คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เคยได้ลองรสชาติของทั้ง 2 ยี่ห้อรึยังค่ะ
ลองไปลองชิมของดอลเซ่ก่อนไหมค่ะ เพราะหาชิมในบ้านเราง่ายกว่า
ปกติชอบทานกาแฟแบบไหน ชอบแบบปรุงแต่งใส่นมหรือเป็นชอตๆเอสเปรสโซ่
เรามีทั้ง 2 เครื่องค่ะ เพราะแฟนเป็นคนชอบดื่มแบบเข้มๆใส่น้ำตาลทรายแดงอย่างเดียว
ก็จะเหมาะกะเครื่อง เนส เพราะเบสเค้าจะเน้นออกมาเป็น เอสเปรสโซ่
แล้วแคปซูลจะมีหลาย flavor มากๆ มีแบบผสมกลิ่นชอกโก วานิลลา คาราเมล
แต่แค่กลื่น เพราะรสชาติก็ยังคงเป็นกาแฟขมๆ ออกมาแค่ไม่ถึง 10 ml.
- ตัวเครื่อง - ดีไซน์ชนะใน 3 โลก มีตั้งแต่คลาสสิคยันน่ารักคิกขุ
ราคาตั้งแค่ 4 พันบาท ( ไม่มีที่ตีฟองนม แต่สามารถซื้อที่ตีฟองนมเป็นออปชั่นเสริม )ถึง หมื่นบาทต้นๆ
(ถ้าคุณงบเยอะ ก็ซื้อแบบมีที่ฟองนมคู่กันติดในเครื่องไปด้วยเลย )
* ข้อเสีย * ตัวแคปซูลไม่มีในไทย ยกเว้นซื้อจากเวปหิ้ว
แต่เราเดินทางทุกเดือน สบายไป หลอดละ 4 ยูโร ( 1 หลอด มี 10 แคปซูล ) เราซื้อรุ่น pixie มาให้คุณแฟนแค่ 100 ยูโรเองค่ะ
ส่วนดอลเซ่ เหมาะสำหรับคนชอบทาน วาไรตี้ เช่น คาปู มัคคิอาโต้ ชาชัย โกโก้ ขึ้นกะชนิดรสชาติที่คุณซื้อ
ตัวเอสเปรสโซ่ก็มี แต่อย่างที่บอกค่ะ เราเป็นคนทานกาแฟไม่เก่ง
จึงชอบแบบมีฟองนมนิ๊งหน่อง กิงก่องแก้ว ตัวรสชาติเอสเปรสโซ่ บรูมา ก็ต้องเติมนั่นนู้นนี่ลงไป
ส่วนรสชาติคาปู หรือ มัคคิอาโต้ ออกมาไม่ต้องเติมนั่นนู้นนี่แล้วค่ะ แต่ของเราก็ต้องใส่น้ำตาลหน่อยๆอยู่ดี
* ข้อเสีย * ตัวแคปซูลฟองนม เป็นกลิ่นนมแบบ add flavor มา ออกสังเคราะห์
ซึ่งเราไม่ชอบค่ะ แต่มันสะดวก ตรงที่ไม่ต้องเปิดกล่องนมสดบ่อยๆ ( nespresso ต้องใช้นมสดแบบ liquid )
( 1 กล่องมี 16 แคปซูลถ้าเป็นเอสเปรสโซ่ กะแบบ 8 แคปซูลสำหรับเครื่องดื่มที่มีฟองนม { 8ของเบสกาแฟกะ 8ของฟองนม }
*ข้อดี แคปซูล ซื้อในไทยได้ ตามห้างหรือเวบลาซาดา แต่เราก็ซื้อจากยุโรปแค่ 4.2 euro ค่ะ เมืองไทยแอบแพงไป
เราซื้อรุ่นแรกๆของเค้า มาตอนที่เยอรมันมีโปรแค่ 40 ยูโรเองค่ะ
เอาง่ายๆนะค่ะ
ถ้าชอบทานกาแฟแบบชอตๆ เข้มๆ หอมๆ nespresso
ถ้าขึ้เบื่อ อยากทาน ชาบ้าง โกโก้บ้าง dolce ค่ะ
ถามเพิ่มได้นะค่ะ
ส่วนที่ถามว่า ทำไมบ.เดียวกัน ต้องทำ 2 แบบ
ก็คือ ตามหลักมารเก๊ตติ้งค่ะ เค้าวาง position ต่างกัน
nespresso ออกแนว high กว่าจึ๋งนึง คือ คุณไม่สามารถหาซื้อแคปซูล
ของเค้าได้ตามร้านทั่วๆไป ต้องไปที่บูติคของเค้าอย่างเดียว แต่บูติคก็เยอะมากๆ
แทบจะทุกมุมถนนในปารีสเลย แต่ก็ต่อแถวเข้าคิวซื้อกาแฟนานอยู่ดี 15 นาทีขึ้นไป
ยาวกันไปไหนค่ะ -;- ล่าสุดได้เมมเบอร์มาล่ะ ต่อไปก็เข้าแถวออโต้ได้เลย
แล้วเค้าก็จะเน้นขาย accesories ที่ดูเรียบหรู ไฮโซมากๆ อยากได้ไปหมด
ชุดถ้วยแก้ว ที่ใส่แคปซูล
ส่วน dolce เจาะตลาดล่างมาหน่อย คุณสามารถหาซื้อได้ง่ายๆ
เหมือนกะซื้อเนสกาแฟผงๆบ้านเราเลยค่ะ เข้าซุปเปอร์ไหนๆมีหมด
ยิ่งที่อะเม่สารพัดรสชาติ เดินทีจะบ้าตาย อยากซื้อมาชิมไปหมด
ลองไปลองชิมของดอลเซ่ก่อนไหมค่ะ เพราะหาชิมในบ้านเราง่ายกว่า
ปกติชอบทานกาแฟแบบไหน ชอบแบบปรุงแต่งใส่นมหรือเป็นชอตๆเอสเปรสโซ่
เรามีทั้ง 2 เครื่องค่ะ เพราะแฟนเป็นคนชอบดื่มแบบเข้มๆใส่น้ำตาลทรายแดงอย่างเดียว
ก็จะเหมาะกะเครื่อง เนส เพราะเบสเค้าจะเน้นออกมาเป็น เอสเปรสโซ่
แล้วแคปซูลจะมีหลาย flavor มากๆ มีแบบผสมกลิ่นชอกโก วานิลลา คาราเมล
แต่แค่กลื่น เพราะรสชาติก็ยังคงเป็นกาแฟขมๆ ออกมาแค่ไม่ถึง 10 ml.
- ตัวเครื่อง - ดีไซน์ชนะใน 3 โลก มีตั้งแต่คลาสสิคยันน่ารักคิกขุ
ราคาตั้งแค่ 4 พันบาท ( ไม่มีที่ตีฟองนม แต่สามารถซื้อที่ตีฟองนมเป็นออปชั่นเสริม )ถึง หมื่นบาทต้นๆ
(ถ้าคุณงบเยอะ ก็ซื้อแบบมีที่ฟองนมคู่กันติดในเครื่องไปด้วยเลย )
* ข้อเสีย * ตัวแคปซูลไม่มีในไทย ยกเว้นซื้อจากเวปหิ้ว
แต่เราเดินทางทุกเดือน สบายไป หลอดละ 4 ยูโร ( 1 หลอด มี 10 แคปซูล ) เราซื้อรุ่น pixie มาให้คุณแฟนแค่ 100 ยูโรเองค่ะ
ส่วนดอลเซ่ เหมาะสำหรับคนชอบทาน วาไรตี้ เช่น คาปู มัคคิอาโต้ ชาชัย โกโก้ ขึ้นกะชนิดรสชาติที่คุณซื้อ
ตัวเอสเปรสโซ่ก็มี แต่อย่างที่บอกค่ะ เราเป็นคนทานกาแฟไม่เก่ง
จึงชอบแบบมีฟองนมนิ๊งหน่อง กิงก่องแก้ว ตัวรสชาติเอสเปรสโซ่ บรูมา ก็ต้องเติมนั่นนู้นนี่ลงไป
ส่วนรสชาติคาปู หรือ มัคคิอาโต้ ออกมาไม่ต้องเติมนั่นนู้นนี่แล้วค่ะ แต่ของเราก็ต้องใส่น้ำตาลหน่อยๆอยู่ดี
* ข้อเสีย * ตัวแคปซูลฟองนม เป็นกลิ่นนมแบบ add flavor มา ออกสังเคราะห์
ซึ่งเราไม่ชอบค่ะ แต่มันสะดวก ตรงที่ไม่ต้องเปิดกล่องนมสดบ่อยๆ ( nespresso ต้องใช้นมสดแบบ liquid )
( 1 กล่องมี 16 แคปซูลถ้าเป็นเอสเปรสโซ่ กะแบบ 8 แคปซูลสำหรับเครื่องดื่มที่มีฟองนม { 8ของเบสกาแฟกะ 8ของฟองนม }
*ข้อดี แคปซูล ซื้อในไทยได้ ตามห้างหรือเวบลาซาดา แต่เราก็ซื้อจากยุโรปแค่ 4.2 euro ค่ะ เมืองไทยแอบแพงไป
เราซื้อรุ่นแรกๆของเค้า มาตอนที่เยอรมันมีโปรแค่ 40 ยูโรเองค่ะ
เอาง่ายๆนะค่ะ
ถ้าชอบทานกาแฟแบบชอตๆ เข้มๆ หอมๆ nespresso
ถ้าขึ้เบื่อ อยากทาน ชาบ้าง โกโก้บ้าง dolce ค่ะ
ถามเพิ่มได้นะค่ะ
ส่วนที่ถามว่า ทำไมบ.เดียวกัน ต้องทำ 2 แบบ
ก็คือ ตามหลักมารเก๊ตติ้งค่ะ เค้าวาง position ต่างกัน
nespresso ออกแนว high กว่าจึ๋งนึง คือ คุณไม่สามารถหาซื้อแคปซูล
ของเค้าได้ตามร้านทั่วๆไป ต้องไปที่บูติคของเค้าอย่างเดียว แต่บูติคก็เยอะมากๆ
แทบจะทุกมุมถนนในปารีสเลย แต่ก็ต่อแถวเข้าคิวซื้อกาแฟนานอยู่ดี 15 นาทีขึ้นไป
ยาวกันไปไหนค่ะ -;- ล่าสุดได้เมมเบอร์มาล่ะ ต่อไปก็เข้าแถวออโต้ได้เลย
แล้วเค้าก็จะเน้นขาย accesories ที่ดูเรียบหรู ไฮโซมากๆ อยากได้ไปหมด
ชุดถ้วยแก้ว ที่ใส่แคปซูล
ส่วน dolce เจาะตลาดล่างมาหน่อย คุณสามารถหาซื้อได้ง่ายๆ
เหมือนกะซื้อเนสกาแฟผงๆบ้านเราเลยค่ะ เข้าซุปเปอร์ไหนๆมีหมด
ยิ่งที่อะเม่สารพัดรสชาติ เดินทีจะบ้าตาย อยากซื้อมาชิมไปหมด
แสดงความคิดเห็น
ซื้อเครื่อง nespresso หรือ dolce gusto ดีครับ
แล้วเครื่องพวกนี้ใช้แต่ละครั้งต้องล้างไหมครับ