่านไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของคน แม้คนที่ท่านใช้งานจะมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ แต่ถ้ามีสติปัญญาและความซื่อสัตย์ ท่านก็เอามาใช้งาน แม้บางคนนิสัยไม่ดี แต่ถ้ามีความรู้ความสามารถ ทำประโยชน์ให้ท่านได้ ท่านก็เรียกมาใช้งาน การที่ท่านประธานเหมาเจ๋อตุง เห็นแก่ประโยชน์มากกว่าการตำหนิเพียงเล็กน้อย จึงทำให้ประเทศจีนในยามนั้นเข้มแข็งมาก