เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราคิดจะรับแมวจรที่ประกาศตามเวปมาเลี้ยง ด้วยความสงสารที่บ้านเรามีแมวอยู่แล้วและก็เลี้ยงแมวเป็น ต้องบอกแบบนี้เพราะเรื่องที่เจอมาคือความเยอะของเจ้าของแมวที่ประกาศหาบ้าน ดูเหมือนการประกาศหาบ้านทางเนตคงจะได้ผลเป็นอย่างดีมาก ถ่ายรูปแมวน่ารัก ๆ หน่อยก็ทำให้คนใจอ่อนกับแมวอย่างเราไลน์ไปเพื่อจะขอรับมันมาเลี้ยง พร้อม ๆ กับหลายคน เจ้าของแมวเลยทำการ screen ผู้โชคดีที่จะได้รับแมวของเธอไปอุปการะ
แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด การติดต่อนั้นยากลำบากมาก กว่าที่เธอจะไลน์กลับ กว่าจะได้คำตอบแต่ละคำถามของเรา สุดท้ายทางไลน์เปลี่ยนเป็นโทรคุยนั่นยิ่งทำให้เรื่องง่าย ง่ายตรงที่ ต่อไปเราจะไม่รับอุปการะแมวที่โพสหาบ้านอีก
เราถูกป้อนคำถาม แทนที่จะเป็นคนถาม เราคือคนเอาแมวเค้ามาเลี้ยง เราคือคนจะช่วยแบ่งเบาภาระเค้านะ แต่เธอถามเราอย่างกับยื่นใบสมัครงาน หน้าที่การงานมั่นคงไหม? เลี้ยงแมวเป็นหรือเปล่า? ภูมิสถาปัตย์บ้านเราเป็นอย่างไร? คุณมีบ้านกี่บ้าน? บ้านนี้ที่คุณอยู่เป็นของใคร? อยู่กี่คนในบ้าน? ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแมวเท่าไหร่? เคยเลี้ยงแมวมาก่อนไหม? มีมาตรการอย่างไรถ้ามีแมวใหม่เข้าบ้าน ? คุณคงรู้นิสัยแมวดีใช่ไหม? บลา ๆๆๆๆๆ
เอ่อ .... การจะขอรับเลี้ยงแมวคงมีแค่จิตเมตตาอย่างเดียวไม่พอสินะ เราต้องเตรียมพร้อมกับการตอบคำถามเหล่านี้ด้วย
และเราก็ต้องเตรียมใจว่าอาจจะไม่ได้แมวนะ หลังจากตอบคำถามเป็นสิบนั้นแล้ว
คุณคะ ก่อนที่ดิฉันจะกดไลน์ไปหา มันผ่านการกลั่นกรองจากสมองมากกว่าร้อยครั้ง เปิดเวปดูเป็นสิบก่อนที่จะมาสะดุดที่แมวคุณ
คนที่ควรจะเป็นฝ่ายตั้งคำถามมันน่าจะเป็นดิฉันมากกว่ามั้ย
ถ้าดิฉันจะถามว่า แมวคุณน่ารักแต่ทำไมคุณไม่เลี้ยงมันเอง ?
คุณอยากให้มันมีบ้านดีอยู่ถามอย่างกับสัมมะโนประชากร นี่คุณเป็นพวก 18 มงกุฎหรือเปล่านี่?
แมวน่ารักแต่เจ้าของไม่เลี้ยง เป็นไปได้ไหมว่ามันป่วย? เป็นไปได้ไหมว่ามันเป็นโรคไต?
คุณก็คงไม่พอใจ
บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไปใจอ่อนกับรูปแมวจรหาบ้านอีกเป็นอันขาด คงมีคนเมตตาอีกหลายคนที่ใจเย็นมากกว่าเรา และคงมีแมวอีกหลายตัวในโลกที่ยังไร้บ้าน รอคนเมตตาต่อไปแต่คงไม่ใช่เราแล้วล่ะ
ขออภัยกระทู้นี้อาจจะล่อเป้าค่ายแมวต่าง ๆ
หัวเสียอย่างแรง กับการขอแมวจรจากประกาศหาบ้านให้แมวทางเนตมาเลี้ยง
แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด การติดต่อนั้นยากลำบากมาก กว่าที่เธอจะไลน์กลับ กว่าจะได้คำตอบแต่ละคำถามของเรา สุดท้ายทางไลน์เปลี่ยนเป็นโทรคุยนั่นยิ่งทำให้เรื่องง่าย ง่ายตรงที่ ต่อไปเราจะไม่รับอุปการะแมวที่โพสหาบ้านอีก
เราถูกป้อนคำถาม แทนที่จะเป็นคนถาม เราคือคนเอาแมวเค้ามาเลี้ยง เราคือคนจะช่วยแบ่งเบาภาระเค้านะ แต่เธอถามเราอย่างกับยื่นใบสมัครงาน หน้าที่การงานมั่นคงไหม? เลี้ยงแมวเป็นหรือเปล่า? ภูมิสถาปัตย์บ้านเราเป็นอย่างไร? คุณมีบ้านกี่บ้าน? บ้านนี้ที่คุณอยู่เป็นของใคร? อยู่กี่คนในบ้าน? ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงแมวเท่าไหร่? เคยเลี้ยงแมวมาก่อนไหม? มีมาตรการอย่างไรถ้ามีแมวใหม่เข้าบ้าน ? คุณคงรู้นิสัยแมวดีใช่ไหม? บลา ๆๆๆๆๆ
เอ่อ .... การจะขอรับเลี้ยงแมวคงมีแค่จิตเมตตาอย่างเดียวไม่พอสินะ เราต้องเตรียมพร้อมกับการตอบคำถามเหล่านี้ด้วย
และเราก็ต้องเตรียมใจว่าอาจจะไม่ได้แมวนะ หลังจากตอบคำถามเป็นสิบนั้นแล้ว
คุณคะ ก่อนที่ดิฉันจะกดไลน์ไปหา มันผ่านการกลั่นกรองจากสมองมากกว่าร้อยครั้ง เปิดเวปดูเป็นสิบก่อนที่จะมาสะดุดที่แมวคุณ
คนที่ควรจะเป็นฝ่ายตั้งคำถามมันน่าจะเป็นดิฉันมากกว่ามั้ย
ถ้าดิฉันจะถามว่า แมวคุณน่ารักแต่ทำไมคุณไม่เลี้ยงมันเอง ?
คุณอยากให้มันมีบ้านดีอยู่ถามอย่างกับสัมมะโนประชากร นี่คุณเป็นพวก 18 มงกุฎหรือเปล่านี่?
แมวน่ารักแต่เจ้าของไม่เลี้ยง เป็นไปได้ไหมว่ามันป่วย? เป็นไปได้ไหมว่ามันเป็นโรคไต?
คุณก็คงไม่พอใจ
บทเรียนครั้งนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไปใจอ่อนกับรูปแมวจรหาบ้านอีกเป็นอันขาด คงมีคนเมตตาอีกหลายคนที่ใจเย็นมากกว่าเรา และคงมีแมวอีกหลายตัวในโลกที่ยังไร้บ้าน รอคนเมตตาต่อไปแต่คงไม่ใช่เราแล้วล่ะ
ขออภัยกระทู้นี้อาจจะล่อเป้าค่ายแมวต่าง ๆ