ผมไม่ได้เป็นช่างภาพอาชีพ เป็นแค่เพียงคนชอบถ่ายภาพ และ ท่องเที่ยว ประสบการณ์หลายครั้งในการออกถ่ายภาพ มันทำให้ตัวเองรู้สิ่งที่ยังขาดในการถ่ายภาพสิ่งหนึ่ง นั่นคือการมีกล้องตัวที่ 2 ซึ่งสามารถใช้งานได้จริง ในคุณภาพที่รับได้ (ไม่ใช่กล้อง Smart Phone) หลายครั้งที่ผมถ่าย Time Lapse แล้วไม่สามารถนำกล้องมาใช้งานอะไรได้นับ ชม. มีหลายครั้งก็พลาด shot สำคัญๆในช่วงนั้นไป หรือ บางครั้งเราอยากเก็บภาพตัวเองขณะกำลังถ่ายภาพ แต่มีกล้องแค่ตัวเดียว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้ผมเริ่มมองหากล้องตัวที่ 2 ที่จะมาช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดไป
วันนี้กล้อง DSLR ตระกูล APS-C หรือ DX Format ค่าย NIKON เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ วางจำหน่ายในไทยแล้ว
ปกติผมใช้ NIKON อยู่แล้วแต่เป็นรุ่น D800 ซึ่งเป็น FX Format แต่ไม่มีปัญหาครับ NIKON ออกแบบมาให้เลนส์สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้ง DX และ FX จริงๆผมควรพอใจกับเจ้า D800 ที่มีอยู่เพราะมันก็ตอบสนองการใช้งานได้ค่อนข้างครบตามที่กล้อง DSLR ควรมี แต่ .... เมื่อใช้ไปซักพัก กลับรู้สึกว่าลูกเล่นในกล้องรุ่น Beginner บางทีก็ช่วยให้เราสนุกกับการถ่ายภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักเบา, หน้าจอพับได้, WIFI, GPS เท่านั้นไม่พอคุณสมบัติบางอย่างที่เจ้า D800 ไม่มีอย่าง การเอาเจ้า OLPF ออก เพิ่มความคมให้กับภาพถ่าย หรือแม้แต่เซ็นเซอร์ชิปตัวใหม่ล่าสุด EXPEED4 ทุกสิ่งที่กล่าวมามันเป็นแรงผลักดันให้ผมรู้สึกว่าเจ้า NIKON D5300 ตัวนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ
ภาพแรกที่ได้บรรจงกดชัตเตอร์ถ่ายด้วยตัวเองเป็นภาพอาหารเย็น หลังได้ครอบครองเจ้า D5300
ลองทดสอบ Portrait ด้วย NIKKOR 50mm f1.8 ที่ BTS หมอชิตเมื่อเช้านี้ ถ่ายเป็น JPG ทุกภาพ เพราะทดลองถ่าย RAW แล้ว ปรากฏว่าทั้งเจ้า Lightroom 5 และ Aperture มันไม่สามารถอ่านไฟล์ RAW ของ D5300 ได้ (สงสัยใหม่เกิน ต้องรออัพเดตซอฟแวร์) ภาพนี้ย่อขนาดอย่างเดียว ไม่ผ่านการปรับแสง-สี ใดๆทั้งสิ้นครับ WB Daylight วัดแสงแบบ Spot ที่ใบหน้านางแบบ ถ่ายกันแบบบ้านๆแฟลชเฟลิชไม่ต้อง
อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับ NIKON คราวนี้คือ กระเป๋ากล้องรุ่นใหม่ คราวนี้เป็นผ้าครับ ดีไซน์เก๋ไก๋ทีเดียว
ยังงงๆกับการใช้งานเจ้า GPS ของกล้องอยู่ไม่รู้ว่าตัวเองใช้ไม่เป็น หรือ ระบบรวนกันแน่ ในภาพจุด A คือตำแหน่งที่ผมยืนถ่ายภาพ แต่ GPS กลับบันทึกว่าภาพถูกถ่ายในตำแหน่งที่จุด B (ท่านใดชำนาญการใช้งาน GPS แนะนำด้วยครับ ToT)
เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจว่าจะถอยเจ้า D5300 ดีรึเปล่านะครับ ทดสอบการถ่ายภาพคร่อมแสง แล้วนำภาพมาทำ HDR ... เทคนิคนี้ช่วยได้มากสำหรับภาพที่มีความเปรียบต่างแสงมืด-สว่างสูงๆ
ใช้งานร่วมกับแฟลช SB910
ขอออกตัวอีกครั้งนะครับ ผมไม่ใช่โปรกล้อง อยากทำรีวิวแค่พอเห็นภาพเป็นน้ำจิ้มประกอบการตัดสินใจ ไม่มีความรู้เชิงลึกใดๆเป็นแค่คนที่ชอบถ่ายภาพธรรมดาๆ หลายท่านคอมเมนต์ว่าอยากเห็นรีวิวการทำงานของ WIFI BuildIn ในตัวเจ้า D5300 เช้านี้เลยทำรีวิวสดให้ชมกัน ในภาพจะเป็นการ Connect ระหว่าง กล้องกับ Smart Phone (เครื่องที่ทดสอบคือ iPhone5) เราสามารถโหลดเจ้า App ที่ใช้ Connect กล้องได้จาก App Store ชื่อ App ว่า Wireless Mobile Utility ซึ่งเป็นฟรี App เพียงเท่านี้เราก็สามารถสั่งงาน ถ่ายภาพผ่าน SmartPhone ได้ทันที โดยเราต้องเปิดฟังก์ชั่น WIFI ในตัวกล้อง แล้วเชื่อม WIFI กับ SmartPhone ของเรา (ผมไม่ได้ทดสอบเรื่องระยะสั่งการเพราะเวลามีจำกัด) ซึ่งเราจะสามารถมองเห็นภาพเหมือนเห็นจากกล้อง ผ่าน SmartPhone ได้เลย และเพียงแตะบนหน้าจอก็สามารถเลือกจุดโฟกัสได้
เราสามารถเช็คค่า Setting ของกล้องได้ แต่ไม่สามารถปรับแก้ค่าต่างๆได้ (พวกค่ารูรับแสง, ISO, Speed Shutter) สามารถหมุนปรับ SmartPhone เป็นแนวตั้ง แนวนอนได้ตามถนัด ... และเมื่อกดถ่ายภาพ ภาพจะโหลดเข้ามาใน SmartPhone ทันที Size ของภาพจะถูก Optimize เพื่อให้ภาพมีขนาดเล็กลง ลดเวลาในการโอนถ่ายภาพ
จริงๆฟังก์ชั่นการสั่งงาน ถ่ายภาพผ่าน SmartPhone น่าจะใช้เมื่อไม่มีผู้ควบคุมกล้อง แต่เนื่องจากผมไม่ได้นำขาตั้งกล้องมาทดสอบด้วย มันอาจดูแปลกๆหน่อยที่ต้องมายกกล้องคู่กับ SmartPhone
))
ทดสอบชิปตัวใหม่ EXPEED4 แบบบ้านๆ
ทดสอบฟังก์ชั่น Active D-Lighting ดูบ้าง เทสที่ f1.8 / ISO400 ทั้ง 2 ภาพ
ไวด์ที่ 12mm
เทเลที่ 300mm
การเก็บรายละเอียดหลังย่อไฟล์แล้ว และ ภาพต้นฉบับ (ไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ crop อย่างเดียว)
นำมาเทียบขนาดกับรุ่นพี่ D800 จะเห็นได้ว่า Size มันกระทัดรัดน่าพกพาไปถ่ายเล่นท่องเที่ยวได้อย่างสนุก (กว่าเจ้า D800 แน่ๆ >.<)
Cityscape มุมจากตึกที่ทำงาน แดดช่วงสายๆครับ
รีวิว เทียบสเปค เว็บต่างประเทศ
http://www.dpreview.com/previews/nikon-d5300
สเปคกล้องแบบเต็มๆจาก นิคอนไทยแลนด์
http://www.nikon.co.th/th_TH/product/digital-slr-cameras/d5300
พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ รวมถึงโชว์ภาพสวยๆที่ถ่ายด้วย NIKON D5300 ได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/D5300
[CR] จับดูยังอุ่นๆกับ NIKON D5300 (Body Only)
วันนี้กล้อง DSLR ตระกูล APS-C หรือ DX Format ค่าย NIKON เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ วางจำหน่ายในไทยแล้ว
ปกติผมใช้ NIKON อยู่แล้วแต่เป็นรุ่น D800 ซึ่งเป็น FX Format แต่ไม่มีปัญหาครับ NIKON ออกแบบมาให้เลนส์สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้ง DX และ FX จริงๆผมควรพอใจกับเจ้า D800 ที่มีอยู่เพราะมันก็ตอบสนองการใช้งานได้ค่อนข้างครบตามที่กล้อง DSLR ควรมี แต่ .... เมื่อใช้ไปซักพัก กลับรู้สึกว่าลูกเล่นในกล้องรุ่น Beginner บางทีก็ช่วยให้เราสนุกกับการถ่ายภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักเบา, หน้าจอพับได้, WIFI, GPS เท่านั้นไม่พอคุณสมบัติบางอย่างที่เจ้า D800 ไม่มีอย่าง การเอาเจ้า OLPF ออก เพิ่มความคมให้กับภาพถ่าย หรือแม้แต่เซ็นเซอร์ชิปตัวใหม่ล่าสุด EXPEED4 ทุกสิ่งที่กล่าวมามันเป็นแรงผลักดันให้ผมรู้สึกว่าเจ้า NIKON D5300 ตัวนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆ
ภาพแรกที่ได้บรรจงกดชัตเตอร์ถ่ายด้วยตัวเองเป็นภาพอาหารเย็น หลังได้ครอบครองเจ้า D5300
ลองทดสอบ Portrait ด้วย NIKKOR 50mm f1.8 ที่ BTS หมอชิตเมื่อเช้านี้ ถ่ายเป็น JPG ทุกภาพ เพราะทดลองถ่าย RAW แล้ว ปรากฏว่าทั้งเจ้า Lightroom 5 และ Aperture มันไม่สามารถอ่านไฟล์ RAW ของ D5300 ได้ (สงสัยใหม่เกิน ต้องรออัพเดตซอฟแวร์) ภาพนี้ย่อขนาดอย่างเดียว ไม่ผ่านการปรับแสง-สี ใดๆทั้งสิ้นครับ WB Daylight วัดแสงแบบ Spot ที่ใบหน้านางแบบ ถ่ายกันแบบบ้านๆแฟลชเฟลิชไม่ต้อง
อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับ NIKON คราวนี้คือ กระเป๋ากล้องรุ่นใหม่ คราวนี้เป็นผ้าครับ ดีไซน์เก๋ไก๋ทีเดียว
ยังงงๆกับการใช้งานเจ้า GPS ของกล้องอยู่ไม่รู้ว่าตัวเองใช้ไม่เป็น หรือ ระบบรวนกันแน่ ในภาพจุด A คือตำแหน่งที่ผมยืนถ่ายภาพ แต่ GPS กลับบันทึกว่าภาพถูกถ่ายในตำแหน่งที่จุด B (ท่านใดชำนาญการใช้งาน GPS แนะนำด้วยครับ ToT)
เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับท่านที่กำลังตัดสินใจว่าจะถอยเจ้า D5300 ดีรึเปล่านะครับ ทดสอบการถ่ายภาพคร่อมแสง แล้วนำภาพมาทำ HDR ... เทคนิคนี้ช่วยได้มากสำหรับภาพที่มีความเปรียบต่างแสงมืด-สว่างสูงๆ
ใช้งานร่วมกับแฟลช SB910
ขอออกตัวอีกครั้งนะครับ ผมไม่ใช่โปรกล้อง อยากทำรีวิวแค่พอเห็นภาพเป็นน้ำจิ้มประกอบการตัดสินใจ ไม่มีความรู้เชิงลึกใดๆเป็นแค่คนที่ชอบถ่ายภาพธรรมดาๆ หลายท่านคอมเมนต์ว่าอยากเห็นรีวิวการทำงานของ WIFI BuildIn ในตัวเจ้า D5300 เช้านี้เลยทำรีวิวสดให้ชมกัน ในภาพจะเป็นการ Connect ระหว่าง กล้องกับ Smart Phone (เครื่องที่ทดสอบคือ iPhone5) เราสามารถโหลดเจ้า App ที่ใช้ Connect กล้องได้จาก App Store ชื่อ App ว่า Wireless Mobile Utility ซึ่งเป็นฟรี App เพียงเท่านี้เราก็สามารถสั่งงาน ถ่ายภาพผ่าน SmartPhone ได้ทันที โดยเราต้องเปิดฟังก์ชั่น WIFI ในตัวกล้อง แล้วเชื่อม WIFI กับ SmartPhone ของเรา (ผมไม่ได้ทดสอบเรื่องระยะสั่งการเพราะเวลามีจำกัด) ซึ่งเราจะสามารถมองเห็นภาพเหมือนเห็นจากกล้อง ผ่าน SmartPhone ได้เลย และเพียงแตะบนหน้าจอก็สามารถเลือกจุดโฟกัสได้
เราสามารถเช็คค่า Setting ของกล้องได้ แต่ไม่สามารถปรับแก้ค่าต่างๆได้ (พวกค่ารูรับแสง, ISO, Speed Shutter) สามารถหมุนปรับ SmartPhone เป็นแนวตั้ง แนวนอนได้ตามถนัด ... และเมื่อกดถ่ายภาพ ภาพจะโหลดเข้ามาใน SmartPhone ทันที Size ของภาพจะถูก Optimize เพื่อให้ภาพมีขนาดเล็กลง ลดเวลาในการโอนถ่ายภาพ
จริงๆฟังก์ชั่นการสั่งงาน ถ่ายภาพผ่าน SmartPhone น่าจะใช้เมื่อไม่มีผู้ควบคุมกล้อง แต่เนื่องจากผมไม่ได้นำขาตั้งกล้องมาทดสอบด้วย มันอาจดูแปลกๆหน่อยที่ต้องมายกกล้องคู่กับ SmartPhone ))
ทดสอบชิปตัวใหม่ EXPEED4 แบบบ้านๆ
ทดสอบฟังก์ชั่น Active D-Lighting ดูบ้าง เทสที่ f1.8 / ISO400 ทั้ง 2 ภาพ
ไวด์ที่ 12mm
เทเลที่ 300mm
การเก็บรายละเอียดหลังย่อไฟล์แล้ว และ ภาพต้นฉบับ (ไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ crop อย่างเดียว)
นำมาเทียบขนาดกับรุ่นพี่ D800 จะเห็นได้ว่า Size มันกระทัดรัดน่าพกพาไปถ่ายเล่นท่องเที่ยวได้อย่างสนุก (กว่าเจ้า D800 แน่ๆ >.<)
Cityscape มุมจากตึกที่ทำงาน แดดช่วงสายๆครับ
รีวิว เทียบสเปค เว็บต่างประเทศ
http://www.dpreview.com/previews/nikon-d5300
สเปคกล้องแบบเต็มๆจาก นิคอนไทยแลนด์
http://www.nikon.co.th/th_TH/product/digital-slr-cameras/d5300
พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ รวมถึงโชว์ภาพสวยๆที่ถ่ายด้วย NIKON D5300 ได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/D5300