______อ่านตรงนี้ก่อน>>>>> "เรื่องสั้นที่จะเขียนต่อไปนี้ดิชั้นแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไว้นิดหน่อย ทุกท่านอย่าลากเข้าการเมือง ดิชั้นไม่อยากรู้ว่าใครดีกว่าใครเลวใครฆ่าใคร ดิชั้นแค่แสดงความคิดเห็นในวันที่ดิชั้นขับแท็กซี่เท่านั้น ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ ทุกๆท่านสำหรับกระทู้แนะนำในภาคที่แล้วในชีวิตการขับแท็กซี่ของตุ๊ดอย่างเรา ที่หายไปหลายวันเนี่ย ก็ไปสะสางปัญหาที่ค้างคา และเปลี่ยนไปขับกะกลางคืน และควงกะด้วย เลยจะมาเขียนภาคจบเลย เพราะเหมือนเราก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างในการเป็นแท็กซี่ มีทุกสภาพอารมณ์และสภาวะกาล ซึ่งมันก็ยาวพอจะเป็นเรื่องสั้น แต่ไม่พอจะเป็นมหากาพย์ เลยคิดว่าจะตัดจบเลยละกัน สำหรับกระทู้นี้ คิดว่าที่เขียนๆไป ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ และกระทู้ที่แล้ว คงจะปรับทัศนคติที่มีต่อแท็กซี่ได้บ้าง
แต่สิ่งที่เราเขียนไม่ได้หมายความว่า จะลดบรรดาแท็กซี่เลว แท็กซี่ทำร้ายผู้โดยสาร หรือแท็กซี่โกงได้หรอกค่ะ เราเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ ที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น ไม่ใช่เฮอไมโอนี่ เกรนเจอร์ ที่จะโบกไม้กายสิทธิ์ ร่ายคาถา แล้วสิ่งชั่วร้ายจะหายไปจากโลกนี้ เป็นไปไม่ได้ค่ะ
ใครที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้เก่า อ่านได้จากนี่ค่ะ
http://ppantip.com/topic/31285406
วันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน 56
วันนี้เป็นวันแรกของการลองเข้ากะเย็น ดูซิว่ามันจะได้ตังดีมั้ย
เดี๊ยนตื่นตั้งแต่เช้าไปเรียนสัมมนา และเรียนอีกหนึ่งวิชาในภาคบ่าย ประมาณบ่ายสาม ก็ได้บึ่งรถออกจาก
มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิตที่มีณเดชณ์และเจมส์จิเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อไปเข้ากะเย็น
ด้วยความที่เรียนเสร็จประมาณ 1445 ออกมาก็เกือบบ่ายสามแล้ว ฝ่าการจราจรรถใหลมาถึงลาดพร้าว ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ก็ได้มาถึงที่อู่ยามเย็นเป็นเวลาประมาณ 1620 ซึ่งพี่ๆกะเย็นก็ได้ออกไปหมดแล้ว หลังจากรับรถคันใหม่ก็สวดภาวนาขอให้วันนี้เป็นวันดีดี ซึ่งมันก็เป็นวันดีดีจริงๆ
เดี๊ยนเปิดเพลงใหนก็ดูสวยงามไปหมด รู้สึกผ่อนคลาย สบายกายสบายใจ ลูกค้ารายแรกเป็นชายหนุ่มชาวต่างชาติ เดี๊ยนคันคะเยอไปหมด ให้ไปส่งแถวนาคนิวาส ดีดี ไม่ไกลจากอู่ ตอนแรกก็นึกว่าจะหลงแต่ก็ไม่หลง รถติดในซอยนิดหน่อยแต่พอพ้นตลาดในซอยนาคนิวาสรถก็โล่ง ห้าโมงเย็นวันพฤหัสแถวลาดพร้าวช่างเป็นใจจริงๆ ส่งคุณลูกค้ารายแรกด้วยมิเตอร์ 60 บาทพอดี คุณลูกค้าให้ทิปเป็น 100 บาท ช่างมีน้ำใจยิ่งนัก
(ุถ้าจะให้ดียัดเยียดความเป็นผัวให้เดี๊ยนด้วยจะดีมาก) จบลูกค้ารายแรกด้วยเงิน 100 บาท คิคิ
คุณลูกค้ารายที่สองเป็นสุภาพสตรีวัยทำงาน รับจากซอยสังคมสงเคราะห์ ออกมาจากซอยลูกค้าฝรั่งคนแรกไม่นาน คุณพี่คนนี้ให้ไปส่งลาดพร้าววังหินปลายๆ ช่วงแรกๆก็ไม่คุยอะไรกัน หลังๆก็เริ่มคุยและปรับทุกข์กันเรื่องชีวิต เรื่องการเมือง อย่างนั้นอย่างนี้ คุยกันอยากออกอรรถรส คุณพี่เค้าก็บอกเห็นเราแล้วนึกถึงตัวเองสมัยก่อน ที่ผ่านความยากลำบากในชีวิตมาก่อน เสียงสั่นเชียว เราก็ชวนคุยไปบลาๆๆๆ จากการที่เราคุยกับคุณพี่ท่านนี้ทำให้เรานึกถึง
"ฉันคิดว่าเด็กๆยุคสมัยใหม่นี้มันเติบโตมากับความสบายที่คนรุ่น BABY BOOM และGEN X หามาให้ จนไม่รับรู้ถึงความลำบากที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ได้ลำบากกันมากว่าจะมาสบายกันในรุ่นนี้ หรือบางคนก็ไม่ได้สบายเลยก็ตาม ส่วนตัวเราเป็นรุ่น GEN X ตอนปลาย หรือ GEN Y ตอนต้นก็ไม่รู้ (2534) เราเกิดมาพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยีเป็นพอๆกับการฟังเพลงสุนทราภรณ์ ไปพร้อมกับ กอล์ฟ ไมค์ ต้องขอบคุณบ้านนอก ที่ทำให้ฉันรู้จักชีวิต รู้จักความลำบาก รู้จักความสบาย ฉันสามารถเป็นได้เหมือนกิ้งก่า ที่เปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อม แต่สุดท้ายแล้ว ฉันก็ไม่เคยลืมกำพืดตัวเองว่ามาจากใหน บางครั้งอาจจะทำตัวดัดหริดไปบ้าง แต่ฉันรู้ตัวเองเสมอ ว่าตัวชั้นเป็นใคร //โบกมือแบบพี่ปุ๋บ ภรทิพย์ "
พอส่งคุณพี่ท่านนี้ มิเตอร์ขึ้นมา 90 บาท พี่เค้าให้มา 120 บาท หรือ 100 บาทไม่แน่ใจ เราก็อวยพรพี่เค้าขอให้มีวันดีดีเข้ามาในชีวิตนะคะคุณพี่
คุณพี่เค้าก็อวยพรกลับเช่นกันขอให้ได้ลูกค้าเยอะๆ เช่นกันค้า
หลังจากนั้นก็เป็นวันดีดีของเรา
++กะเทยเม้ามอย "เมื่อตุ๊ดไปขับแท็กซี่ ภาคจบ!!" สิ่งที่คนเมืองเกลียดและไม่เข้าใจ++
สวัสดีค่ะ ทุกๆท่านสำหรับกระทู้แนะนำในภาคที่แล้วในชีวิตการขับแท็กซี่ของตุ๊ดอย่างเรา ที่หายไปหลายวันเนี่ย ก็ไปสะสางปัญหาที่ค้างคา และเปลี่ยนไปขับกะกลางคืน และควงกะด้วย เลยจะมาเขียนภาคจบเลย เพราะเหมือนเราก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างในการเป็นแท็กซี่ มีทุกสภาพอารมณ์และสภาวะกาล ซึ่งมันก็ยาวพอจะเป็นเรื่องสั้น แต่ไม่พอจะเป็นมหากาพย์ เลยคิดว่าจะตัดจบเลยละกัน สำหรับกระทู้นี้ คิดว่าที่เขียนๆไป ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ และกระทู้ที่แล้ว คงจะปรับทัศนคติที่มีต่อแท็กซี่ได้บ้าง แต่สิ่งที่เราเขียนไม่ได้หมายความว่า จะลดบรรดาแท็กซี่เลว แท็กซี่ทำร้ายผู้โดยสาร หรือแท็กซี่โกงได้หรอกค่ะ เราเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆ ที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น ไม่ใช่เฮอไมโอนี่ เกรนเจอร์ ที่จะโบกไม้กายสิทธิ์ ร่ายคาถา แล้วสิ่งชั่วร้ายจะหายไปจากโลกนี้ เป็นไปไม่ได้ค่ะ
ใครที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้เก่า อ่านได้จากนี่ค่ะ http://ppantip.com/topic/31285406
วันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน 56
วันนี้เป็นวันแรกของการลองเข้ากะเย็น ดูซิว่ามันจะได้ตังดีมั้ย
เดี๊ยนตื่นตั้งแต่เช้าไปเรียนสัมมนา และเรียนอีกหนึ่งวิชาในภาคบ่าย ประมาณบ่ายสาม ก็ได้บึ่งรถออกจาก มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิตที่มีณเดชณ์และเจมส์จิเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อไปเข้ากะเย็น
ด้วยความที่เรียนเสร็จประมาณ 1445 ออกมาก็เกือบบ่ายสามแล้ว ฝ่าการจราจรรถใหลมาถึงลาดพร้าว ใช้เวลาเกือบชั่วโมง ก็ได้มาถึงที่อู่ยามเย็นเป็นเวลาประมาณ 1620 ซึ่งพี่ๆกะเย็นก็ได้ออกไปหมดแล้ว หลังจากรับรถคันใหม่ก็สวดภาวนาขอให้วันนี้เป็นวันดีดี ซึ่งมันก็เป็นวันดีดีจริงๆ
เดี๊ยนเปิดเพลงใหนก็ดูสวยงามไปหมด รู้สึกผ่อนคลาย สบายกายสบายใจ ลูกค้ารายแรกเป็นชายหนุ่มชาวต่างชาติ เดี๊ยนคันคะเยอไปหมด ให้ไปส่งแถวนาคนิวาส ดีดี ไม่ไกลจากอู่ ตอนแรกก็นึกว่าจะหลงแต่ก็ไม่หลง รถติดในซอยนิดหน่อยแต่พอพ้นตลาดในซอยนาคนิวาสรถก็โล่ง ห้าโมงเย็นวันพฤหัสแถวลาดพร้าวช่างเป็นใจจริงๆ ส่งคุณลูกค้ารายแรกด้วยมิเตอร์ 60 บาทพอดี คุณลูกค้าให้ทิปเป็น 100 บาท ช่างมีน้ำใจยิ่งนัก
(ุถ้าจะให้ดียัดเยียดความเป็นผัวให้เดี๊ยนด้วยจะดีมาก) จบลูกค้ารายแรกด้วยเงิน 100 บาท คิคิ
คุณลูกค้ารายที่สองเป็นสุภาพสตรีวัยทำงาน รับจากซอยสังคมสงเคราะห์ ออกมาจากซอยลูกค้าฝรั่งคนแรกไม่นาน คุณพี่คนนี้ให้ไปส่งลาดพร้าววังหินปลายๆ ช่วงแรกๆก็ไม่คุยอะไรกัน หลังๆก็เริ่มคุยและปรับทุกข์กันเรื่องชีวิต เรื่องการเมือง อย่างนั้นอย่างนี้ คุยกันอยากออกอรรถรส คุณพี่เค้าก็บอกเห็นเราแล้วนึกถึงตัวเองสมัยก่อน ที่ผ่านความยากลำบากในชีวิตมาก่อน เสียงสั่นเชียว เราก็ชวนคุยไปบลาๆๆๆ จากการที่เราคุยกับคุณพี่ท่านนี้ทำให้เรานึกถึง
"ฉันคิดว่าเด็กๆยุคสมัยใหม่นี้มันเติบโตมากับความสบายที่คนรุ่น BABY BOOM และGEN X หามาให้ จนไม่รับรู้ถึงความลำบากที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ได้ลำบากกันมากว่าจะมาสบายกันในรุ่นนี้ หรือบางคนก็ไม่ได้สบายเลยก็ตาม ส่วนตัวเราเป็นรุ่น GEN X ตอนปลาย หรือ GEN Y ตอนต้นก็ไม่รู้ (2534) เราเกิดมาพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยีเป็นพอๆกับการฟังเพลงสุนทราภรณ์ ไปพร้อมกับ กอล์ฟ ไมค์ ต้องขอบคุณบ้านนอก ที่ทำให้ฉันรู้จักชีวิต รู้จักความลำบาก รู้จักความสบาย ฉันสามารถเป็นได้เหมือนกิ้งก่า ที่เปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อม แต่สุดท้ายแล้ว ฉันก็ไม่เคยลืมกำพืดตัวเองว่ามาจากใหน บางครั้งอาจจะทำตัวดัดหริดไปบ้าง แต่ฉันรู้ตัวเองเสมอ ว่าตัวชั้นเป็นใคร //โบกมือแบบพี่ปุ๋บ ภรทิพย์ "
พอส่งคุณพี่ท่านนี้ มิเตอร์ขึ้นมา 90 บาท พี่เค้าให้มา 120 บาท หรือ 100 บาทไม่แน่ใจ เราก็อวยพรพี่เค้าขอให้มีวันดีดีเข้ามาในชีวิตนะคะคุณพี่
คุณพี่เค้าก็อวยพรกลับเช่นกันขอให้ได้ลูกค้าเยอะๆ เช่นกันค้า
หลังจากนั้นก็เป็นวันดีดีของเรา