คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
เครื่องยนต์ดีเซล+เทอร์โบ ต้องรักษารอบเครื่องไว้ซักหน่อย
ก็ราวๆ 2000 - 3000 รอบ สำหรับการไต่ขึ้นเขา เครื่องยนต์จะมีแรงบิดดี
ขาขึ้นใช้เกียร์ใหนดี ก็ต้องประเมินดูครับ
ถ้าไม่ชันนักแค่เนินยาวๆ อาจจะใช้เกียร์ 4 ได้ ถ้าไปไม่ไหว รอบเครื่องตกลงเรื่อยๆ ก็ลดลงมา 3 บ้าง 2 บ้าง
หรืออาจจะเหลือเกียร์ 1 ถ้าทางชันมาก+เจอโค้งหักศอก
เกียร์ 1 มีอัตราทดเป็น 2 เท่าของเกียร์ 2 เลยนะครับ ระวังสะดุดหน้าทิ่ม กะรอบเครื่องดีๆ ล่ะ
ถ้าเห็นว่า ต้องอัดคันเร่งแทบจะมิด แสดงว่าเกียร์สูงไป ไม่ควรฝืน คลัชไหม้ได้
สังเกตดูว่า ถ้าต้องกดเกิน 60% 70% แสดงว่า เริ่มจะใช้เกียร์สูงไปแล้ว ให้ลดเกียร์
ขาลง ก็ประเมินได้ ถ้าเอาแบบง่าย ขึ้นเกียร์ใหนได้ ขาลงก็ลงเกียร์นั้น
ถอนเท้าจากคันเร่ง ปล่อยไหล ให้เกิด engine brake ความเร้วที่ไหลลงมา จะเพิ่มขึ้นช้าๆ
ถ้าเร็วเกินไป ก็กดเบรคลดความเร็ว แล้วปล่อยไหลใหม่ "ห้ามกดแช่แบบเลียเบรค" เบรคจะไหม้ได้ง่ายๆ
จะลดความเร็ว ก็เบรคเพื่อลดความเร็ว
ถ้ามันไหลเร็ว เหมือนไม่มีแรงหน่วงจากเครื่อง อาจจะเพราะ ลงเขาด้วยเกียร์สูงไป
ให้ลดเกียร์ มันจะหน่วงมากขึ้น พยายาม ไม่ลดลงไปถึงเกียร์ 1 มันหน่วงมากๆ ทารุนชุดเฟือง
ต่ำสุดเกียร์ 2 พอ แล้วกดเบรคช่วยเป็นพักๆ
ปกติแล้ว ผมมักจะใช้อยู่เกียร์ 2 3 ในการขึ้น/ลงเขา กดคันเร่ง 50% ได้เท่าไร เอาเท่านั้น
แนะนำว่า เปิดกระจกขับก็ดี แล้วปิดแอร์(ได้กำลังเครื่องคืนมา)
บนเขาอากาศมักจะเย็นสบาย ได้สูดอากาศดีๆ และ ...
เอาไว้ดมกลิ่นไหม้ของเบรค เป็นตัวบอกว่า ควรจอดพักรถให้เบรคเย็น
ฝืนขับอันตรายครับ เบรคร้อนจัดจะเบรคไม่อยู่ เห็นได้ตามข่าวเยอะแยะ ... รถตกเขา อ้างเบรคแตก ...
** เดาว่า อาจจะมือใหม่มาก ควรใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปซัดไล่กวดกับรถเจ้าถิ่น
ก็ราวๆ 2000 - 3000 รอบ สำหรับการไต่ขึ้นเขา เครื่องยนต์จะมีแรงบิดดี
ขาขึ้นใช้เกียร์ใหนดี ก็ต้องประเมินดูครับ
ถ้าไม่ชันนักแค่เนินยาวๆ อาจจะใช้เกียร์ 4 ได้ ถ้าไปไม่ไหว รอบเครื่องตกลงเรื่อยๆ ก็ลดลงมา 3 บ้าง 2 บ้าง
หรืออาจจะเหลือเกียร์ 1 ถ้าทางชันมาก+เจอโค้งหักศอก
เกียร์ 1 มีอัตราทดเป็น 2 เท่าของเกียร์ 2 เลยนะครับ ระวังสะดุดหน้าทิ่ม กะรอบเครื่องดีๆ ล่ะ
ถ้าเห็นว่า ต้องอัดคันเร่งแทบจะมิด แสดงว่าเกียร์สูงไป ไม่ควรฝืน คลัชไหม้ได้
สังเกตดูว่า ถ้าต้องกดเกิน 60% 70% แสดงว่า เริ่มจะใช้เกียร์สูงไปแล้ว ให้ลดเกียร์
ขาลง ก็ประเมินได้ ถ้าเอาแบบง่าย ขึ้นเกียร์ใหนได้ ขาลงก็ลงเกียร์นั้น
ถอนเท้าจากคันเร่ง ปล่อยไหล ให้เกิด engine brake ความเร้วที่ไหลลงมา จะเพิ่มขึ้นช้าๆ
ถ้าเร็วเกินไป ก็กดเบรคลดความเร็ว แล้วปล่อยไหลใหม่ "ห้ามกดแช่แบบเลียเบรค" เบรคจะไหม้ได้ง่ายๆ
จะลดความเร็ว ก็เบรคเพื่อลดความเร็ว
ถ้ามันไหลเร็ว เหมือนไม่มีแรงหน่วงจากเครื่อง อาจจะเพราะ ลงเขาด้วยเกียร์สูงไป
ให้ลดเกียร์ มันจะหน่วงมากขึ้น พยายาม ไม่ลดลงไปถึงเกียร์ 1 มันหน่วงมากๆ ทารุนชุดเฟือง
ต่ำสุดเกียร์ 2 พอ แล้วกดเบรคช่วยเป็นพักๆ
ปกติแล้ว ผมมักจะใช้อยู่เกียร์ 2 3 ในการขึ้น/ลงเขา กดคันเร่ง 50% ได้เท่าไร เอาเท่านั้น
แนะนำว่า เปิดกระจกขับก็ดี แล้วปิดแอร์(ได้กำลังเครื่องคืนมา)
บนเขาอากาศมักจะเย็นสบาย ได้สูดอากาศดีๆ และ ...
เอาไว้ดมกลิ่นไหม้ของเบรค เป็นตัวบอกว่า ควรจอดพักรถให้เบรคเย็น
ฝืนขับอันตรายครับ เบรคร้อนจัดจะเบรคไม่อยู่ เห็นได้ตามข่าวเยอะแยะ ... รถตกเขา อ้างเบรคแตก ...
** เดาว่า อาจจะมือใหม่มาก ควรใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบ ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปซัดไล่กวดกับรถเจ้าถิ่น
แสดงความคิดเห็น
สอบถามการใช้เกียร์กระปุกขึ้นเขาลงเขาครับ (มือใหม่)
ขับเกียร์กระปุกได้สักพักแล้วครับ ตอนนี้สงสัยเรื่องเกียร์กระปุกเวลาขึ้นเขาลงเขาครับ
คือจะใช้เกียร์อย่างไร เล่นเกียร์อย่างไร ใช้ครัชอย่างไร
แล้วความรู้สึกมันต่างจากเกียร์ออโต้เวลาขึ้นเขาลงเขาอย่างไรครับ
ยังไม่เคยลองเอาไปขับบนเขาซะที อิอิ
ป.ล. ผมขับ Nissan Navara ครับ