Happy Birthday และสุขสันต์วันเกิดไรอัน กิกส์ครบ 40 ปีในวันนี้ครับ ไม่น่าเชื่อเลยสำหรับนักเตะในวัย
ขนาดนี้จะยังคงเล่นได้ดี แทบจะเรียกได้ว่าดีที่สุดและเด่นมากในแดนกลางของเกมถล่มเลเวอร์คูเซ่นเละเทะคาไบอารีน่า
เลยทีเดียว ซึ่งแทบจะเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลยความจริงสักเท่าไรเลยที่ มอยส์กล่าวว่า กิกส์เป็นนักเตะที่เก่งและเทคนิคดีลำดับ
ต้น ๆ ในทีมเลย เพราะถ้ามองข้ามอายุของกิกส์ไป กิกส์คือนักเตะที่มีไหวพริบดีเป็นเลิศ และมองเกมทะลุปรุโปร่ง ส่วนนี้
คงได้มาจากการลงเล่นมากว่า 24 ปีนั่นเอง #HBD_Ryan_Giggs_11
กลับมามองย้อนไปดูเกมเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา เกมที่ผมเองยังยอมรับว่าก่อนเริ่มเกมนั้น ถ้าแมนยูแค่เสมอออกมาได้
ก็ดีใจแล้ว แต่พอมาดูผลย้อนหลัง ปรากฎถึงกับช็อคเพราะยิงกันได้ไง ถึง 5 - 0 แถมเป็นทีมเยือนด้วย เลยหาแมตซ์ดูย้อนหลังแทบไม่
ทัน และก็พบว่าเล่นได้ดีจริง ๆ โดยมีคีย์แมนของเกม คือ คากาวะ กิกส์ และรูนีย์ นั่นเองแมนยูส่งผู้เล่น 11 ตัวจริง อย่างเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เมื่อไม่มี Robin Van Persie ยืนเป็นกองหน้าโดย เวนย์ รูนีย์ เป็นหน้าเป้า ทำให้ก่อนเริ่มเกมหลายฝ่ายโดยเฉพาะแฟน ๆ คงกังวลเป็นแน่แท้
นอกนั้นในตำแหน่งอื่น ๆ กองกลางคู่เกมนี้ได้ ฟิล โจนส์ หายเจ็บมาลงพอดี โดยจับคู่กับกิกส์ประสานเกมในแดนกลาง ปีกซ้าย
ขวา เป็นนานี่และวาเลนเซีย ส่วนหน้าต่ำเป็น คากาวะ ที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งถนัด และในประเทศที่เค้าเคยแจ้งเกิดมาแล้ว
นั่นคือ ลีกบุนเดสลีกานั่นเอง และกองหลังวันนี้ได้ริโอประสานกับอีแวนส์ ซึ่งช่วงนี้ถือว่าอีแวนส์เป็นตัวหลักในแผงหลังไปแล้ว
และเช่นเคย เอฟร่า ได้ลงแบ็กซ้ายตลอดกาลเพราะไม่มีใครเปลี่ยนแทนที่ไว้ใจได้ดีเท่าเค้าแล้ว ส่วนแบ็คขวา สมอลลิ่ง ที่ยิ่งเล่น
ยิ่งพัฒนาฟอร์มได้ดีมากขึ้น บวกกับมีความแข็งแกร่งในเกมรับอยู่แล้ว ทำให้เบียดราฟาเอลสำรองยาวเลย และแน่นอน เด เกอา ลงเป็น
ผู้รักษาประตูตัวจริงเหมือนเคย
เริ่มเกมมาช่วง 10 นาทีแรก เป็นแมนยูที่มีรูปเกมดูดีกว่าส่วนหนึ่งมาจากการประสานงานที่ลงตัวของ ไรอัน กิกส์
ที่วันนี้กลับมาเล่นในบทบาทของ คาร์ริค ที่คอยเชื่อมเกม จ่ายบอลให้เพื่อน ซึ่งกิกส์เองมีทีเด็ดจากการจ่ายลูกสวย ๆ อยู่แล้ว ทำให้
การเล่นที่มีคากาวะเป็นหน้าต่ำยิ่งโดดเด่นเข้าไปใหญ่ เห็นได้จาก แค่นาทีแรก คากาวะที่ได้เล่นหน้าต่ำก็จ่ายทะลุ ให้รูนีย์เข้าไปยิง แต่
เสียดายล้ำหน้าไปนิดเดียว เห็นได้ว่ารูปเกมที่มีคากาวะเป็นเพลย์เมคเกอร์หลังกองหน้าแล้วจะทำให้บอลไม่ตันและสามารถฝากบอล
ไว้ให้คากาวะได้ ซึ่งจะให้คากาวะคอยพักบอลจ่ายให้เพื่อน จุดนี้เป็นจุดเด่นของคากาวะเลยทีเดียว สำหรับพื้นที่เด็ดขาด บริเวณ
หัวกะโหลกหน้ากรอบเขตโทษ
สุดท้ายแล้ว แฟน ๆ ก็ไม่ผิดหวังเมื่อเป็นคากาวะนั่นเองที่แย่งและพลิกบอลจากจังหวะตั้งรับของทีมพาบอลขึ้นมา
และจ่ายอย่างฉลาดไปฝากไว้ที่กิกส์ ซึ่งกิกส์ก็ตาไวพอที่จะเห็นรูนีย์ที่วิ่งขึ้นไปทางซ้ายก่อนแล้ว จึงจ่ายไปให้รูนีย์ปล่อยไม้ตายทีเด็ด
คือ ท่าโยนด้วยเท้าขวาจากฟากซ้ายของกรอบเขตโทษ เข้าไปจุดนัดพบที่มีคากาวะรอโหม่งอยู่ แต่บอลเลยคากาวะไป ตอนแรก
นึกว่าจะออกแล้ว แต่ที่ไหนได้มี Mr.อันโตนิโอ ของพวกเรา วิ่งเข้ามาชาร์จเบียดโคนเสาแรกเข้าประตูไปสวยงาม พาปีศาจแดง
ออกนำไปก่อนในช่วงนาทีที่ 22 (ต้องยอมรับว่าจังหวะได้ประตูนี้ จะสวยกว่านี้มาก ถ้าเป็นคากาวะที่ทำเกมขึ้นมา โหม่งลูกโยนของ
รูนีย์เข้าไปได้)
พอเล่นไปได้สักพัก เกมของแมนยูยิ่งได้เปรียบเข้าไปอีก เพราะกองหลังเลเวอร์มาพลาดโหม่งเข้าประตูตัวเองไป
ทำให้ก่อนหมดครึ่งแรก แมนยู หนีไปเป็น 2 - 0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ ทำให้ครึ่งหลังเล่นง่ายขึ้นเยอะเลย (แต่อย่าประมาทไป
แมตซ์ก่อนเจอคาร์ดิฟฟ์ ก็ได้ประตูก่อนหมดครึ่งแรก ขึ้นนำ นึกว่าครึ่งหลังจะเล่นง่าย สุดท้ายเสมอซะงั้น อิอิอิ)
เปิดเกม ครึ่งหลังมา ก็ยังคงเป็นแมนยูที่ครองเกมได้ดีกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีโจนส์ด้วยนั่นเอง ทำให้เล่นไป
เรื่อย ๆ ทางแมนยูที่มีทีเด็ดทีขาดมากกว่าจึงมาบวกประตูจากลูกเซตพีซที่กองหลังอย่างอีแวนส์มาทำประตูได้จากจังหวะซ้ำลูกยิง
ของรูนีย์เข้าไป อย่างใจเย็น (แทบจะเลี้ยงเข้าประตูกันทีเดียวลูกนี้ ^ ^)
พอเกมขาดอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้นทำให้จังหวะที่แมนยูทำเกมบุกขึ้นมามีสมอลลิ่ง ที่วิ่งแลบมาตอนไหนไม่ทราบได้ ซ้ำลูกยกข้ามหัวของรูนีย์เข้าไป สักพักนานี่ก็เลี้ยงหลบประตูเข้าไปยิงให้ทีมนำ เป็น 4-0 และ 5-0 ตามลำดับ ทำให้จบเกมอย่างเหลือเชื่อที่ทีมเราจะ
ไปคว้าชัยชนะนอกบ้านได้ถล่มขนาดนี้
สิ่งที่ได้จากเกมนี้
- แน่นอนเป็นคากาวะ แต่ในพรีเมียร์ลีกคงต้องคาดหวังให้กรรมการช่วยคุ้มครองนักเตะอย่างคากาวะมากกว่านี้ เพราะ
ใน UCL โดนเตะล้มแล้วได้ฟาวล์ แต่ในพรีเมียร์ลีกหลายครั้งที่คากาวะโดนเตะล้ม แต่กรรมการไม่เป่าฟาวล์ นั่นยังเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้ทีมเราเสียการครองบอลและโดนสวนกลับด้วยนั่นเอง
- แผงกองกลางแน่นอนแล้วว่า มอยส์ต้องการกองกลางที่จ่ายบอลได้ดีและคมในแดนกลางเป็นอย่างมาก ถึงได้ตามล่า
เชส ฟาเบรกาสอย่างเป็นมหากาพย์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และกองกลางคู่ที่ไล่บอลดีและตัดเกมส์ได้ดีอย่าง โจนส์ (หรือ พีต้าแห่ง
The Hunger Games # Catching Fire นั่นเอง อิอิอิ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/31301769) ซึ่งจะเห็นได้ว่าความลงตัวในแท็กติกของมอยส์ที่ได้นักเตะที่ตรงกับแผนการเล่นเข้าไป ทำให้เกมก็ออกมาตามที่เป้าหมายวางไว้ด้วยครับ #สุดยอดดด #Moyes_tactics
- แผงหลังอย่างที่เคยกล่าวไว้หลาย ๆ ครั้งว่าควรจะซื้อดาวรุ่ง หรือดันดาวรุ่งจากอคาเดมี่มาเสริมได้แล้ว เพราะวิดิชเจ็บบ่อย
ทำให้เหลืออีแวนส์เป็นตัวหลักคนเดียว ขณะที่ริโอสภาพร่างกายก็ไม่ไหว รวมถึงการจ่ายบอลจากแดนหลังที่ผิดพลาดและความแม่นยำ
หายไปเยอะมากแล้วด้วย
- ถ้าเพอร์ซี่หรือรูนีย์ไม่พร้อมเล่นหน้าคู่กัน ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คากาวะยืนปั้นเกมเป็นหน้าต่ำ เพราะฟอร์มการเล่นระดับ
เวิลด์คลาสของเค้าเพียงพอที่จะยกระดับการเล่นให้ทีมและเพื่อนร่วมทีมด้วย
- นานี่ยังคงเป็นตัวทีเด็ดและปีกที่เก่งที่สุดในทีม ถ้าหากให้ได้เล่นเข้าแท็กติกที่มอยส์พร้อมจะรีดศักยภาพออกให้ได้มากที่สุด
แล้วล่ะก็ ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นนานี่ร่างอวตาร หรืออันแดร์สันร่างอวตารด้วยก็เป็นได้ (แม้จะเป็นสิ่งที่เลือนรางมาก ๆ ก็ตามที ^ ^ )
สู้ต่อไปครับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
In Moyes, We trust
ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาจากความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่งจากชายผู้นี้ Ryan Giggs
ขนาดนี้จะยังคงเล่นได้ดี แทบจะเรียกได้ว่าดีที่สุดและเด่นมากในแดนกลางของเกมถล่มเลเวอร์คูเซ่นเละเทะคาไบอารีน่า
เลยทีเดียว ซึ่งแทบจะเป็นคำพูดที่ไม่เกินเลยความจริงสักเท่าไรเลยที่ มอยส์กล่าวว่า กิกส์เป็นนักเตะที่เก่งและเทคนิคดีลำดับ
ต้น ๆ ในทีมเลย เพราะถ้ามองข้ามอายุของกิกส์ไป กิกส์คือนักเตะที่มีไหวพริบดีเป็นเลิศ และมองเกมทะลุปรุโปร่ง ส่วนนี้
คงได้มาจากการลงเล่นมากว่า 24 ปีนั่นเอง #HBD_Ryan_Giggs_11
กลับมามองย้อนไปดูเกมเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา เกมที่ผมเองยังยอมรับว่าก่อนเริ่มเกมนั้น ถ้าแมนยูแค่เสมอออกมาได้
ก็ดีใจแล้ว แต่พอมาดูผลย้อนหลัง ปรากฎถึงกับช็อคเพราะยิงกันได้ไง ถึง 5 - 0 แถมเป็นทีมเยือนด้วย เลยหาแมตซ์ดูย้อนหลังแทบไม่
ทัน และก็พบว่าเล่นได้ดีจริง ๆ โดยมีคีย์แมนของเกม คือ คากาวะ กิกส์ และรูนีย์ นั่นเองแมนยูส่งผู้เล่น 11 ตัวจริง อย่างเซอร์ไพรส์เล็กน้อย เมื่อไม่มี Robin Van Persie ยืนเป็นกองหน้าโดย เวนย์ รูนีย์ เป็นหน้าเป้า ทำให้ก่อนเริ่มเกมหลายฝ่ายโดยเฉพาะแฟน ๆ คงกังวลเป็นแน่แท้
นอกนั้นในตำแหน่งอื่น ๆ กองกลางคู่เกมนี้ได้ ฟิล โจนส์ หายเจ็บมาลงพอดี โดยจับคู่กับกิกส์ประสานเกมในแดนกลาง ปีกซ้าย
ขวา เป็นนานี่และวาเลนเซีย ส่วนหน้าต่ำเป็น คากาวะ ที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งถนัด และในประเทศที่เค้าเคยแจ้งเกิดมาแล้ว
นั่นคือ ลีกบุนเดสลีกานั่นเอง และกองหลังวันนี้ได้ริโอประสานกับอีแวนส์ ซึ่งช่วงนี้ถือว่าอีแวนส์เป็นตัวหลักในแผงหลังไปแล้ว
และเช่นเคย เอฟร่า ได้ลงแบ็กซ้ายตลอดกาลเพราะไม่มีใครเปลี่ยนแทนที่ไว้ใจได้ดีเท่าเค้าแล้ว ส่วนแบ็คขวา สมอลลิ่ง ที่ยิ่งเล่น
ยิ่งพัฒนาฟอร์มได้ดีมากขึ้น บวกกับมีความแข็งแกร่งในเกมรับอยู่แล้ว ทำให้เบียดราฟาเอลสำรองยาวเลย และแน่นอน เด เกอา ลงเป็น
ผู้รักษาประตูตัวจริงเหมือนเคย
เริ่มเกมมาช่วง 10 นาทีแรก เป็นแมนยูที่มีรูปเกมดูดีกว่าส่วนหนึ่งมาจากการประสานงานที่ลงตัวของ ไรอัน กิกส์
ที่วันนี้กลับมาเล่นในบทบาทของ คาร์ริค ที่คอยเชื่อมเกม จ่ายบอลให้เพื่อน ซึ่งกิกส์เองมีทีเด็ดจากการจ่ายลูกสวย ๆ อยู่แล้ว ทำให้
การเล่นที่มีคากาวะเป็นหน้าต่ำยิ่งโดดเด่นเข้าไปใหญ่ เห็นได้จาก แค่นาทีแรก คากาวะที่ได้เล่นหน้าต่ำก็จ่ายทะลุ ให้รูนีย์เข้าไปยิง แต่
เสียดายล้ำหน้าไปนิดเดียว เห็นได้ว่ารูปเกมที่มีคากาวะเป็นเพลย์เมคเกอร์หลังกองหน้าแล้วจะทำให้บอลไม่ตันและสามารถฝากบอล
ไว้ให้คากาวะได้ ซึ่งจะให้คากาวะคอยพักบอลจ่ายให้เพื่อน จุดนี้เป็นจุดเด่นของคากาวะเลยทีเดียว สำหรับพื้นที่เด็ดขาด บริเวณ
หัวกะโหลกหน้ากรอบเขตโทษ
สุดท้ายแล้ว แฟน ๆ ก็ไม่ผิดหวังเมื่อเป็นคากาวะนั่นเองที่แย่งและพลิกบอลจากจังหวะตั้งรับของทีมพาบอลขึ้นมา
และจ่ายอย่างฉลาดไปฝากไว้ที่กิกส์ ซึ่งกิกส์ก็ตาไวพอที่จะเห็นรูนีย์ที่วิ่งขึ้นไปทางซ้ายก่อนแล้ว จึงจ่ายไปให้รูนีย์ปล่อยไม้ตายทีเด็ด
คือ ท่าโยนด้วยเท้าขวาจากฟากซ้ายของกรอบเขตโทษ เข้าไปจุดนัดพบที่มีคากาวะรอโหม่งอยู่ แต่บอลเลยคากาวะไป ตอนแรก
นึกว่าจะออกแล้ว แต่ที่ไหนได้มี Mr.อันโตนิโอ ของพวกเรา วิ่งเข้ามาชาร์จเบียดโคนเสาแรกเข้าประตูไปสวยงาม พาปีศาจแดง
ออกนำไปก่อนในช่วงนาทีที่ 22 (ต้องยอมรับว่าจังหวะได้ประตูนี้ จะสวยกว่านี้มาก ถ้าเป็นคากาวะที่ทำเกมขึ้นมา โหม่งลูกโยนของ
รูนีย์เข้าไปได้)
พอเล่นไปได้สักพัก เกมของแมนยูยิ่งได้เปรียบเข้าไปอีก เพราะกองหลังเลเวอร์มาพลาดโหม่งเข้าประตูตัวเองไป
ทำให้ก่อนหมดครึ่งแรก แมนยู หนีไปเป็น 2 - 0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ ทำให้ครึ่งหลังเล่นง่ายขึ้นเยอะเลย (แต่อย่าประมาทไป
แมตซ์ก่อนเจอคาร์ดิฟฟ์ ก็ได้ประตูก่อนหมดครึ่งแรก ขึ้นนำ นึกว่าครึ่งหลังจะเล่นง่าย สุดท้ายเสมอซะงั้น อิอิอิ)
เปิดเกม ครึ่งหลังมา ก็ยังคงเป็นแมนยูที่ครองเกมได้ดีกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีโจนส์ด้วยนั่นเอง ทำให้เล่นไป
เรื่อย ๆ ทางแมนยูที่มีทีเด็ดทีขาดมากกว่าจึงมาบวกประตูจากลูกเซตพีซที่กองหลังอย่างอีแวนส์มาทำประตูได้จากจังหวะซ้ำลูกยิง
ของรูนีย์เข้าไป อย่างใจเย็น (แทบจะเลี้ยงเข้าประตูกันทีเดียวลูกนี้ ^ ^)
พอเกมขาดอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้นทำให้จังหวะที่แมนยูทำเกมบุกขึ้นมามีสมอลลิ่ง ที่วิ่งแลบมาตอนไหนไม่ทราบได้ ซ้ำลูกยกข้ามหัวของรูนีย์เข้าไป สักพักนานี่ก็เลี้ยงหลบประตูเข้าไปยิงให้ทีมนำ เป็น 4-0 และ 5-0 ตามลำดับ ทำให้จบเกมอย่างเหลือเชื่อที่ทีมเราจะ
ไปคว้าชัยชนะนอกบ้านได้ถล่มขนาดนี้
สิ่งที่ได้จากเกมนี้
- แน่นอนเป็นคากาวะ แต่ในพรีเมียร์ลีกคงต้องคาดหวังให้กรรมการช่วยคุ้มครองนักเตะอย่างคากาวะมากกว่านี้ เพราะ
ใน UCL โดนเตะล้มแล้วได้ฟาวล์ แต่ในพรีเมียร์ลีกหลายครั้งที่คากาวะโดนเตะล้ม แต่กรรมการไม่เป่าฟาวล์ นั่นยังเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้ทีมเราเสียการครองบอลและโดนสวนกลับด้วยนั่นเอง
- แผงกองกลางแน่นอนแล้วว่า มอยส์ต้องการกองกลางที่จ่ายบอลได้ดีและคมในแดนกลางเป็นอย่างมาก ถึงได้ตามล่า
เชส ฟาเบรกาสอย่างเป็นมหากาพย์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และกองกลางคู่ที่ไล่บอลดีและตัดเกมส์ได้ดีอย่าง โจนส์ (หรือ พีต้าแห่ง
The Hunger Games # Catching Fire นั่นเอง อิอิอิ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ) ซึ่งจะเห็นได้ว่าความลงตัวในแท็กติกของมอยส์ที่ได้นักเตะที่ตรงกับแผนการเล่นเข้าไป ทำให้เกมก็ออกมาตามที่เป้าหมายวางไว้ด้วยครับ #สุดยอดดด #Moyes_tactics
- แผงหลังอย่างที่เคยกล่าวไว้หลาย ๆ ครั้งว่าควรจะซื้อดาวรุ่ง หรือดันดาวรุ่งจากอคาเดมี่มาเสริมได้แล้ว เพราะวิดิชเจ็บบ่อย
ทำให้เหลืออีแวนส์เป็นตัวหลักคนเดียว ขณะที่ริโอสภาพร่างกายก็ไม่ไหว รวมถึงการจ่ายบอลจากแดนหลังที่ผิดพลาดและความแม่นยำ
หายไปเยอะมากแล้วด้วย
- ถ้าเพอร์ซี่หรือรูนีย์ไม่พร้อมเล่นหน้าคู่กัน ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คากาวะยืนปั้นเกมเป็นหน้าต่ำ เพราะฟอร์มการเล่นระดับ
เวิลด์คลาสของเค้าเพียงพอที่จะยกระดับการเล่นให้ทีมและเพื่อนร่วมทีมด้วย
- นานี่ยังคงเป็นตัวทีเด็ดและปีกที่เก่งที่สุดในทีม ถ้าหากให้ได้เล่นเข้าแท็กติกที่มอยส์พร้อมจะรีดศักยภาพออกให้ได้มากที่สุด
แล้วล่ะก็ ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นนานี่ร่างอวตาร หรืออันแดร์สันร่างอวตารด้วยก็เป็นได้ (แม้จะเป็นสิ่งที่เลือนรางมาก ๆ ก็ตามที ^ ^ )
สู้ต่อไปครับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
In Moyes, We trust