จากใจสาวก Apple
ขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะครับว่าผมเป็นสาวก Apple อย่างเต็มตัว ซื้ออุปกรณ์มาหลายชิ้นแล้ว ล่าสุดก็
- Macbook Air 13’ ปี 2013 เปลี่ยน CPU i7, เพิ่ม ram 8Gb, SSD 512 Gb เต็มเหนี่ยว เพราะชอบ Mac อยู่แล้ว
- ใช้ iPad มาตั้งแต่รุ่นแรกที่มันออกเลย เปลี่ยนมาสองรุ่น บอกตามตรงว่าอันนี้ซื้อเพราะกิเลสล้วนๆครับ
- โทรศัพท์ตอนนี้ยังเป็น iphone5 อยู่ครับ ส่วน Android ผมเคยลองใช้แต่รุ่นราคาไม่สูงมาก ขอไม่แสดงความคิดเห็นละกัน
- ชอบ Steve Jobs มาก อ่านหนังสือประวัติแกตั้งแต่วันแรกที่วางขายใน Amazon, อ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Steve Jobs หรือแม้กระทั่ง Woz ผมก็ยังซื้อหนังสือแกมาอ่าน (แต่อ่านไปได้แค่ครึ่งเล่ม เพราะไม่ค่อยชอบสไตล์การเขียน) และตอนนี้กำลังอ่านหนังสือประวัติของ Jonathan Ive วิศวกรออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Apple อยู่
Why Surface? Why not iPad Air?
ตั้งแต่ที่ Microsoft เปิดตัว Surface ตัวแรก ผมก็อยากใช้แล้วครับ เพราะ “ในมุมมองของผม” มันคือนิยามของแทบเล็ตที่ควรจะเป็น แต่ตอนนั้น ผมเลือกที่จะรอ iPad ตัวใหม่ๆมากกว่า ส่วนหนึ่งเพราะเดาว่าไมโครซอฟต์จัดหนักอย่างงี้รอบหน้า Apple มาแรงแน่นอน เลยยังไม่ตัดสินใจซื้อ
แต่หลังจากที่ Apple ได้ประกาศเปิดตัว iPad Air นั้น “ส่วนตัวแล้ว”ผมค่อนข้างผิดหวังครับ รอบนี้เลยกลับกลายเป็น Surface เสียซะมากกว่าที่ได้ใจผมไป พอมาวันนี้ได้มีโอกาสซื้อ ก็เลยขอรีวิวหน่อยครับ
*เกริ่นก่อนว่า Surface 2 จะมีสองรุ่น คือ Surface 2 และ Surface pro 2 ซึ่งรุ่น pro นั้นจะสามารถรัน Application ทั่วไปได้ เหมือนกับ Notebook เครื่องหนึ่ง แต่รุ่น Surface 2 จะลงได้แต่ Application บน Windows App Store เท่านั้นครับ
ราคา
ผมอยู่อเมริกา เลยค่อนข้างหาซื้อได้ง่ายหน่อย ผมไปซื้อมาจาก Microsoft Store ครับ พนักงานพูดจาดี คุยเก่ง บริการดีครับ ส่วนเรื่องราคาเป็นไปตามนี้ครับ
- Surface 2 32 Gb จากราคาเต็ม $449 ใช้สิทธิ์ นศ ลดไปอีก 10% เหลือ $405 ราคานี้รวม Microsoft Office ของแท้ทั้งเซ็ต + Outlook + Skype unlimited free call 1 ปี + Skydrive 200 Gb อีก 2 ปี นะครับ
- Type Cover 2 $129 ลดไปอีก 10% เหลือ $116
- Touch Cover แถมฟรี (มูลค่าประมาณ $80) เป็นโปรโมชั่นของที่นี่ครับ
ผมเอา iPad ไป trade-in จาก $521 ก็เหลือประมาณ $321 ครับ แต่ถ้าเทียบราคาเต็มแล้ว ($521) จะเห็นว่าพอๆกับ iPad air Wifi 16 Gb ($499) เลย แต่อันนี้คุ้มค่ากว่า
อุปกรณ์
อุปกรณ์ที่มีให้ก็ตามนี้ครับ
- Surface 2 32 Gb
- Charger
- Unlimited Skype package 1 ปี ทำให้สามารถใช้ Skype โทรเข้า โทรศัพท์บ้านได้ทั่วโลก และมือถือได้อีก 8 ประเทศครับ (มีไทยด้วย)
- 200 Gb Skydrive 2 ปี
- คู่มือ
ดีไซน์
ความหนาของตัวเครื่อง+type cover 2 เมื่อเทียบกับ Macbook Air ก็ประมาณนี้ครับ น้ำหนักเมื่อรวม Type Cover 2 แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 0.9 Kg ครับ ส่วน MBA 13’ อยู่ที่ 1.36 Kg ส่วนหนึ่งเพราะขนาดจอที่เล็กกว่า ส่วนเรื่องการประกอบ/วัสดุ ผมให้เต็มสิบครับ เกรดเดียวกับพวก iOS device ทั้งหลายเลย
ฝั่งด้านขวาก็มี รูลำโพง, พอร์ตสำหรับต่อออกจอนอก, พอร์ต usb3, และที่เสียบสายชาร์ต (เป็นแม่เหล็ก แต่คุณภาพยังห่างชั้นกับพวก Macbook)
ด้านซ้ายก็จะมี รูลำโพงอีกข้าง, ช่องเสียบหูฟัง, ปุ่มปรับเสียง
Surface 2 มีจุดเด่นหลักๆที่ต่างจากรุ่นแรกคือ แท่นด้านหลังมันสามารถปรับได้สองระดับครับ ทำให้เราสามารถใช้บนตักได้ (ผมลองแล้วสามารถใช้ได้จริงตามที่โม้ไว้)
พอเสียบชาร์ตมันก็จะมีไฟสีขาวๆแบบนี้ และไม่สามารถเปลี่ยนสีได้ (ไม่เหมือนกับพวก Macbook ที่จะเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีเขียวถ้าชาร์ตเต็ม) ไฟสีขาวนะครับ ในรูปสีมันเพี๊ยน
ด้านหลังก็มีช่องเล็กๆไว้เสียบ MicroSD ครับ ผมชอบตรงนี้มากเพราะเค้าออกแบบมาให้มันอยู่ด้านหลังใต้บานพับ เหมาะกับพวกที่ไม่ต้องการถอดเข้าถอดออกบ่อย
Type Cover 2
ต่อกันด้วยเรื่อง Type Cover 2 หลักๆที่ต่างจากรุ่นแรกคือ รอบนี้มีไฟ backlit ไว้ใช้ตอนกลางคืนครับ มันจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจสอบสภาพแสงอันโนมัติ แต่ที่ฉลาดกว่านั้นคือเจ้าไฟตัวนี้มันจะดับไปเองถ้าคุณไม่ได้ไปทำอะไรกับมัน เพื่อรักษาแบตเตอรี่ของ Surface (ตัวคีย์บอร์ดใช้พลังงานจาก Surface นะครับ) แต่เพียงแค่คุณเอามือไป ‘วาง’ เพื่อที่จะเตรียมตัวพิมพ์ ไฟมันจะติดขึ้นมาโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องกดปุ่มอะไรเลยครับ ตรงนี้ชอบมากเพราะ Microsoft เริ่มหันมาให้ความสนใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แล้ว อีกเรื่องหนึ่งก็คือทาง Microsoft ได้ปรับปรุงในส่วนของการพิมพ์ด้วย ทำให้เสียงเงียบขึ้น สัมผัสนุ่มขึ้นครับ
กล้อง
ตัวนี้มีกล้องหน้า (3.5ล้าน) กล้องหลัง (5ล้าน) มาให้ครับ แต่ผมไม่ได้เทสครับ เพราะดึกแล้ว แต่ลองถ่ายดูคร่าวๆ สรุปคืออย่าไปคาดหวังมากครับ รูปออกมาปานกลางค่อนไปทางแย่ เทียบ iPad Air ไม่ติด ปกติผมไม่ได้ใช้ tablet ถ่ายรูปอยู่แล้วเลยไม่ค่อยสนเท่าไหร่
สรุป
ข้อดี
1. ทำได้อย่างที่แท๊ปเล็ต (ในอุดมคติของผม) ควรจะเป็น และถ้าเข้า Desktop Mode มันก็คือ Windows ดีๆนี่แหล่ะครับ
2. ราคาคุ้มค่ามาก เพราะแถม MS Office, Touch Cover, Skydrive, Skype unlimited account
3. Multitasking ได้ แบ่งหน้าจอทำงานสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน
4. วัสดุดีมาก งานประกอบเนี๊ยบ
5. Type Cover 2 เจ๋งดี
6. มี USB 3.0, Stereo speakers, MicroSD slot
7. แอปตัวอื่นๆที่แถมมาให้ สามารถใช้งานได้จริง และออกแบบได้สวยงามครับ
ข้อเสีย
1. Touch pad ที่มากับคีย์บอร์ด ห่วยมากครับ ถ้าใช้ขำๆพอได้ แต่ถ้าใช้จริงจังนี่หาเมาส์มาต่อ หรือ Bluetooth mouse มาใช้ดีกว่า
2. อัตราส่วนของจอไม่เหมาะกับใช้แนวตั้งครับ มันดูตลก –‘
3. แอปบน Store ยังน้อยอยู่ พวกที่มีก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่
4. ยังมีหน่วงให้เห็นบ้างนิดหน่อย ถ้าเป็นคนไม่ได้กดเร็วใจร้อนแบบผมก็ไม่มีปัญหาครับ
5. กล้องห่วย
เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่มี iPad อยู่แล้วแต่หลักๆใช้เล่นเว็บ เช็คเมล์ ไม่ได้ใช้แอปเยอะเท่าไหร่ และไม่ได้ใช้ tablet ถ่ายรูปเป็นกิจลักษณะ ผมว่า Surface 2 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียวครับ เพราะคุณได้ MS.Office ด้วย
ความคิดเห็นส่วนตัว
เมื่อเทียบกับ iPad แล้ว ผมค่อนข้างถูกใจกับ Surface มากกว่าครับ ตามที่ได้กล่าวไว้ แต่ถ้านับในส่วนของโน๊ตบุค กับมือถือ ผมยังให้ Apple เป็นที่หนึ่งอยู่ ผมอยากให้คนที่คิดเหมือนผม และกำลังจะซื้อ iPad ลองไปเล่น Surface ดูก่อนครับ ใช้เวลาอยู่กับมันสักพัก ผมเชื่อว่าคุณจะชอบมันครับ
ลองดูคลิปนี้ประกอบการตัดสินใจครับ รับรองว่าคุณต้องอยากได้
Review Surface 2 ... รอบนี้นายสุดยอดมาก Microsoft
ขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะครับว่าผมเป็นสาวก Apple อย่างเต็มตัว ซื้ออุปกรณ์มาหลายชิ้นแล้ว ล่าสุดก็
- Macbook Air 13’ ปี 2013 เปลี่ยน CPU i7, เพิ่ม ram 8Gb, SSD 512 Gb เต็มเหนี่ยว เพราะชอบ Mac อยู่แล้ว
- ใช้ iPad มาตั้งแต่รุ่นแรกที่มันออกเลย เปลี่ยนมาสองรุ่น บอกตามตรงว่าอันนี้ซื้อเพราะกิเลสล้วนๆครับ
- โทรศัพท์ตอนนี้ยังเป็น iphone5 อยู่ครับ ส่วน Android ผมเคยลองใช้แต่รุ่นราคาไม่สูงมาก ขอไม่แสดงความคิดเห็นละกัน
- ชอบ Steve Jobs มาก อ่านหนังสือประวัติแกตั้งแต่วันแรกที่วางขายใน Amazon, อ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Steve Jobs หรือแม้กระทั่ง Woz ผมก็ยังซื้อหนังสือแกมาอ่าน (แต่อ่านไปได้แค่ครึ่งเล่ม เพราะไม่ค่อยชอบสไตล์การเขียน) และตอนนี้กำลังอ่านหนังสือประวัติของ Jonathan Ive วิศวกรออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Apple อยู่
Why Surface? Why not iPad Air?
ตั้งแต่ที่ Microsoft เปิดตัว Surface ตัวแรก ผมก็อยากใช้แล้วครับ เพราะ “ในมุมมองของผม” มันคือนิยามของแทบเล็ตที่ควรจะเป็น แต่ตอนนั้น ผมเลือกที่จะรอ iPad ตัวใหม่ๆมากกว่า ส่วนหนึ่งเพราะเดาว่าไมโครซอฟต์จัดหนักอย่างงี้รอบหน้า Apple มาแรงแน่นอน เลยยังไม่ตัดสินใจซื้อ
แต่หลังจากที่ Apple ได้ประกาศเปิดตัว iPad Air นั้น “ส่วนตัวแล้ว”ผมค่อนข้างผิดหวังครับ รอบนี้เลยกลับกลายเป็น Surface เสียซะมากกว่าที่ได้ใจผมไป พอมาวันนี้ได้มีโอกาสซื้อ ก็เลยขอรีวิวหน่อยครับ
*เกริ่นก่อนว่า Surface 2 จะมีสองรุ่น คือ Surface 2 และ Surface pro 2 ซึ่งรุ่น pro นั้นจะสามารถรัน Application ทั่วไปได้ เหมือนกับ Notebook เครื่องหนึ่ง แต่รุ่น Surface 2 จะลงได้แต่ Application บน Windows App Store เท่านั้นครับ
ราคา
ผมอยู่อเมริกา เลยค่อนข้างหาซื้อได้ง่ายหน่อย ผมไปซื้อมาจาก Microsoft Store ครับ พนักงานพูดจาดี คุยเก่ง บริการดีครับ ส่วนเรื่องราคาเป็นไปตามนี้ครับ
- Surface 2 32 Gb จากราคาเต็ม $449 ใช้สิทธิ์ นศ ลดไปอีก 10% เหลือ $405 ราคานี้รวม Microsoft Office ของแท้ทั้งเซ็ต + Outlook + Skype unlimited free call 1 ปี + Skydrive 200 Gb อีก 2 ปี นะครับ
- Type Cover 2 $129 ลดไปอีก 10% เหลือ $116
- Touch Cover แถมฟรี (มูลค่าประมาณ $80) เป็นโปรโมชั่นของที่นี่ครับ
ผมเอา iPad ไป trade-in จาก $521 ก็เหลือประมาณ $321 ครับ แต่ถ้าเทียบราคาเต็มแล้ว ($521) จะเห็นว่าพอๆกับ iPad air Wifi 16 Gb ($499) เลย แต่อันนี้คุ้มค่ากว่า
อุปกรณ์
อุปกรณ์ที่มีให้ก็ตามนี้ครับ
- Surface 2 32 Gb
- Charger
- Unlimited Skype package 1 ปี ทำให้สามารถใช้ Skype โทรเข้า โทรศัพท์บ้านได้ทั่วโลก และมือถือได้อีก 8 ประเทศครับ (มีไทยด้วย)
- 200 Gb Skydrive 2 ปี
- คู่มือ
ดีไซน์
ความหนาของตัวเครื่อง+type cover 2 เมื่อเทียบกับ Macbook Air ก็ประมาณนี้ครับ น้ำหนักเมื่อรวม Type Cover 2 แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 0.9 Kg ครับ ส่วน MBA 13’ อยู่ที่ 1.36 Kg ส่วนหนึ่งเพราะขนาดจอที่เล็กกว่า ส่วนเรื่องการประกอบ/วัสดุ ผมให้เต็มสิบครับ เกรดเดียวกับพวก iOS device ทั้งหลายเลย
ฝั่งด้านขวาก็มี รูลำโพง, พอร์ตสำหรับต่อออกจอนอก, พอร์ต usb3, และที่เสียบสายชาร์ต (เป็นแม่เหล็ก แต่คุณภาพยังห่างชั้นกับพวก Macbook)
ด้านซ้ายก็จะมี รูลำโพงอีกข้าง, ช่องเสียบหูฟัง, ปุ่มปรับเสียง
Surface 2 มีจุดเด่นหลักๆที่ต่างจากรุ่นแรกคือ แท่นด้านหลังมันสามารถปรับได้สองระดับครับ ทำให้เราสามารถใช้บนตักได้ (ผมลองแล้วสามารถใช้ได้จริงตามที่โม้ไว้)
พอเสียบชาร์ตมันก็จะมีไฟสีขาวๆแบบนี้ และไม่สามารถเปลี่ยนสีได้ (ไม่เหมือนกับพวก Macbook ที่จะเปลี่ยนจากสีส้มเป็นสีเขียวถ้าชาร์ตเต็ม) ไฟสีขาวนะครับ ในรูปสีมันเพี๊ยน
ด้านหลังก็มีช่องเล็กๆไว้เสียบ MicroSD ครับ ผมชอบตรงนี้มากเพราะเค้าออกแบบมาให้มันอยู่ด้านหลังใต้บานพับ เหมาะกับพวกที่ไม่ต้องการถอดเข้าถอดออกบ่อย
Type Cover 2
ต่อกันด้วยเรื่อง Type Cover 2 หลักๆที่ต่างจากรุ่นแรกคือ รอบนี้มีไฟ backlit ไว้ใช้ตอนกลางคืนครับ มันจะมีเซ็นเซอร์คอยตรวจสอบสภาพแสงอันโนมัติ แต่ที่ฉลาดกว่านั้นคือเจ้าไฟตัวนี้มันจะดับไปเองถ้าคุณไม่ได้ไปทำอะไรกับมัน เพื่อรักษาแบตเตอรี่ของ Surface (ตัวคีย์บอร์ดใช้พลังงานจาก Surface นะครับ) แต่เพียงแค่คุณเอามือไป ‘วาง’ เพื่อที่จะเตรียมตัวพิมพ์ ไฟมันจะติดขึ้นมาโดยอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องกดปุ่มอะไรเลยครับ ตรงนี้ชอบมากเพราะ Microsoft เริ่มหันมาให้ความสนใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้แล้ว อีกเรื่องหนึ่งก็คือทาง Microsoft ได้ปรับปรุงในส่วนของการพิมพ์ด้วย ทำให้เสียงเงียบขึ้น สัมผัสนุ่มขึ้นครับ
กล้อง
ตัวนี้มีกล้องหน้า (3.5ล้าน) กล้องหลัง (5ล้าน) มาให้ครับ แต่ผมไม่ได้เทสครับ เพราะดึกแล้ว แต่ลองถ่ายดูคร่าวๆ สรุปคืออย่าไปคาดหวังมากครับ รูปออกมาปานกลางค่อนไปทางแย่ เทียบ iPad Air ไม่ติด ปกติผมไม่ได้ใช้ tablet ถ่ายรูปอยู่แล้วเลยไม่ค่อยสนเท่าไหร่
สรุป
ข้อดี
1. ทำได้อย่างที่แท๊ปเล็ต (ในอุดมคติของผม) ควรจะเป็น และถ้าเข้า Desktop Mode มันก็คือ Windows ดีๆนี่แหล่ะครับ
2. ราคาคุ้มค่ามาก เพราะแถม MS Office, Touch Cover, Skydrive, Skype unlimited account
3. Multitasking ได้ แบ่งหน้าจอทำงานสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน
4. วัสดุดีมาก งานประกอบเนี๊ยบ
5. Type Cover 2 เจ๋งดี
6. มี USB 3.0, Stereo speakers, MicroSD slot
7. แอปตัวอื่นๆที่แถมมาให้ สามารถใช้งานได้จริง และออกแบบได้สวยงามครับ
ข้อเสีย
1. Touch pad ที่มากับคีย์บอร์ด ห่วยมากครับ ถ้าใช้ขำๆพอได้ แต่ถ้าใช้จริงจังนี่หาเมาส์มาต่อ หรือ Bluetooth mouse มาใช้ดีกว่า
2. อัตราส่วนของจอไม่เหมาะกับใช้แนวตั้งครับ มันดูตลก –‘
3. แอปบน Store ยังน้อยอยู่ พวกที่มีก็ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่
4. ยังมีหน่วงให้เห็นบ้างนิดหน่อย ถ้าเป็นคนไม่ได้กดเร็วใจร้อนแบบผมก็ไม่มีปัญหาครับ
5. กล้องห่วย
เหมาะกับใคร?
เหมาะกับคนที่มี iPad อยู่แล้วแต่หลักๆใช้เล่นเว็บ เช็คเมล์ ไม่ได้ใช้แอปเยอะเท่าไหร่ และไม่ได้ใช้ tablet ถ่ายรูปเป็นกิจลักษณะ ผมว่า Surface 2 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียวครับ เพราะคุณได้ MS.Office ด้วย
ความคิดเห็นส่วนตัว
เมื่อเทียบกับ iPad แล้ว ผมค่อนข้างถูกใจกับ Surface มากกว่าครับ ตามที่ได้กล่าวไว้ แต่ถ้านับในส่วนของโน๊ตบุค กับมือถือ ผมยังให้ Apple เป็นที่หนึ่งอยู่ ผมอยากให้คนที่คิดเหมือนผม และกำลังจะซื้อ iPad ลองไปเล่น Surface ดูก่อนครับ ใช้เวลาอยู่กับมันสักพัก ผมเชื่อว่าคุณจะชอบมันครับ
ลองดูคลิปนี้ประกอบการตัดสินใจครับ รับรองว่าคุณต้องอยากได้