เมื่อเวลา 19.00 น. เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.56 นายเจษฎา อนุจารี ทนายความของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. เปิดเผยว่า หลังจากที่เราได้ยื่นคำร้องให้ศาลอาญาเพิกถอนหมายจับข้อหากบฏที่เพิ่งออกเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งยกคำร้อง โดยระบุว่ากระบวนการออกหมายจับเป็นไปโดยชอบแล้ว และมีแนวฏีกาเรื่องหมายจับนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แล้วว่าการออกหมายเป็นเรื่องของผู้พิพากษารายเดียว และเป็นอำนาจของศาลชั้นต้น แต่ในช่วงเย็นวันนี้เราได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งดังกล่าวแล้วเช่นกัน โดยศาลได้รับคำอุทธรณ์ไว้ ซึ่งจะได้มีการส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและมีคำสั่งต่อไป เช่นเดียวกับกรณีที่เราได้ยื่นอุทธรณ์การออกหมายจับนายสุเทพในคดีที่บุกกระทรวงการคลัง ซึ่งศาลอุทธรณ์ยังไม่มีคำสั่งใดๆ ลงมา


เมื่อถามว่า ล่าสุดทราบว่าศาลอาญาได้เพิกถอนหมายจับในคดีบุกกระทรวงการคลังแล้ว เนื่องจากมีการออกหมายจับใหม่ข้อหากบฏที่มีอายุความ 20 ปี แล้ว จะมีผลอย่างไรในการอุทธรณ์หรือไม่ นายเจษฎา กล่าวว่า ครั้งแรกที่เราได้มีการยื่นอุทธรณ์ เพราะเห็นว่ากระบวนการที่พิจารณาออกหมายจับนั้นยังไม่ได้ปฏิบัติโดยครบถ้วนตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา และแม้ว่าเราจะยื่นคำร้องคัดค้านในเวลาต่อมา เพื่อขอให้ศาลไต่ส่วน แต่ศาลอาญาได้ยกคำร้อง ทั้งที่ประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 66 ช่วงที่มีการออกหมายจับแกนนำคปท. ทนายความของกลุ่มดังกล่าวก็ได้มีการยื่นคัดค้าน และศาลอาญายังให้โอกาสไต่สวน ดังนั้น การยื่นอุทธรณ์จึงอยากให้ศาลสูงได้พิจารณาเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป ซึ่งผลของการออกหมายจับนั้นถ้าศาลยังไม่ได้เพิกถอน แต่ถ้าเมื่อใดผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวหมายจับนั้นก็จะสิ้นผลไปอยู่แล้ว ดังนั้น การหวังผลว่าจะให้หมายจับนั้นสิ้นผลเป็นเรื่องในลำดับรองลงมาจากการวางบรรทัดฐานเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมายที่จะใช้ต่อไปในอนาคต