# เจอในเน็ตค่ะ เอามาแชร์ มันตรงกับขีวิตจริงๆ มากๆ ค่ะ ก่อนที่เราจะเลิกกับแฟน แฟนเราแสดงอาการแบบนี้หมดค่ะ เราทนกับความเฉยชาไม่ได้ เราต้องจำใจเดินออกมาอย่างเจ็บปวดค่ะ วันแรกที่เค้ารักกับวันนี้ที่เค้าไม่รักแล้ว มันช่างต่างกันเหลือเกินน > <
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาการของผู้ชายที่หมดรักนั้นดูไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย อาการอย่างแรกเลยที่ผู้ชายมักจะเป็นเมื่อไม่มีใจให้แล้วคือ อาการเฉยชา ไอ้อาการเฉยชานี้ ผู้หญิงหลายคนมักจะตีความผิดว่าเวลาพูดกับผู้ชายแล้วเค้าไม่ฟังนั่นคืออาการเฉยชา ทั้งๆที่เค้าอาจจะนั่งทำอะไรอยู่เช่นดูบอล หรืออ่านหนังสือแล้วคุณดันไปพูดเรื่องที่ดูเหมือนไร้สาระในความคิดเค้าเช่น ช้อปปิ้ง หรือความสวยรองเท้าคู่ใหม่ พอผู้ชายเฉยๆ หรือแค่อือๆ ออๆ ก็ตีความไปว่าเฉยชา
หรือผู้ชายจำวันสำคัญไม่ได้ เช่นวันครบรอบเจอกัน วันเกิด หรือวันอะไรก็ตามแต่ ไอ้เรื่องวันแบบนี้ผมขอบอกตรงๆ ว่าผู้ชายส่วนใหญ่นั้น ถ้าไม่ใช่วันสำคัญ เช่นวันปีใหม่ หรือวาเลนไทม์ที่คนเขารู้เรื่องประโคมข่าวกันทั่วบ้านทั่วเมือง รับรองว่าจำกันไม่ค่อยได้หรอกครับ ถ้าคุณอยากได้อะไรในวันสำคัญในวันเหล่านี้คุณควรบอกเขาเป็นนัยๆ แต่เนิ่นๆ ว่า "นี่เธอๆ อีกสามวันจะวันเกิดฉันแล้วนะ" อยากได้อะไรทำอะไรก็บอกเป็นนัยๆ ไป ถ้าผู้ชายเขายังรักคุณอยู่รับรองว่าเขาต้องพยายามไปหาไปทำมาให้ได้ ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้มีราคาสูงหรือยากเย็นเกินกำลังของเขา แต่ถ้าคุณรอเซอร์ไพรส์ รับรองว่าคุณต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ คือเขาจำไม่ได้แล้วปล่อยมันผ่านเลยไป แต่ถ้าวันสำคัญที่คุณเตือนแล้วหรือสิ่งที่คุณต้องการให้เขาช่วยเหลือแล้วเขาไม่ยอมทำให้โดยไม่มีเหตุผล นั่นแหละถึงจะนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉยชา
และนั่นก็จะเป็นที่มาของอาการต่อไปคืออาการเบื่อหน่าย เวลาที่เขาอยู่กับคุณชีวิตของเขาจะซังกะตายเหมือนข้าวโพดแห้ง ชีวิตจะจืดชืดสนิท ทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ ถามคำตอบคำ แต่อาการนี้จะเปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องนึง ถ้าเขาได้ไปอยู่กับสังคม กับคนอื่น หรือกับเพื่อนเขา เขาจะเฮฮาหัวเราะสนุกสนาน แต่ข้อนี้คุณดูดีๆ เพราะถ้าชีวิตเขาเครียดอยู่กับเรื่องอะไรบางอย่าง หรือนานๆ จะเจอเพื่อนฝูงที เขาก็อาจจะสนุกสนานแบบนั้นได้ แต่ถ้าเวลาเขาอยู่กับคุณใบหน้าเขาไม่มีรอยยิ้มเลย ชวนไปไหนก็ไม่ไปขี้เกียจ หนังก็ไม่ดู ชวนทำอะไรก็ไม่ทำ แต่ถ้าคนอื่นชวนแล้วไปหมด นั่นแสดงว่าอาการเริ่มเข้าขั้นอันตรายแล้ว ควรหาทางปรับความเข้าใจกันเสียใหม่ มิฉะนั้นเรื่องราวจะดำเนินต่อไปถึงขั้นสุดท้ายคือ ผู้ชายจะออกอาการแบบ ทำทุกอย่างตามใจตนเอง ประมาณว่าถ้ารับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็เลิกไป คือเห็นคุณเป็นแค่วัตถุหรืออะไรสักอย่างที่เกะกะในชีวิต เขาอยากไปไหน เขาก็ไป เขาอยากทำอะไรเขาก็ทำ ไม่ชวน เต็มที่ก็แค่บอกเฉยๆ แต่ถ้าห้ามถ้าไม่ทะเลาะก็ไม่สนใจ ก็ตรู...จะทำ จะทำไม
สัญญาณเตือนที่ 1 เขาไม่ได้โทรศัพท์หาคุณ มาหลายวันแล้ว
ถ้าสำหรับคนที่ปกติโทรหากันทุกวัน และจู่ๆ เขาก็โทรหาน้อยลงๆ เรื่อยๆ หรือขาดการติดต่อไป เป็นเวลาหลายวัน นี่เป็นสัญญาณเตือนลำดับแรก ที่จะบอกให้คุณรู้ว่า เขาต้องมีอะไรผิดปกติไปจากเดิมแน่ๆ
สัญญาณเตือนที่ 2 หาเรื่อง ชวนทะเลาะ
ถ้าจู่ๆ เขาเกิดไม่พอใจในเรื่องบางเรื่อง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาสามารถยอมรับเรื่องเดียวกันนี้ได้ และหนำซ้ำยังหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นโต้เถียง สาดน้ำลายใส่คุณ นี่เป็นสัญญาณเตือน ว่าเขาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับคุณแล้ว บางทีคุณอาจจะถามเขาตรงๆ ไปเลยก็ได้ว่า ที่ชวนทะละกันอย่างนี้ เพราะไม่ได้รู้สึกดีต่อกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?
สัญญาณเตือนที่ 3 เขากลายเป็นคน ที่มีเงื่อนงำมากขึ้น
อย่างเช่น เขาไม่บอกคุณเหมือนแต่ก่อน ว่าเขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ไปกับใคร หรือโทรศัพท์คุยกับใครบ้าง ต้องรอให้คุณถามเอง ถึงจะยอมบอก บางทีเขาเลิกงาน ในวันทำงานแล้ว ก็หายวับ ไปเป็นชั่วโมง ถึงจะติดต่อกลับมา โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักนิด
สัญญาณเตือนที่ 4 เขาเลิกพูดไปเลย กับ คำว่า เรา แต่เปลี่ยนมาใช้ แต่คำว่า ผม แทน
คุณ เคยนั่งด้วย ด้วยกัน และวางแผนกันว่า เราจะไปเที่ยวด้วยกันนะ – เราจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ ด้วยกันนะ แต่ตอนนี้ เขามาเปลี่ยนเป็นพูดว่า อืม.. ผมจะไปทำไอ้นั่นล่ะนะ พูดถึงแต่ตัวเอง ว่าอยากจะไปทำอะไรคนเดียว แสดงว่า เขาไม่รู้สึกดี ที่อยากจะให้คุณมาทำอะไรร่วมกันอีกแล้ว
สัญญาณเตือนที่ 5 เขาไปเที่ยวกับเพื่อน มากกว่า ให้เวลากับคุณ
ถ้าแต่ก่อน คุณเป็นคนแรกที่สำคัญที่สุด ในชีวิตของเขา แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า คุณต้องทะเลาะกัน เพราะไม่ว่าเวลาไหน เขาก็มักจะไปเที่ยวกับเพื่อนตลอด ความรู้สึก รัก ที่เขามีให้คุณเริ่มลดน้อยลงแล้วล่ะ
สัญญาณเตือนที่ 6 บรรยากาศเงียบเชียบ พูดกันน้อยลง
หากคุณเคยกัน ด้วยเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรตั้งมากมาย เรื่องหมูหมากาไก่ เรื่องของคนข้างบ้าน ตลอดจนเรื่องละครหลังข่าว แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า เขาไม่มีความคิดเห็น ได้แต่ตอบเพียงว่า อืม ใช่ เหรอ จากที่เคยพูดกันเยอะๆ เขาก็แทบไม่อยากจะคุยกับคุณนานๆ
สัญญาณเตือนที่ 7 เพื่อนๆ รอบตัวคุณ เริ่มถามคุณแล้วล่ะว่า ระหว่างคุณกับแฟน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
เพื่อนสนิทคุณ เริ่มสังเกตเห็นความห่างเหิน ระหว่างคุณกับแฟนของคุณ อย่างเห็นได้ชัด และต่างถามคุณด้วยความเป็นห่วงว่า คุณกับเขายังรักกันดี หรือเปล่าเนี่ย
สัญญาณเตือนที่ 8 เขาวิจารณ์หรือตำหนิคุณ มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างเช่น บอกคุณว่า คุณแต่งตัวไม่สวยเอาซะเลย (ทั้งๆ ที่ นี่มันชุดเดิมที่เขาเคยชมว่าสวยนี่หว่า) หรือตำหนิ คุณในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่เขาเคยชินกับมันมาตั้งนานแล้ว และไม่เคยว่าคุณมากก่อน
สัญญาณเตือนที่ 9 ไม่คิดถึงกัน สัญญาณนี้แน่นอนเลยค่ะ ไม่ใช่แค่การคิดถึงแบบว่าอยากจะเจอหน้าสุดที่รักตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ใช่การส่งข้อความหวานๆ พร่ำเพ้อละเมอหา หรือจะรายงานตัวตลอดทุกๆ ครึ่งชั่วโมง แต่เป็นการคิดถึงเรื่องราวความเป็นไปของอีกฝ่าย อย่างเช่น เดินผ่านร้านอาหารอร่อยๆ คิดอยากที่จะชวนคุณไปกิน เห็นรองเท้า กระเป๋าใบสวยคิดอยากจะซื้อไปฝาก เป็นห่วงเวลาที่ฝนตกกลัวอีกฝ่ายจะกลับบ้านลำบาก นี่คือการ “คิดถึง” ที่จะสอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของคนที่ยังรักกัน
สัญญาณเตือนที่ 10 ไม่อยากเจอ…ถ้าหากว่าในหนึ่งอาทิตย์ คุณและเขามีเหตุที่ทำให้ไม่ได้เจอกัน แต่ดันไม่มีใครรู้สึกทุกข์ร้อนอยากที่จะเจอกันอีกเสียด้วย ทำเหมือนว่า ถ้าหากใครสักคนหายไป ก็อีกหลายวันกว่าจะรู้สึกตัว
สัญญาณเตือนที่ 11 บทสนทนาจืดและฝืด ไม่มีเรื่องที่จะคุยกัน ถกเถียง ปรึกษาปัญหาต่างๆ เวลาที่เจอกัน อยู่ด้วยกัน คุณมักจะได้ยินเสียงความเงียบดังขึ้นมาผิดปกติ ความเงียบที่ไม่ใช่ความสงบ แต่กลับเป็นความหงอยเหงาจืดจาง หรือไม่ คุณก็ต้องเป็นฝ่ายหาเรื่องอะไรสักอย่างขึ้นมาพูด เพื่อที่จะเติมช่องว่างอยู่เสมอๆ นี่แหละค่ะที่จะสร้างความเบื่อหน่ายในระยะยาว
สัญญาณเตือนที่ 12 ลืมวันสำคัญๆ ของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันครบรอบต่างๆ หรือแม้กระทั่งวันวาเลนไทน์ ก็ไม่กระตุ้นเส้นประสาทส่วนไหนเอาซะเลย ยิ่งพอถึงวันปีใหม่ยิ่งทำให้เบื่อหน่าย อยากที่จะทำงานมากกว่าไปเที่ยวด้วยกันซะอีก ที่สำคัญ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายก็ลืมวันสำคัญของเราเหมือนกัน แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าเค้าทำอะไรผิด หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ เราก็ไม่ได้คาดหวังว่า เค้าจะจำวันสำคัญนี้ได้ด้วยซ้ำ
"12 อาการของผู้ชายที่หมดรัก"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อาการของผู้ชายที่หมดรักนั้นดูไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย อาการอย่างแรกเลยที่ผู้ชายมักจะเป็นเมื่อไม่มีใจให้แล้วคือ อาการเฉยชา ไอ้อาการเฉยชานี้ ผู้หญิงหลายคนมักจะตีความผิดว่าเวลาพูดกับผู้ชายแล้วเค้าไม่ฟังนั่นคืออาการเฉยชา ทั้งๆที่เค้าอาจจะนั่งทำอะไรอยู่เช่นดูบอล หรืออ่านหนังสือแล้วคุณดันไปพูดเรื่องที่ดูเหมือนไร้สาระในความคิดเค้าเช่น ช้อปปิ้ง หรือความสวยรองเท้าคู่ใหม่ พอผู้ชายเฉยๆ หรือแค่อือๆ ออๆ ก็ตีความไปว่าเฉยชา
หรือผู้ชายจำวันสำคัญไม่ได้ เช่นวันครบรอบเจอกัน วันเกิด หรือวันอะไรก็ตามแต่ ไอ้เรื่องวันแบบนี้ผมขอบอกตรงๆ ว่าผู้ชายส่วนใหญ่นั้น ถ้าไม่ใช่วันสำคัญ เช่นวันปีใหม่ หรือวาเลนไทม์ที่คนเขารู้เรื่องประโคมข่าวกันทั่วบ้านทั่วเมือง รับรองว่าจำกันไม่ค่อยได้หรอกครับ ถ้าคุณอยากได้อะไรในวันสำคัญในวันเหล่านี้คุณควรบอกเขาเป็นนัยๆ แต่เนิ่นๆ ว่า "นี่เธอๆ อีกสามวันจะวันเกิดฉันแล้วนะ" อยากได้อะไรทำอะไรก็บอกเป็นนัยๆ ไป ถ้าผู้ชายเขายังรักคุณอยู่รับรองว่าเขาต้องพยายามไปหาไปทำมาให้ได้ ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้มีราคาสูงหรือยากเย็นเกินกำลังของเขา แต่ถ้าคุณรอเซอร์ไพรส์ รับรองว่าคุณต้องเซอร์ไพรส์แน่ๆ คือเขาจำไม่ได้แล้วปล่อยมันผ่านเลยไป แต่ถ้าวันสำคัญที่คุณเตือนแล้วหรือสิ่งที่คุณต้องการให้เขาช่วยเหลือแล้วเขาไม่ยอมทำให้โดยไม่มีเหตุผล นั่นแหละถึงจะนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉยชา
และนั่นก็จะเป็นที่มาของอาการต่อไปคืออาการเบื่อหน่าย เวลาที่เขาอยู่กับคุณชีวิตของเขาจะซังกะตายเหมือนข้าวโพดแห้ง ชีวิตจะจืดชืดสนิท ทำอะไรแบบเดิมๆ ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ ใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์ ถามคำตอบคำ แต่อาการนี้จะเปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องนึง ถ้าเขาได้ไปอยู่กับสังคม กับคนอื่น หรือกับเพื่อนเขา เขาจะเฮฮาหัวเราะสนุกสนาน แต่ข้อนี้คุณดูดีๆ เพราะถ้าชีวิตเขาเครียดอยู่กับเรื่องอะไรบางอย่าง หรือนานๆ จะเจอเพื่อนฝูงที เขาก็อาจจะสนุกสนานแบบนั้นได้ แต่ถ้าเวลาเขาอยู่กับคุณใบหน้าเขาไม่มีรอยยิ้มเลย ชวนไปไหนก็ไม่ไปขี้เกียจ หนังก็ไม่ดู ชวนทำอะไรก็ไม่ทำ แต่ถ้าคนอื่นชวนแล้วไปหมด นั่นแสดงว่าอาการเริ่มเข้าขั้นอันตรายแล้ว ควรหาทางปรับความเข้าใจกันเสียใหม่ มิฉะนั้นเรื่องราวจะดำเนินต่อไปถึงขั้นสุดท้ายคือ ผู้ชายจะออกอาการแบบ ทำทุกอย่างตามใจตนเอง ประมาณว่าถ้ารับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็เลิกไป คือเห็นคุณเป็นแค่วัตถุหรืออะไรสักอย่างที่เกะกะในชีวิต เขาอยากไปไหน เขาก็ไป เขาอยากทำอะไรเขาก็ทำ ไม่ชวน เต็มที่ก็แค่บอกเฉยๆ แต่ถ้าห้ามถ้าไม่ทะเลาะก็ไม่สนใจ ก็ตรู...จะทำ จะทำไม
สัญญาณเตือนที่ 1 เขาไม่ได้โทรศัพท์หาคุณ มาหลายวันแล้ว
ถ้าสำหรับคนที่ปกติโทรหากันทุกวัน และจู่ๆ เขาก็โทรหาน้อยลงๆ เรื่อยๆ หรือขาดการติดต่อไป เป็นเวลาหลายวัน นี่เป็นสัญญาณเตือนลำดับแรก ที่จะบอกให้คุณรู้ว่า เขาต้องมีอะไรผิดปกติไปจากเดิมแน่ๆ
สัญญาณเตือนที่ 2 หาเรื่อง ชวนทะเลาะ
ถ้าจู่ๆ เขาเกิดไม่พอใจในเรื่องบางเรื่อง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาสามารถยอมรับเรื่องเดียวกันนี้ได้ และหนำซ้ำยังหยิบขึ้นมาเป็นประเด็นโต้เถียง สาดน้ำลายใส่คุณ นี่เป็นสัญญาณเตือน ว่าเขาไม่มีความสุขที่จะอยู่กับคุณแล้ว บางทีคุณอาจจะถามเขาตรงๆ ไปเลยก็ได้ว่า ที่ชวนทะละกันอย่างนี้ เพราะไม่ได้รู้สึกดีต่อกันเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?
สัญญาณเตือนที่ 3 เขากลายเป็นคน ที่มีเงื่อนงำมากขึ้น
อย่างเช่น เขาไม่บอกคุณเหมือนแต่ก่อน ว่าเขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน ไปกับใคร หรือโทรศัพท์คุยกับใครบ้าง ต้องรอให้คุณถามเอง ถึงจะยอมบอก บางทีเขาเลิกงาน ในวันทำงานแล้ว ก็หายวับ ไปเป็นชั่วโมง ถึงจะติดต่อกลับมา โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซักนิด
สัญญาณเตือนที่ 4 เขาเลิกพูดไปเลย กับ คำว่า เรา แต่เปลี่ยนมาใช้ แต่คำว่า ผม แทน
คุณ เคยนั่งด้วย ด้วยกัน และวางแผนกันว่า เราจะไปเที่ยวด้วยกันนะ – เราจะทำอย่างนั้น อย่างนี้ ด้วยกันนะ แต่ตอนนี้ เขามาเปลี่ยนเป็นพูดว่า อืม.. ผมจะไปทำไอ้นั่นล่ะนะ พูดถึงแต่ตัวเอง ว่าอยากจะไปทำอะไรคนเดียว แสดงว่า เขาไม่รู้สึกดี ที่อยากจะให้คุณมาทำอะไรร่วมกันอีกแล้ว
สัญญาณเตือนที่ 5 เขาไปเที่ยวกับเพื่อน มากกว่า ให้เวลากับคุณ
ถ้าแต่ก่อน คุณเป็นคนแรกที่สำคัญที่สุด ในชีวิตของเขา แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า คุณต้องทะเลาะกัน เพราะไม่ว่าเวลาไหน เขาก็มักจะไปเที่ยวกับเพื่อนตลอด ความรู้สึก รัก ที่เขามีให้คุณเริ่มลดน้อยลงแล้วล่ะ
สัญญาณเตือนที่ 6 บรรยากาศเงียบเชียบ พูดกันน้อยลง
หากคุณเคยกัน ด้วยเรื่องราวอะไรต่อมิอะไรตั้งมากมาย เรื่องหมูหมากาไก่ เรื่องของคนข้างบ้าน ตลอดจนเรื่องละครหลังข่าว แต่เดี๋ยวนี้ กลายเป็นว่า เขาไม่มีความคิดเห็น ได้แต่ตอบเพียงว่า อืม ใช่ เหรอ จากที่เคยพูดกันเยอะๆ เขาก็แทบไม่อยากจะคุยกับคุณนานๆ
สัญญาณเตือนที่ 7 เพื่อนๆ รอบตัวคุณ เริ่มถามคุณแล้วล่ะว่า ระหว่างคุณกับแฟน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
เพื่อนสนิทคุณ เริ่มสังเกตเห็นความห่างเหิน ระหว่างคุณกับแฟนของคุณ อย่างเห็นได้ชัด และต่างถามคุณด้วยความเป็นห่วงว่า คุณกับเขายังรักกันดี หรือเปล่าเนี่ย
สัญญาณเตือนที่ 8 เขาวิจารณ์หรือตำหนิคุณ มากขึ้นกว่าเดิม
อย่างเช่น บอกคุณว่า คุณแต่งตัวไม่สวยเอาซะเลย (ทั้งๆ ที่ นี่มันชุดเดิมที่เขาเคยชมว่าสวยนี่หว่า) หรือตำหนิ คุณในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่เขาเคยชินกับมันมาตั้งนานแล้ว และไม่เคยว่าคุณมากก่อน
สัญญาณเตือนที่ 9 ไม่คิดถึงกัน สัญญาณนี้แน่นอนเลยค่ะ ไม่ใช่แค่การคิดถึงแบบว่าอยากจะเจอหน้าสุดที่รักตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ใช่การส่งข้อความหวานๆ พร่ำเพ้อละเมอหา หรือจะรายงานตัวตลอดทุกๆ ครึ่งชั่วโมง แต่เป็นการคิดถึงเรื่องราวความเป็นไปของอีกฝ่าย อย่างเช่น เดินผ่านร้านอาหารอร่อยๆ คิดอยากที่จะชวนคุณไปกิน เห็นรองเท้า กระเป๋าใบสวยคิดอยากจะซื้อไปฝาก เป็นห่วงเวลาที่ฝนตกกลัวอีกฝ่ายจะกลับบ้านลำบาก นี่คือการ “คิดถึง” ที่จะสอดแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของคนที่ยังรักกัน
สัญญาณเตือนที่ 10 ไม่อยากเจอ…ถ้าหากว่าในหนึ่งอาทิตย์ คุณและเขามีเหตุที่ทำให้ไม่ได้เจอกัน แต่ดันไม่มีใครรู้สึกทุกข์ร้อนอยากที่จะเจอกันอีกเสียด้วย ทำเหมือนว่า ถ้าหากใครสักคนหายไป ก็อีกหลายวันกว่าจะรู้สึกตัว
สัญญาณเตือนที่ 11 บทสนทนาจืดและฝืด ไม่มีเรื่องที่จะคุยกัน ถกเถียง ปรึกษาปัญหาต่างๆ เวลาที่เจอกัน อยู่ด้วยกัน คุณมักจะได้ยินเสียงความเงียบดังขึ้นมาผิดปกติ ความเงียบที่ไม่ใช่ความสงบ แต่กลับเป็นความหงอยเหงาจืดจาง หรือไม่ คุณก็ต้องเป็นฝ่ายหาเรื่องอะไรสักอย่างขึ้นมาพูด เพื่อที่จะเติมช่องว่างอยู่เสมอๆ นี่แหละค่ะที่จะสร้างความเบื่อหน่ายในระยะยาว
สัญญาณเตือนที่ 12 ลืมวันสำคัญๆ ของกันและกัน ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันครบรอบต่างๆ หรือแม้กระทั่งวันวาเลนไทน์ ก็ไม่กระตุ้นเส้นประสาทส่วนไหนเอาซะเลย ยิ่งพอถึงวันปีใหม่ยิ่งทำให้เบื่อหน่าย อยากที่จะทำงานมากกว่าไปเที่ยวด้วยกันซะอีก ที่สำคัญ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายก็ลืมวันสำคัญของเราเหมือนกัน แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าเค้าทำอะไรผิด หรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ เราก็ไม่ได้คาดหวังว่า เค้าจะจำวันสำคัญนี้ได้ด้วยซ้ำ