เรากลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด และได้ไปทำบุณตักบาตรกับแม่ที่หน้าบ้านเรา
ก็ยังคงเห็นพระยังเดินเท้าเปล่าออกบิณฑบาตร เราก็คุยกับแม่ว่า สงสารพระนะ
ที่ยังต้องถอดรองเท้าเดิน สมัยนี้มันยุคไหนๆแล้ว กฏบางกฏน่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้าง
เพราะสมัยนี้พื้นดินก็เต็มไปด้วยเชื้อโรคต่างๆมากมาย ไหนจะสารพิษ ที่สำคัญมี
พยาธิอีกหลายชนิด
มันไม่เหมือนสมัยพุทธกาลมั้ง ที่ดินมันก็ยังไม่มีเชื้อโรคปะปนมากมายขนาดนี้
แม่ก็บอกว่า ตามโบราณมา เดี๋ยวพระท่านจะผิดศีล ผิดกฏ ก็ว่าไปตามกฏเก่าแก่โบราณน้อ
แต่ท่านก็เห็นด้วย และสงสารพระ ที่ยังต้องเดินบิณฑบาตรเท้าเปล่าแบบนี้
เรามาคิดๆดู คนเราก็อยากทำบุญ อุตส่าห์สรรหาอาหารดีๆมาถวาย แต่พระต้องเดินมา
พระท่านก็เสี่ยงโรคภัยมากมาย เพื่อมาโปรดสัตว์ สัตว์โลกอย่างเราๆได้บุญ แต่ขณะเดียวกัน
ก็ได้บาปไปในตัว ที่ทำให้พระท่านติดเชื้อโรคที่มีในดิน ที่สำคัญ พยาธิต่างๆก็ไชเท้าเข้าร่างกายท่าน
ขนาดเราถอดรองเท้า และยืนบนพื้นดิน ตอนใส่บาตร เรายังรู้สึกคัดฝ่าเท้ายุกยิก เหมือนมีพยาธิไชเลย
และพระก็ไม่ได้มีการเช็คสุขภาพทุกปี ก็สะสมโรคและพยาธิเอาไว้ในตัว คิดแล้วเราหดหู่ใจอย่างไรก็ไม่รู้
เราว่ากฏบางอย่าง มีได้ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามความเหมาะสมแห่งเหตุผลและกาลเวลา
อยากจะร้องเรียนไปยังหน่วยงานสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่รู้จะไปร้องเรียนที่ไหน หรือส่งเรื่องไปที่ใด
หรือเพื่อนๆ พี่ น้อง ในห้องนี้มีความคิดเห็นอย่างไร คิดว่าเหตุผลที่เรากล่าวมาเหมาะสมไหม
หรือไม่เหมาะสม เพราะเหตุใด?
ปล. พูดถึงเรื่องสุขภาพของพระ มีคนพูดเรื่อง การถวายอาหารที่ปรุงสุก และอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพของพระด้วย
มีการพูดเรื่องนี้บ่อย แต่เราว่าที่ขาดอีกเรื่องคือ น่าจะมีการรณรงค์
ให้พระได้ตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละครั้ง
อาจจะออกเป็นกฏมาเลย และกรมการศาสนาก็ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ให้หมอพยาบาล เข้าตรวจสุขภาพพระทุกวัด
เหมือนที่ข้าราชการ จะได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยหมอ พยาบาล มาบริการถึงหน่วยงาน อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ
เราว่าจะเป็นการส่งเสริมพุทธศาสนาเป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง นั่นคือ การส่งเสริมและดูแลให้พระมีสุขภาพดี จะได้ทำหน้าที่
สืบทอดศาสนา และอบรมบ่มเพราะศีลธรรมแก่ญาติโยมได้เป็นอย่างดี
รูปภาพนำมาจากเว็บนี้นะคะ
http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=4936
อยากให้ออกกฏใหม่ ให้พระสามารถใส่รองเท้าได้ ในขณะเดินบิณฑบาตร
ก็ยังคงเห็นพระยังเดินเท้าเปล่าออกบิณฑบาตร เราก็คุยกับแม่ว่า สงสารพระนะ
ที่ยังต้องถอดรองเท้าเดิน สมัยนี้มันยุคไหนๆแล้ว กฏบางกฏน่าจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้าง
เพราะสมัยนี้พื้นดินก็เต็มไปด้วยเชื้อโรคต่างๆมากมาย ไหนจะสารพิษ ที่สำคัญมีพยาธิอีกหลายชนิด
มันไม่เหมือนสมัยพุทธกาลมั้ง ที่ดินมันก็ยังไม่มีเชื้อโรคปะปนมากมายขนาดนี้
แม่ก็บอกว่า ตามโบราณมา เดี๋ยวพระท่านจะผิดศีล ผิดกฏ ก็ว่าไปตามกฏเก่าแก่โบราณน้อ
แต่ท่านก็เห็นด้วย และสงสารพระ ที่ยังต้องเดินบิณฑบาตรเท้าเปล่าแบบนี้
เรามาคิดๆดู คนเราก็อยากทำบุญ อุตส่าห์สรรหาอาหารดีๆมาถวาย แต่พระต้องเดินมา
พระท่านก็เสี่ยงโรคภัยมากมาย เพื่อมาโปรดสัตว์ สัตว์โลกอย่างเราๆได้บุญ แต่ขณะเดียวกัน
ก็ได้บาปไปในตัว ที่ทำให้พระท่านติดเชื้อโรคที่มีในดิน ที่สำคัญ พยาธิต่างๆก็ไชเท้าเข้าร่างกายท่าน
ขนาดเราถอดรองเท้า และยืนบนพื้นดิน ตอนใส่บาตร เรายังรู้สึกคัดฝ่าเท้ายุกยิก เหมือนมีพยาธิไชเลย
และพระก็ไม่ได้มีการเช็คสุขภาพทุกปี ก็สะสมโรคและพยาธิเอาไว้ในตัว คิดแล้วเราหดหู่ใจอย่างไรก็ไม่รู้
เราว่ากฏบางอย่าง มีได้ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ตามความเหมาะสมแห่งเหตุผลและกาลเวลา
อยากจะร้องเรียนไปยังหน่วยงานสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่รู้จะไปร้องเรียนที่ไหน หรือส่งเรื่องไปที่ใด
หรือเพื่อนๆ พี่ น้อง ในห้องนี้มีความคิดเห็นอย่างไร คิดว่าเหตุผลที่เรากล่าวมาเหมาะสมไหม
หรือไม่เหมาะสม เพราะเหตุใด?
ปล. พูดถึงเรื่องสุขภาพของพระ มีคนพูดเรื่อง การถวายอาหารที่ปรุงสุก และอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพของพระด้วย
มีการพูดเรื่องนี้บ่อย แต่เราว่าที่ขาดอีกเรื่องคือ น่าจะมีการรณรงค์ ให้พระได้ตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละครั้ง
อาจจะออกเป็นกฏมาเลย และกรมการศาสนาก็ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข ให้หมอพยาบาล เข้าตรวจสุขภาพพระทุกวัด
เหมือนที่ข้าราชการ จะได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยหมอ พยาบาล มาบริการถึงหน่วยงาน อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ
เราว่าจะเป็นการส่งเสริมพุทธศาสนาเป็นอย่างดีอีกทางหนึ่ง นั่นคือ การส่งเสริมและดูแลให้พระมีสุขภาพดี จะได้ทำหน้าที่
สืบทอดศาสนา และอบรมบ่มเพราะศีลธรรมแก่ญาติโยมได้เป็นอย่างดี
รูปภาพนำมาจากเว็บนี้นะคะ
http://www.pixpros.net/forums/showthread.php?t=4936