กรณีมีข่าวว่า ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปป์ บุตรชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถูกเป่านกหวีดใส่ และมีการโพสต์ข้อความจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก อ้างว่าไม่เป็นความจริง“น้องไปป์” ได้ย้ายไปเรียนที่ต่างประเทศ 2 เดือนแล้ว
เว็บไซต์ข่าวสด รายงานวันที่ 30 พฤศจิกายนว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ด.ช.ศุภเสกข์ ไม่ได้เดินทางไปเรียนยังต่างประเทศตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด และ ยังคงเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ( Harrow )ดอนเมือง และถ้าเป็นช่วงปิดเทอมก็จะมาเรียนพิเศษที่โรงเรียน ณ ดารุณ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาไทยเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งหลังน้องไปป์ได้รับผลกระทบ ทีมรักษาความปลอดภัยได้เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ดูแลก็ได้รับการกำชับว่าหากมีการแสดงสัญลักษณ์โดยเป่านกหวีดใส่ หรือพูดกระทบก็ไม่ให้มีการตอบโต้ ซึ่งที่ผ่านมาก็จะใช้การยิ้มให้กลับคืน
“ในส่วนของน้องไปป์นั้น อาจรู้สึกตกใจบ้างแต่เนื่องจากเริ่มโตและเข้าใจการทำหน้าที่ของผู้เป็นแม่ คือนายกรัฐมนตรี จึงไม่หวาดกลัวอะไรหรือตกใจ ซึ่งเมื่อมีคนเข้ามาทักหรือแม้แต่เป่านกหวีดใส่ก็จะหันไปยกมือไหว้กลับทันที อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น ก็มีความเป็นห่วงบุตรชายมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้เป็นแม่ แต่ก็ได้มีการพุดคุยและให้กำลังใจซึ่งกันและกันทุกวัน” แหล่งข่าวใกล้ชิดกล่าว
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีบุตรชายได้รับผลกระทบทางการเมือง ด้วยน้ำเสียงสั่น มีน้ำตาคลอว่า "ถ้าใครมีลูกก็คงเข้าใจ ถ้าไม่พอใจ ก็มาลงที่แม่เถอะค่ะ อย่าไปลงกับเด็กเลย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า น้องไปป์จะทำอย่างไรต่อไป นายกฯ กล่าวว่า ลูกก็คงจะไปโรงเรียนตามปกติ และจะเข้มแข็งขึ้น ลูกก็คงเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ นายไมเคิล ฟาร์ลีย์ ผอ.โรงเรียนฮาร์โรว ออกแถลงการณ์ว่า จากกรณีในช่วง 24 ชั่วโมงมานี้มีข่าวแพร่สะพัดว่า มีความพยายามทางการเมืองที่จะฝ่าฝืนระบบรักษาความปลอดภัยที่โรงเรียน ว่า ข่าวลือดังกล่าว ไม่เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด ซึ่งทางโรงเรียนทบทวนระบบความปลอดภัยของโรงเรียนและกำชับให้ทีมงานที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของโรงเรียนรับประกันความปลอดภัยของเด็ก
" และกระผมขอให้ผู้ปกครองทุกท่านสนับสนุนทางโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำการเมืองเข้ามายังโรงเรียน โรงเรียนของเราเป็นสถานที่สำหรับเด็กๆ ที่จะสนุกกับการเรียน"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385800692&grpid=00&catid=&subcatid=
"น้องไปป์"ยังเรียนอยู่ที่เมืองไทย "ปู"น้ำตาคลอ ขอร้องถ้าไม่พอใจให้มาลงที่แม่ เชื่อลูกจะเข้มแข็ง
เว็บไซต์ข่าวสด รายงานวันที่ 30 พฤศจิกายนว่า แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ด.ช.ศุภเสกข์ ไม่ได้เดินทางไปเรียนยังต่างประเทศตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด และ ยังคงเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ( Harrow )ดอนเมือง และถ้าเป็นช่วงปิดเทอมก็จะมาเรียนพิเศษที่โรงเรียน ณ ดารุณ ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนภาษาไทยเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งหลังน้องไปป์ได้รับผลกระทบ ทีมรักษาความปลอดภัยได้เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น แต่ก็ยังคงใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ดูแลก็ได้รับการกำชับว่าหากมีการแสดงสัญลักษณ์โดยเป่านกหวีดใส่ หรือพูดกระทบก็ไม่ให้มีการตอบโต้ ซึ่งที่ผ่านมาก็จะใช้การยิ้มให้กลับคืน
“ในส่วนของน้องไปป์นั้น อาจรู้สึกตกใจบ้างแต่เนื่องจากเริ่มโตและเข้าใจการทำหน้าที่ของผู้เป็นแม่ คือนายกรัฐมนตรี จึงไม่หวาดกลัวอะไรหรือตกใจ ซึ่งเมื่อมีคนเข้ามาทักหรือแม้แต่เป่านกหวีดใส่ก็จะหันไปยกมือไหว้กลับทันที อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น ก็มีความเป็นห่วงบุตรชายมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้เป็นแม่ แต่ก็ได้มีการพุดคุยและให้กำลังใจซึ่งกันและกันทุกวัน” แหล่งข่าวใกล้ชิดกล่าว
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กรณีบุตรชายได้รับผลกระทบทางการเมือง ด้วยน้ำเสียงสั่น มีน้ำตาคลอว่า "ถ้าใครมีลูกก็คงเข้าใจ ถ้าไม่พอใจ ก็มาลงที่แม่เถอะค่ะ อย่าไปลงกับเด็กเลย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า น้องไปป์จะทำอย่างไรต่อไป นายกฯ กล่าวว่า ลูกก็คงจะไปโรงเรียนตามปกติ และจะเข้มแข็งขึ้น ลูกก็คงเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ นายไมเคิล ฟาร์ลีย์ ผอ.โรงเรียนฮาร์โรว ออกแถลงการณ์ว่า จากกรณีในช่วง 24 ชั่วโมงมานี้มีข่าวแพร่สะพัดว่า มีความพยายามทางการเมืองที่จะฝ่าฝืนระบบรักษาความปลอดภัยที่โรงเรียน ว่า ข่าวลือดังกล่าว ไม่เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด ซึ่งทางโรงเรียนทบทวนระบบความปลอดภัยของโรงเรียนและกำชับให้ทีมงานที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยของโรงเรียนรับประกันความปลอดภัยของเด็ก
" และกระผมขอให้ผู้ปกครองทุกท่านสนับสนุนทางโรงเรียน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำการเมืองเข้ามายังโรงเรียน โรงเรียนของเราเป็นสถานที่สำหรับเด็กๆ ที่จะสนุกกับการเรียน"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1385800692&grpid=00&catid=&subcatid=