แนวทางที่จะแก้ปัญหาดีที่สุดในการไม่ให้เกิดการปะทะคือ
ให้ทหารตั้งแนวป้องกันการปะทะทั้งสองฝ่ายให้ห่างกัน เพราะตอนนี้ทหารได้เข้าช่วยเหลือด้านพยาบาลผู้ชุมนุม และผู้ชุมนุมก็ไว้ใจ การปล่อยให้ปะทะกันเรื่อยๆ ย่อมไม่ส่งผลดี สิ่งแรกที่ควรทำ ไม่ใช่ให้แกนนำหยุดสั่งการอะไร แต่การใช้กุศโลบายในการหยุดปะทะกัน การบอกว่าฝ่ายใดฝ่ายหยุด ย่อมไม่ได้แน่นอน ถ้าไม่มีคนห้าม และการห้ามด้วยปากก็ทำไม่ได้แน่นอน ผมเสนอให้ทหารตั้งแนวป้องกันการปะทะทุกจุด
ภายหลังการตั้งแนวป้องกันการปะทะ ควรให้ทหารใช้การพูดคุยกับผู้ชุมนุม รวมถึงควรใช้ผู้นำด้านศาสนา เช่น ท่าน ว วชิรเมธี และท่านมหาสมปอง และพระที่คนนับถือ รวมถึงผู้นำศาสนาอิสลาม คริสต์ด้วย รวมถึงคนที่ผู้ชุมนุมชื่นชอบ เช่น ดารา ผมว่าทุกคนต้องช่วยกัน ออกมาชักจูงและให้ปัญญาเขา
การให้ปัญญาถึงจะทำให้คนหยุดทำผิดได้ อย่างเช่น พระพุทธเจ้าได้ห้ามญาติของทั้งสองฝ่ายที่ทะเลาะกันเพียงการแหล่งน้ำ ซึ่งจริงๆ ก็สามารถใช้กันได้สองฝ่าย
ถ้าไม่เกิดการปะทะ และสามารถใช้การพูดคุยเพื่อสลายการใช้ความรุนแรงในอันดับต้น และการสลายการชุมนุมย่อยๆ แล้ว สิ่งนี้ก็ควรนำไปใช้ในการให้ผู้ชุมนุมที่อยุ่ในสถานที่ราชการทุกที่ หยุดยึดที่ราชการ และสลายตัวกันไปในทุกจุดในที่สุด ควรใช้การสลายการชุมนุมเชิงรุกแบบสันติ
ขณะที่แนวทางแก้จริงๆ ของไทยคือ
การมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ ประเทศไทยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกฝ่ายอยากเป็นรัฐบาลเพราะได้ใช้ทรัพยากรของประเทศทั้งหมด คือ ฐานทุกด้านอยู่ที่กรุงเทพ บางที ควรให้มีการกระจายอำนาจการปกครองสู่ทุกภูมิภาค เช่น โมเดดลของการมีผู้ว่าราชการจังหวัดจากการเลือกตั้ง มีอำนาจการเก็บภาษีของตน และใช้งบประมาณของตน คนภาคไหนก็สามารถมีอำนาจปกครองภูมิภาคของตนได้ เพราะวันนี้ คนเหนือก็บอกว่าทำไมต้องให้คนใต้ปกครอง คนใต้ก็บอกว่าทำไมให้คนเหนือปกครอง คนกรุงก็บอกว่าทำไมให้คนต่างจังหวัดปกครอง เราฉลาดจะตาย คนต่างจังหวัดก็ถามว่าทำไม คนกรุงถึงได้รับความเจริญทุกอย่างไป
สิ่งที่ควรทำอีกคือ
กระจายเศรษฐกิจ ผมเคยเสนอนานมากแล้วว่า ทุกภาคที่สำคัญของไทยควรมีศูนย์กลางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางราชการ ศูนยืกลางการท้องเที่ยว ศูนยืกลางการศึกษาของตนเอง ควรมีเมืองเศรษฐกิจ เมืองท่า ของตนเอง ควรกำหนดเลยก็ได้ ว่าภาคไหนจะมีความสำคัญด้านไหน ต้องให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนั้นมีสำนักงานใหญ่ที่นั่น เช่น ด้านการขนส่งและประมง ถ้าเป้นภาคใต้ ก้ต้องกำหนดว่า บริษัทที่สำนักงานใหญ่อยู่ภาคใต้จะได้สิทธิภาษีมากกว่าภาคอื่น ทำให้เกิดศูนย์กลางเศรษฐกิจได้ หรือ ด้านการบันเทิงและภาพยนตร์ เป้นภาคเหนือ บริษัทด้านบันเทิงที่ตั้งในภาคเหนือก็จะสิทธิพิเศษมากกว่าภาคอื่น เป็นต้น
ผมว่า ที่เป็นอยู่ไม่ว่าแก้รัฐธรรมนูญ แก้ไปแก้มา ก็ไม่เป็นผล เป็นการแก้ปลายเหตุ ทุกฝ่ายจะได้ไม่แย่งชิงอำนาจ แต่พยายามสร้างและพัฒนาภาคส่วนท้องที่ตนเองให้ดี
เสนอให้ทหารทำแนวป้องกันการปะทะทั้งสองฝ่าย และให้ทหารคุยกับผู้ชุมนุมส่วนย่อยๆ ให้เกิดปัญญา และให้หยุดใช้ความรุนแรง
ภายหลังการตั้งแนวป้องกันการปะทะ ควรให้ทหารใช้การพูดคุยกับผู้ชุมนุม รวมถึงควรใช้ผู้นำด้านศาสนา เช่น ท่าน ว วชิรเมธี และท่านมหาสมปอง และพระที่คนนับถือ รวมถึงผู้นำศาสนาอิสลาม คริสต์ด้วย รวมถึงคนที่ผู้ชุมนุมชื่นชอบ เช่น ดารา ผมว่าทุกคนต้องช่วยกัน ออกมาชักจูงและให้ปัญญาเขา
การให้ปัญญาถึงจะทำให้คนหยุดทำผิดได้ อย่างเช่น พระพุทธเจ้าได้ห้ามญาติของทั้งสองฝ่ายที่ทะเลาะกันเพียงการแหล่งน้ำ ซึ่งจริงๆ ก็สามารถใช้กันได้สองฝ่าย
ถ้าไม่เกิดการปะทะ และสามารถใช้การพูดคุยเพื่อสลายการใช้ความรุนแรงในอันดับต้น และการสลายการชุมนุมย่อยๆ แล้ว สิ่งนี้ก็ควรนำไปใช้ในการให้ผู้ชุมนุมที่อยุ่ในสถานที่ราชการทุกที่ หยุดยึดที่ราชการ และสลายตัวกันไปในทุกจุดในที่สุด ควรใช้การสลายการชุมนุมเชิงรุกแบบสันติ
ขณะที่แนวทางแก้จริงๆ ของไทยคือ การมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ ประเทศไทยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทุกฝ่ายอยากเป็นรัฐบาลเพราะได้ใช้ทรัพยากรของประเทศทั้งหมด คือ ฐานทุกด้านอยู่ที่กรุงเทพ บางที ควรให้มีการกระจายอำนาจการปกครองสู่ทุกภูมิภาค เช่น โมเดดลของการมีผู้ว่าราชการจังหวัดจากการเลือกตั้ง มีอำนาจการเก็บภาษีของตน และใช้งบประมาณของตน คนภาคไหนก็สามารถมีอำนาจปกครองภูมิภาคของตนได้ เพราะวันนี้ คนเหนือก็บอกว่าทำไมต้องให้คนใต้ปกครอง คนใต้ก็บอกว่าทำไมให้คนเหนือปกครอง คนกรุงก็บอกว่าทำไมให้คนต่างจังหวัดปกครอง เราฉลาดจะตาย คนต่างจังหวัดก็ถามว่าทำไม คนกรุงถึงได้รับความเจริญทุกอย่างไป
สิ่งที่ควรทำอีกคือ กระจายเศรษฐกิจ ผมเคยเสนอนานมากแล้วว่า ทุกภาคที่สำคัญของไทยควรมีศูนย์กลางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางราชการ ศูนยืกลางการท้องเที่ยว ศูนยืกลางการศึกษาของตนเอง ควรมีเมืองเศรษฐกิจ เมืองท่า ของตนเอง ควรกำหนดเลยก็ได้ ว่าภาคไหนจะมีความสำคัญด้านไหน ต้องให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนั้นมีสำนักงานใหญ่ที่นั่น เช่น ด้านการขนส่งและประมง ถ้าเป้นภาคใต้ ก้ต้องกำหนดว่า บริษัทที่สำนักงานใหญ่อยู่ภาคใต้จะได้สิทธิภาษีมากกว่าภาคอื่น ทำให้เกิดศูนย์กลางเศรษฐกิจได้ หรือ ด้านการบันเทิงและภาพยนตร์ เป้นภาคเหนือ บริษัทด้านบันเทิงที่ตั้งในภาคเหนือก็จะสิทธิพิเศษมากกว่าภาคอื่น เป็นต้น
ผมว่า ที่เป็นอยู่ไม่ว่าแก้รัฐธรรมนูญ แก้ไปแก้มา ก็ไม่เป็นผล เป็นการแก้ปลายเหตุ ทุกฝ่ายจะได้ไม่แย่งชิงอำนาจ แต่พยายามสร้างและพัฒนาภาคส่วนท้องที่ตนเองให้ดี