คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
คาถา 2 บทนี้มีอานุภาพมากครับ ซึ่งส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตต่างภพภูมิที่อาศัยอยู่ในป่า เช่น เปรต อสุรกาย ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ หรืออมนุษย์ ทั้งหลาย โดยเขาอยู่อย่างนั้นในป่ามานาน ไม่ได้เคยสัมผัสธรรมะมาก่อน จิตใจเลยหยาบ เจอบทสวดนี้เข้าไปเลยคลั่ง
บทสวดนั้นมีความดีงามในตัวมันเองอยู่แล้วครับ บทสวดไม่ได้ไปทำร้ายใคร คนสวดก็สวดไป แต่คนที่ฟังหรือได้ยิน (เปรต อสุรกาย ฯลฯ) เขารับไม่ได้เอง
บทสวดนั้นมีความดีงามในตัวมันเองอยู่แล้วครับ บทสวดไม่ได้ไปทำร้ายใคร คนสวดก็สวดไป แต่คนที่ฟังหรือได้ยิน (เปรต อสุรกาย ฯลฯ) เขารับไม่ได้เอง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 39
เห็นอยู่หลายครั้ง กว่าจะตัดสินใจมาบอก...
ที่ว่า บทพระคาถา ทั้ง 8 ว่า
พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
ฯลฯ
เป็นบทสวดที่ยกเอา การชนะมาร ของพระมุนี หรือ พระพุทธเจ้า มาเป็นมงคล
ที่อวยพรให้เรา ท่าน (ผู้อื่น) ที่เป็น เทวดา ยักษ์ มาร สัพพสัตว์ทั้งปวง รวมทั้งมนุสส์
ขอให้การชนะมารนั้น จงเป็นมงคล แก่ท่านทั้งหลาย...
ขอให้ดูบทท้ายพระคาถา จะมี ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ทุกบท
นี้แหละคือการอวยพร.. ครับ ไม่เกี่ยวกับการไล่ผี ปิศาจ แต่อย่างใด เป็นบท แผ่เมตตาจิต ครับ
ในปัจจุบัน มีการยึดถือที่ผิด เวลาพระภิกขุสวดบทนี้ทีไร จะพากันลุกขึ้นไป ใส่บาตรพระ กันเป็นแถว
โดยหารู้ไม่ว่า พระภิกขุท่านกำลังอวยพรให้เรา แต่เรากลับลุกหนีไป โดยไม่ตั้งใจรับคำอวยพรนั้น
ผมเอง จะใส่บาตรให้เสร็จ ถวายของให้เสร็จแล้ว เมื่อได้ยินบทพระคาถา พาหุง... นี้ จะนั่งฟังด้วยความสงบ
ตั้งใจรับพรนั้นทุกครั้ง ครับ...
ที่ว่าเกิดความมีสายลม ปั้นปวนเมื่อสวดนั้น ผมมองว่า เทวดา ผี ยักษ์ เหล่านั้น
ท่านอนุโมทนาบุญกับเราครับ จึงได้แสดงปาฎิหาริย์ให้รู้ ว่า สาธุ สาธุ สาธุ หรือ ขอบใจนะ ขอบใจนะ ขอบใจนะ..
แบบนี้ ผมเจอบ่อย ๆ ครับ ไม่ต้องต้องใจ ให้สวดต่อไป ท่านจะตามรักษาเราไปทุกที่....
และที่มีความเห็นว่า เทวดา ผี ยักษ์ เหล่านั้น ฟังภาษา "บาลี" ไม่ออก ผิดแล้วครับ
สัตว์ทุกตัวตน เมื่อตายไป จะใช้ภาษา "บาลี" เป็นภาษาหลัก ตั้งแต่ ชั้น นรก จนถึง เทวโลก พรมหม
ล้วนแต่ใช้ภาษา "บาลี" ทั้งสิ้น
ตย. บาลี " ทุ. ส. น. โส." หรือ หัวใจเปรต. ก็เป็นภาษา บาลี
บาลี "นโม ตัสสะ" ก็มาจากท้าวสักกะ และพระพรหม
บาลี " พรหมา จะ โลกา.. " หรือ คำอารธนาให้แสดงพระธัมมะ ก็มาจาก พระพรหม.
จะเห็นได้ว่า ผู้ที่เก่งภาษาบาลี หรือเรียนบาลีได้เร็ว ก็คือ ผู้ทีเคยเป็นเทวดา หรือ พระพรหม มาปฏิสนธิใหม่ๆ
ส่วนผู้ที่เรียนได้ช้า หรือไม่รู้เลย ก็คือ ผู้ที่ไม่ค่อยได้เป็น เทวดา หรือ พรหม ส่วนใหญ่จะมาจาก อบายมี
สัตว์เดรัจฉาน หรือ สัตว์นรก เป็นส่วนมาก เพราะจะไม่ค่อยได้สนทนากันเป็นหลัก..... จึงลืม..ไป
ที่มาบอก ก็เพียงเท่านี้ครับ...
ที่ว่า บทพระคาถา ทั้ง 8 ว่า
พาหุง สะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง
ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ
ฯลฯ
เป็นบทสวดที่ยกเอา การชนะมาร ของพระมุนี หรือ พระพุทธเจ้า มาเป็นมงคล
ที่อวยพรให้เรา ท่าน (ผู้อื่น) ที่เป็น เทวดา ยักษ์ มาร สัพพสัตว์ทั้งปวง รวมทั้งมนุสส์
ขอให้การชนะมารนั้น จงเป็นมงคล แก่ท่านทั้งหลาย...
ขอให้ดูบทท้ายพระคาถา จะมี ตันเตชะสา ภะวะตุ เต ชะยะมังคะลานิ ทุกบท
นี้แหละคือการอวยพร.. ครับ ไม่เกี่ยวกับการไล่ผี ปิศาจ แต่อย่างใด เป็นบท แผ่เมตตาจิต ครับ
ในปัจจุบัน มีการยึดถือที่ผิด เวลาพระภิกขุสวดบทนี้ทีไร จะพากันลุกขึ้นไป ใส่บาตรพระ กันเป็นแถว
โดยหารู้ไม่ว่า พระภิกขุท่านกำลังอวยพรให้เรา แต่เรากลับลุกหนีไป โดยไม่ตั้งใจรับคำอวยพรนั้น
ผมเอง จะใส่บาตรให้เสร็จ ถวายของให้เสร็จแล้ว เมื่อได้ยินบทพระคาถา พาหุง... นี้ จะนั่งฟังด้วยความสงบ
ตั้งใจรับพรนั้นทุกครั้ง ครับ...
ที่ว่าเกิดความมีสายลม ปั้นปวนเมื่อสวดนั้น ผมมองว่า เทวดา ผี ยักษ์ เหล่านั้น
ท่านอนุโมทนาบุญกับเราครับ จึงได้แสดงปาฎิหาริย์ให้รู้ ว่า สาธุ สาธุ สาธุ หรือ ขอบใจนะ ขอบใจนะ ขอบใจนะ..
แบบนี้ ผมเจอบ่อย ๆ ครับ ไม่ต้องต้องใจ ให้สวดต่อไป ท่านจะตามรักษาเราไปทุกที่....
และที่มีความเห็นว่า เทวดา ผี ยักษ์ เหล่านั้น ฟังภาษา "บาลี" ไม่ออก ผิดแล้วครับ
สัตว์ทุกตัวตน เมื่อตายไป จะใช้ภาษา "บาลี" เป็นภาษาหลัก ตั้งแต่ ชั้น นรก จนถึง เทวโลก พรมหม
ล้วนแต่ใช้ภาษา "บาลี" ทั้งสิ้น
ตย. บาลี " ทุ. ส. น. โส." หรือ หัวใจเปรต. ก็เป็นภาษา บาลี
บาลี "นโม ตัสสะ" ก็มาจากท้าวสักกะ และพระพรหม
บาลี " พรหมา จะ โลกา.. " หรือ คำอารธนาให้แสดงพระธัมมะ ก็มาจาก พระพรหม.
จะเห็นได้ว่า ผู้ที่เก่งภาษาบาลี หรือเรียนบาลีได้เร็ว ก็คือ ผู้ทีเคยเป็นเทวดา หรือ พระพรหม มาปฏิสนธิใหม่ๆ
ส่วนผู้ที่เรียนได้ช้า หรือไม่รู้เลย ก็คือ ผู้ที่ไม่ค่อยได้เป็น เทวดา หรือ พรหม ส่วนใหญ่จะมาจาก อบายมี
สัตว์เดรัจฉาน หรือ สัตว์นรก เป็นส่วนมาก เพราะจะไม่ค่อยได้สนทนากันเป็นหลัก..... จึงลืม..ไป
ที่มาบอก ก็เพียงเท่านี้ครับ...
ความคิดเห็นที่ 21
ผมว่าดูความมุ่งหมายของการสวดมนต์ดีกว่าไหม เดี๋ยวนี้มีแต่การกล่าวอ้างถึงพุทธคุณ เต็มไปหมด
อีกอย่างหนึ่ง คนเรานั้นมักชอบที่จะผสมโรง เอาเรื่องนั้นมาผูกโยงเข้ากับเรื่องนี้ ด้วยเหตุแค่ว่าความ
รู้สึกเห็นว่าสอดคล้องลงกัน แล้วก็เชื่อไปอย่างนั้น เช่น ทำอะไรบางอย่าง แล้วพบว่าเกิดอะไรบางอย่าง
ในขณะช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน หรือต่อเนื่องกัน หรือในเวลาต่อมา ก็ไปผูกกันว่าเป็นเพราะกรรมอันนั้น
อันนี้ที่ตนเองทำ ก่อให้เกิดเป็นผลแบบนี้ๆ แล้วก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ซึ่งจริงๆแล้ว กรรมนั้นเป็นอจินไตย
การรู้ก็คือรู้ตามจริงรู้แล้วก็ปล่อย ไม่ใช่รู้แล้วไปผูกเงื่อนผูกปมระโยงระยางให้มันวุ่นวาย
ย้อนกลับมาที่การสวดมนต์ คำสวดนั้นไม่มีดีอะไรหรอก พลังอำนาจนั้นอยู่ที่จิตต่างหาก ดังนั้นจะเห็น
ได้ว่าบางคนสวดแล้วโน่นๆนี่ๆ บางคนสวดแล้วก็ไม่เห็นมันจะเป็นอะไรขึ้นมา นั่นเหตุเพราะพลังอำนาจ
ของจิตนั้นแตกต่างกัน และอยู่ที่บุญทำกรรมแต่งด้วย และอื่นๆประกอบรวมเข้าเป็นผลต่างๆ(ที่ปรารถนา)
จบด้วยประโยคๆนี้ บุญไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า เพื่อไม่หลงงมงายกับพิธีกรรม ฝากพิจารณา
อีกอย่างหนึ่ง คนเรานั้นมักชอบที่จะผสมโรง เอาเรื่องนั้นมาผูกโยงเข้ากับเรื่องนี้ ด้วยเหตุแค่ว่าความ
รู้สึกเห็นว่าสอดคล้องลงกัน แล้วก็เชื่อไปอย่างนั้น เช่น ทำอะไรบางอย่าง แล้วพบว่าเกิดอะไรบางอย่าง
ในขณะช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน หรือต่อเนื่องกัน หรือในเวลาต่อมา ก็ไปผูกกันว่าเป็นเพราะกรรมอันนั้น
อันนี้ที่ตนเองทำ ก่อให้เกิดเป็นผลแบบนี้ๆ แล้วก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ ซึ่งจริงๆแล้ว กรรมนั้นเป็นอจินไตย
การรู้ก็คือรู้ตามจริงรู้แล้วก็ปล่อย ไม่ใช่รู้แล้วไปผูกเงื่อนผูกปมระโยงระยางให้มันวุ่นวาย
ย้อนกลับมาที่การสวดมนต์ คำสวดนั้นไม่มีดีอะไรหรอก พลังอำนาจนั้นอยู่ที่จิตต่างหาก ดังนั้นจะเห็น
ได้ว่าบางคนสวดแล้วโน่นๆนี่ๆ บางคนสวดแล้วก็ไม่เห็นมันจะเป็นอะไรขึ้นมา นั่นเหตุเพราะพลังอำนาจ
ของจิตนั้นแตกต่างกัน และอยู่ที่บุญทำกรรมแต่งด้วย และอื่นๆประกอบรวมเข้าเป็นผลต่างๆ(ที่ปรารถนา)
จบด้วยประโยคๆนี้ บุญไม่เคยสร้าง ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า เพื่อไม่หลงงมงายกับพิธีกรรม ฝากพิจารณา
แสดงความคิดเห็น
ทำไมเวลาเข้าป่า ห้ามสวด พาหุงฯ หรือ สวดชินบัญชร ล่ะคับ
รู้สึกว่าจะเป็น ป่าไผ่ พี่ผมเล่าว่า ตอนกลางคืนจะมืดมาก ไม่สามารถดูเข็มทิศได้ แล้วอีกอย่าง ตอนก่อนจะนอน เพื่อนของพี่ผม ได้สวดบทสวด พาหุงฯ อยู่ดีๆ ลมก็พัดมาแรงมาก เข็มทิศรวน ไม่สามารถหาทิศได้ มีเสียงเหมือนคนร้อง
อยากรู้ว่าทำไมเขาห้ามสวดบทนี้ในป่า เกี่ยวกับ สัมพเวสีหรือป่าว หรือ เป็นธรรมชาติ
ใครที่เคยเรียนจบ จปร. หรือ โรงเรียนทหาร มาเล่าสู่กันฟังหน่อยได้ไหมคับ เรื่องเวลาไปเดินแคมป์ในป่า แล้วมีเรื่องประมาณนี้