ก่อนอื่นเรามาดูข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติว่ามีหุ้นอยู่เท่าไหร่
(ซึ่งผมหาข้อมูลย้อนหลังได้ถึงปี 2002)
ข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติปี 2002-2012
ข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติปี 2013
จากข้อมูลที่มีสรุปได้ว่า
ต่างชาติมียอดซื้อสะสมตั้งแต่ปี 2002-2012 อยู่ประมาณ 280000 ล้านบาท
แต่ปีนี้ 2013 ต่างชาติขายไปแล้วประมาณ 170000 ล้านบาท
และเงินที่เข้ามาซื้อตอนมี QE ได้ถูกขายหมดแล้ว
คาดว่าเหลือหุ้นที่จะขายได้อีกประมาณ 110000 ล้านบาท
โดยการขายตอนนี้น่าจะเป็นเงินที่เข้ามาซื้อตอนปี 2005 ซึ่งมีต้นทุนตอน set ~700
ความน่ากลัวคือเริ่มเป็นการขายของพวกลงทุนแบบระยะยาว (long term)
สาเหตุหลักน่าจะมาจาก..ต่างชาติคงมองว่ามีตลาดอื่นที่มีผลตอบแทนการลงทุนดีกว่าไทย
ประกอบกับไทยก็มีปัญหาการขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงและยาวนาน
...คำถาม...แล้วต่างชาติจะเลิกขายเมื่อไหร่...ก็คงไม่มีใครรู้...
...แทนที่เราจะคาดหวังให้ต่างชาติเลิกขาย...เราคนไทยควรจะช่วยกันเองก่อนจะดีกว่า...
...ผลจากการดำเนินการเพื่อเอาชนะทางการเมือง(หรือพูดตรงๆก็คือแย่งอำนาจกัน)
...ไม่ว่าการยึดสถานที่ต่างๆ , การปฏิวัติรัฐประหาร , การชุมนุมต่างๆ หรือด้วยวิธีอื่นๆ
...ได้สร้างความเสียหายทุกด้านทั้ง ทางเศรฐกิจ สังคม หรือแม้แต่กระบวนการยุติธรรม
...และโดยเฉพาะได้สร้างความแตกแยกระหว่างประชาชน ปลุกปั่นจนคนไทยทำร้ายกันเอง
...เป็นผลให้ประเทศไม่สามารถเจริญก้าวหน้าได้อย่างที่ควรจะเป็น...แล้วใครจะอยากมาลงทุน...
...แล้ววันที่ 9 นี้ ถ้าคุณสุเทพประกาศชัยชนะได้..แล้วจะจบไหม???
...ก็ไม่ทราบเหมือนกัน...แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเกิดคำถามตามมาอีกมากเช่น....
...การยึดสถานที่ราชการต่างๆ เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมายหรือไม่ แล้วจะนิรโทษกรรมตัวเองรึเปล่า???
…ประเทศไทยมีคน 60 ล้านคน แล้วคน 1 ล้านคนจะอ้างว่าเป็นคนทั้งประเทศได้อย่างไร???
…ถ้ามีคนกลุ่มหนึ่งยึดนั่นยึดนี่แล้วได้อำนาจ ก็จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งใช้วิธีเดียวกันอีก แล้วประเทศจะหาความสงบอย่างไร???
...ระบอบประชาธิปไตยได้พิสูจน์แล้วทั่วโลกว่าเป็นการปกครองที่ดีที่สุด แต่ระบอบที่คุณสุเทพจะเอามาใช้
แม้แต่คุณสุเทพก็ยังอธิบายแบบงงงง แล้วประเทศไทยจะเป็นยังไงต่อไป???
...และอื่นๆอีกมาก...
...เห็นแบบนี้แล้ว...ถ้าเราเป็นต่างชาติเรายังอยากจะมาลงทุนในไทยหรือไม่???
...เริ่มปวดหัว...แล้ว set จะเป็นอย่างไรต่อไป???
...ต้องคอยดูว่าจะลงมาปิด gap ที่ 1337 หรือไม่
…ตอนนี้คาดว่า Elliott Wave ทำคลื่น 4 จบแล้ว กำลังเริ่มคลื่น 5
...และคาดว่า set กำลังทำรูปแบบ head and shoulders reversal
...แต่ถ้า set หลุด 1260 ที่คาดไว้ทั้งสองอย่างจะผิดทันที
...สำหรับคนที่ลงทุนระยะยาวน่าซื้อบริเวณนี้ แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงได้ และยังมีเหลือเงินไว้แก้สถานะการณ์ที่คาดไม่ถึง ส่วนคนเล่นสั้นส่วนใหญ่ก็ cut loss กันเป็นอยู่แล้ว
...ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่ามาถึงแนวต้านสำคัญ ถ้าทะลุขึ้นไปได้ก็ดูไม่ดี
...ถ้าสถานการณ์การเมืองเกิดความรุนแรงบานปลาย ต่างชาติคงขายไม่เลิก ทำให้ set มีโอกาสหลุด 1260
ค่าเงินมีโอกาสอ่อนค่าทะลุแนวต้านขึ้นมา...ถ้าเป็นแบบนั้น...ก็ไม่อยากคิดแล้ว...
...ก็ได้แต่ขอให้อย่าเป็นอย่างนั้นเลย...
...และขอให้ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายคุยกัน และหาทางลดความแตกแยกของประชาชน แล้วยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ตัดสินน่าจะดีที่สุด
...ส่วนประชาชนก็ขอให้มีสติและเหตุผล อย่าตกเป็นเครื่องมือในการแย่งอำนาจของทุกฝ่าย
...ขอนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเครื่องเตือนใจทุกๆคน...
....และได้แต่หวังว่าเหตุการ์ณจะจบลงอย่างสงบ และขอให้คนไทยกลับมารักกันดังเดิมโดยเร็ว...
(แก้ไขข้อมูลเพิ่มเติม
http://ppantip.com/topic/31356051)
***วิเคราะห์ SET….เมื่อต่างชาติขายไม่เลิก+การเมืองวุ่นวาย....***
(ซึ่งผมหาข้อมูลย้อนหลังได้ถึงปี 2002)
ข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติปี 2002-2012
ข้อมูลการซื้อขายของต่างชาติปี 2013
จากข้อมูลที่มีสรุปได้ว่า
ต่างชาติมียอดซื้อสะสมตั้งแต่ปี 2002-2012 อยู่ประมาณ 280000 ล้านบาท
แต่ปีนี้ 2013 ต่างชาติขายไปแล้วประมาณ 170000 ล้านบาท
และเงินที่เข้ามาซื้อตอนมี QE ได้ถูกขายหมดแล้ว
คาดว่าเหลือหุ้นที่จะขายได้อีกประมาณ 110000 ล้านบาท
โดยการขายตอนนี้น่าจะเป็นเงินที่เข้ามาซื้อตอนปี 2005 ซึ่งมีต้นทุนตอน set ~700
ความน่ากลัวคือเริ่มเป็นการขายของพวกลงทุนแบบระยะยาว (long term)
สาเหตุหลักน่าจะมาจาก..ต่างชาติคงมองว่ามีตลาดอื่นที่มีผลตอบแทนการลงทุนดีกว่าไทย
ประกอบกับไทยก็มีปัญหาการขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงและยาวนาน
...คำถาม...แล้วต่างชาติจะเลิกขายเมื่อไหร่...ก็คงไม่มีใครรู้...
...แทนที่เราจะคาดหวังให้ต่างชาติเลิกขาย...เราคนไทยควรจะช่วยกันเองก่อนจะดีกว่า...
...ผลจากการดำเนินการเพื่อเอาชนะทางการเมือง(หรือพูดตรงๆก็คือแย่งอำนาจกัน)
...ไม่ว่าการยึดสถานที่ต่างๆ , การปฏิวัติรัฐประหาร , การชุมนุมต่างๆ หรือด้วยวิธีอื่นๆ
...ได้สร้างความเสียหายทุกด้านทั้ง ทางเศรฐกิจ สังคม หรือแม้แต่กระบวนการยุติธรรม
...และโดยเฉพาะได้สร้างความแตกแยกระหว่างประชาชน ปลุกปั่นจนคนไทยทำร้ายกันเอง
...เป็นผลให้ประเทศไม่สามารถเจริญก้าวหน้าได้อย่างที่ควรจะเป็น...แล้วใครจะอยากมาลงทุน...
...แล้ววันที่ 9 นี้ ถ้าคุณสุเทพประกาศชัยชนะได้..แล้วจะจบไหม???
...ก็ไม่ทราบเหมือนกัน...แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเกิดคำถามตามมาอีกมากเช่น....
...การยึดสถานที่ราชการต่างๆ เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมายหรือไม่ แล้วจะนิรโทษกรรมตัวเองรึเปล่า???
…ประเทศไทยมีคน 60 ล้านคน แล้วคน 1 ล้านคนจะอ้างว่าเป็นคนทั้งประเทศได้อย่างไร???
…ถ้ามีคนกลุ่มหนึ่งยึดนั่นยึดนี่แล้วได้อำนาจ ก็จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งใช้วิธีเดียวกันอีก แล้วประเทศจะหาความสงบอย่างไร???
...ระบอบประชาธิปไตยได้พิสูจน์แล้วทั่วโลกว่าเป็นการปกครองที่ดีที่สุด แต่ระบอบที่คุณสุเทพจะเอามาใช้
แม้แต่คุณสุเทพก็ยังอธิบายแบบงงงง แล้วประเทศไทยจะเป็นยังไงต่อไป???
...และอื่นๆอีกมาก...
...เห็นแบบนี้แล้ว...ถ้าเราเป็นต่างชาติเรายังอยากจะมาลงทุนในไทยหรือไม่???
...เริ่มปวดหัว...แล้ว set จะเป็นอย่างไรต่อไป???
...ต้องคอยดูว่าจะลงมาปิด gap ที่ 1337 หรือไม่
…ตอนนี้คาดว่า Elliott Wave ทำคลื่น 4 จบแล้ว กำลังเริ่มคลื่น 5
...และคาดว่า set กำลังทำรูปแบบ head and shoulders reversal
...แต่ถ้า set หลุด 1260 ที่คาดไว้ทั้งสองอย่างจะผิดทันที
...สำหรับคนที่ลงทุนระยะยาวน่าซื้อบริเวณนี้ แต่ก็ต้องรับความเสี่ยงได้ และยังมีเหลือเงินไว้แก้สถานะการณ์ที่คาดไม่ถึง ส่วนคนเล่นสั้นส่วนใหญ่ก็ cut loss กันเป็นอยู่แล้ว
...ส่วนค่าเงินบาทอ่อนค่ามาถึงแนวต้านสำคัญ ถ้าทะลุขึ้นไปได้ก็ดูไม่ดี
...ถ้าสถานการณ์การเมืองเกิดความรุนแรงบานปลาย ต่างชาติคงขายไม่เลิก ทำให้ set มีโอกาสหลุด 1260
ค่าเงินมีโอกาสอ่อนค่าทะลุแนวต้านขึ้นมา...ถ้าเป็นแบบนั้น...ก็ไม่อยากคิดแล้ว...
...ก็ได้แต่ขอให้อย่าเป็นอย่างนั้นเลย...
...และขอให้ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายคุยกัน และหาทางลดความแตกแยกของประชาชน แล้วยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ตัดสินน่าจะดีที่สุด
...ส่วนประชาชนก็ขอให้มีสติและเหตุผล อย่าตกเป็นเครื่องมือในการแย่งอำนาจของทุกฝ่าย
...ขอนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเครื่องเตือนใจทุกๆคน...
....และได้แต่หวังว่าเหตุการ์ณจะจบลงอย่างสงบ และขอให้คนไทยกลับมารักกันดังเดิมโดยเร็ว...
(แก้ไขข้อมูลเพิ่มเติม http://ppantip.com/topic/31356051)