ผม ฟันธงไม่กลัวหน้าแตกแบบมั่นใจ ล้านเปอร์เซนต์ สมาคมไม่ได้หวังจะสร้างประสบการณ์ให้ทีมบี หรอกครับ มันคือการตอบแบบหาทางออกไปแบบนั้นแหละครับ ใจจริง เขาอยากสร้างประวัติศาสตร์ได้เหรียญแรกของเอเชียนเกมส์ในยุคของเขา ขณะเดียวกัน เขาก็มองข้ามช็อตไปว่า เมื่อหักลบคะแนนที่มาจากชิงแชมป์โลกแล้ว มันไม่ได้มีผลต่างอะไรเท่าไหร่ และเขาเชื่อว่า ยังไงเราก็ได้ไปโอลิมปิกแม้จะได้อันดับต่ำกว่าที่ควรในชิงแชมป์โลกแต่คะแนนก็ไม่ต่างอะไรกันมาก
ดังนั้น สมาคมเลยคิดว่า เรื่องอะไรที่จะทิ้ง เอเชียนเกมส์ไปเปล่าๆ ขณะที่เอาตัวหลักไปชิงแชมป์โลกก็ไม่ได้ทำให้อันดับแตกต่างจากเดิมมากนัก สู้ลุ้นมันสองทางคือ เอเชี่ยนเกมส์ก็ได้ ซึ่งจะสร้างทั้งเงินรางวัล ทั้งกระแสในวงกว้าง พร้อมได้จารึกเป็นประวิติศาสตร์ แล้วก็มามุ่งสู่โอลิมปิกกันต่อ
ส่วนนักกีฬา ผมเชื่อว่า เขาไม่ได้มองเรื่องเงินรางวัลอะไรเป็นหลักหรอกคัรบ ถ้าได้มันก็ดี แต่ยังไง สมมติไทยเล่นโคตรเจ๋งได้อันดับชิงแชมป์โลกอันดับ 8 เทียบกับแชมป์ เอเชี่ยนเกมส์ ประวัติศาสตร์จะจดจำแชมป์เป็นหลักครับ เหมือนถ้าเทียบระหว่างอันดับ 6 ชิงแชมป์โลกคราวที่แล้ว กับ ใครเป็นแชมป์ เอเชียนเกมส์ คนจะจำแชมป์เอเชี่ยนเกมส์ได้มากกว่า
ดังนั้นผมมองว่า นักกีฬาเขาอยากเป็นส่วนหนึ่งของประวิติศาสตร์ครับ เหมือน เหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกคือ สมรักษ์ คำสิงห์ คนต่อๆ มาที่ได้รับ ถึงแม้จะได้รับการยกย่อง ก็ไม่เท่าประวัติศาสตร์ที่จารึกว่า สมรักษ์คือคนแรกครับ ขณะที่ถ้า ชิงแชมป์โลกเราได้ที่ดีหน่อยเช่นที่ 10 ในอนาคตก็อาจจะมีนักกีฬารุ่นใหม่ๆ พาทีมชาติไทยไปได้ ที่ดีกว่านั้น ทุกอย่างก็จะเลือนหายไปจากความทรงจำของคนส่วนใหญ่ แต่เหรียญแรก ยิ่งถ้าเป็นเหรียญทอง มันจะฝังไปตลอดกาลของนักกีฬา และ สมาคมนั้นๆ ผมมองว่านักกีฬาเขามองที่ประวัติศาสตร์มากกว่า
ดังนั้น ในมุมมองผม เคสนี้จะเอายังไง จะส่งทีมไหนไปแข่งอะไร ผมค่อนข้างเฉยๆ โดยผมวิเคราะห์ดังนี้ครับ
1. ถ้าเราคิดแบบเครื่องจักร ไม่สนใจนักกีฬา หรือผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งสมาคม ผมโคตรเห็นด้วยกับหลายๆคน ที่ให้นักกีฬาฝีมือดีสุดไปแข่งชิงแชมป์โลก เพื่ออนาคต ซึ่งในความคิดผมจากการวิเคราะห์ มันดีกว่าจริงๆ แต่ไม่ได้มากมายแบบ จะเป็นจะตายอะไร ดังนั้น ถ้าเรามุ่งไปที่เป้าหมายสูงสุด ไปทางนี้จะดีกว่าครับ
2. ถ้าเราคิดแบบเห็นอกเห็นใจ ผมค่อนข้างไม่ได้อคติ หรืออะไรกับการตัดสินใจของสมาคม โดยผมมองนักกีฬาเป็นหลักว่า ถามว่านักกีฬาอยากไปชิงแชมป์โลกไหม ผมเชื่อว่าเขาอยากไป แต่นี่เป็นเอเชี่ยนเกมส์ ที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย มันเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตที่จะสร้างประวิติศาสตร์ และประวัติศาสตร์นี้ ก็ไม่ได้หมายถึง ถ้าเลือกทางนี้แล้ว โอลิมปิกเราตกรอบแน่ๆ หรือถ้าเลือก ไปชิงแชมป์โลกแล้ว เราได้ไปโอลิมปิกแน่ๆ ถ้าเป็นดังที่ว่าไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ผมจะรีบ เป็นหัวหอกประท้วง สมาคมและนักกีฬาเลย แต่นี่มันไม่ได้สุดโต่งขนาดนั้น ลองคิดดูถึงสิ่งที่นักกีฬาชุดนี้ทำให้ทีมชาิติไทยมา แลกกับการที่เราให้โอกาสนักกีฬาทำเหรียญประวิติศาสตร์เอเชี่ยนเกมส์ได้ และยังต่อไปด้วยการเข้ารอบโอลิมปิกได้อีก ซึ่งถึงตอนนั้น ใน 7 เซียน หลายๆคน ก็อาจจะ
1.จบประวิติศาสตร์การเป็นนักกีฬาอย่างเต็มภาคภูมิ ได้ครบทุกอย่างตามปรารถนา
2. ได้เหรียญเอเชี่ยนเกมส์ แต่พลาดโอลิมปิก
3. พลาดเอเชี่ยนเกมส์ แต่ได้ไปโอลิมปิก
4. พลาดทุกอย่าง
ซึ่งมันออกได้ทั้ง 4 หน้าครับ แต่อย่างน้อย มันยังออกได้ ในหน้าที่ 1 และ 2 แต่ถ้าเราไปบังคับให้ พวกเธอไม่ไปเอเชี่ยนเกมส์ ก็เท่ากับปิดโอกาสของหลายๆคน ที่จะได้สร้างประวิติศาสตร์ เท่ากับ โอกาส 1 และ 2 หมดไปแล้ว เหลือโอกาสแค่ ได้ไปโอลิมปิก กับ พลาดหมดทุกอย่าง ซึ่งถามว่าถ้าสมาคมทำตามที่พวกคุณเรียกร้องแล้วมันออกมาพลาดหมดทุกอย่างใครจะรับผิดชอบครับ ผมว่าไม่แคล้วหลายๆคนก็จะตอบว่า ในเมื่อทำเต็มที่แล้วพลาดก็ไม่มีใครว่า คัรบไม่มีใครว่า แต่มันคือการพลาดในการสร้างหน้าประวิติศาสตร์เพื่อปิดตำนานเป็นอนุสรณ์ให้รุ่นหลัง เราอาจจะไม่รู้สึกเท่าไหร่อาจจะเสียดายเล็กน้อย แต่คุณลองคิดถึงหัวใจของนักกีฬาว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
ผมย้ำครับว่า ถ้าการไปชิงแชมป์โลก มันทำให้เราได้ไปโอลิมปิกแน่ๆๆ ทิ้งไปเลยครับเอเชียนเกมส์ หรือ ถ้ามีนมีนัยยะสำคัญโคตรมากเช่น ถ้าไปแข่งนะ คุณมีโอกาสได้ไปโอลิมปิก 90 เปอร์เซนต์ แต่ถ้าไม่ไปแข่ง คุณเหลือโอกาสแค่ 50 เปอร์เซนต์ อย่างนี้ ผมจะเชียร์และตามด่า สมาคมสุดลิ่มทิ่มประตู แต่นี่มีเพื่อนวิเคราะห์แล้วว่า มันไม่ได้มีผลอะไรขนาดนั้น ผลต่างกับคะแนน มันเล็กน้อย
และประเด็นที่บอกว่า ถ้าไม่ไปแข่ง FIVB อาจจะแบน ผมเคยบอกแล้วครับว่า การแบน ไม่ใช่อยู่ๆๆ อยากแบนก็แบน ขนาดในฟุตบอล ฟีฟ่าจะแบนนี่ ก็ขู่แล้วขู่อีก ในวอลเลย์บอลก็เหมือนกัน ถ้า FIVB จะแบน ยังไงเราต้องส่งรายชื่อไปให้เขาก่อน ถ้าเขาเห็นไม่เหมาะสม เขาก็จะทักท้วงมา และผมเชื่อว่าสมาคมเราไม่ได้ใหญ่และแข็งพอที่จะลองของโดยการขัดขืน ถ้าเขาทักท้วงมา ผมเชื่อว่า เราต้องหาทางไม่ให้โดนแบนอยู่แล้วคัรบ
ส่วนประเด็นเรื่องภูมิใจหรือที่ชนะทีมชาติอื่นที่ไม่ใช่ทีมชุด A ของเขา ตรงนี้ผมขอลอกที่ผมเคยตอบไปในบางกระทู้มาเสริมครับ
ทีนี้ผมขอพูดถึงประเด็นที่ผมไม่เห็นด้วย หลังจากที่อ่านมาหลายวันอย่างเรื่อง ไปแข่งกับสำรองถ้าชนะได้เหรียญแล้ว ภูมิใจหรือ
-ถ้าผมเป็นนักกีฬา ผมภูมิใจทุกครั้งที่ใส่เสื้อที่มีธงไตรรงค์ติดอยู่ ผมไม่สนใจหรอกครับว่าจะแข่งกับ ทีมระดับโลก หรือ ทีมระดับไหน แต่เมื่อไหร่เราใส่เสื้อทีมชาติไทย นั่นคือเราคือตัวแทนของชาติ
ส่วนเรื่องสถิติเขาไม่จดบันทึกไว้ว่า ทีมนี้สำรองทีมนั้นตัวจริง และถึงจะเป็นสำรอง ผมมองว่าในการแข่งขันกีฬาจะไปสนใจทำขี้เกลืออะไร นั่นมันเรื่องของเขา ใครไปบังคับให้ส่งตัวสำรอง
ผมว่าตรรกกะนี้ ผมเห็นแต่คนบางคนในชาติของเรานี่แหละคิดได้ ชาติอื่นเขาไม่สนหรอกครับว่าคุณ จะตัวจริงตัวสำรอง ตัวอะไรเขาจัดหนักเท่าที่ทำได้ เพื่อชัยชนะครับ ประวัติศาสตร์เขียนถึงผู้ชนะ ไม่ได้เขียนโดยข้ออ้างข้อแก้ตัวของผู้แพ้ว่า ฉันส่งตัวสำรองนะเลยแพ้
งี้ต่อไปกีฬาอันไหนสูสี ส่งทีมสำรองยันเต ถ้าชนะบอกโอ้ว นี่ขนาดส่งทีมสำรองนะ ถ้าแพ้ บอก นี่ทีมสำรองหรอก ถ้าตัวจริงผลไม่เป็นแบบนี้ ผมว่าคำพูดแบบนี้มันตรรกกะของคนขี้กลัว และขี้แพ้ครับ จะตัวจริงตัวสำรองเรื่องของเอ็ง แต่เราจะสู้เพื่อชัยชนะ ถ้าเราปลูกฝังกันแบบนี้ นักกีฬาก็จะมุ่งมั่นสู้ตายเพื่อชัยชนะ ไม่ใช่จะแข่งมัวแต่มานั่งคิดอ๋อ เขาทีมสำรอง ที่เอ็งชนะไม่เก่งจริง แบบนี้นักกีฬาที่ไหนมันจะไปมีกำลังใจเต็มที่ครับ ถ้าชนะก็เสมอตัว ถ้าแพ้ แม่ม โดนด่าอีก
และแบบนี้ ผมถามครับว่า ถ้าเราส่งทีมชุด B ไปแข่งชิงแชมป์โลก ทีมที่เขาชนะเรา คนในชาติเขาจะมาคิดไหมครับว่า เออทีมชาติเรานี่ ไม่เห็นเก่งจริงอะไรเลย ที่ชนะมันทีมชุด B ของไทยเอง แน่จริงต้องตามไปชนะทีมชุด A ของเค้านะ บ้าไปแล้วครับ อย่างที่บอก ชาติอื่นเขาไม่มาคิดหรอกคัรบ ชาติที่เป็นใหญ่หรือระดับโลกจริงๆ ถึงขนาดบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน เล็กหรือใหญ่ เมื่อคุณลงไปทำหน้าที่ในนามทีมชาติ คุณต้องทำให้เต็มที่ๆ สุดเพราะคุณ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเป็นหลัก แต่คุณกำลังทำหน้าที่แทนคนทั้งประเทศ และเมื่อคุณสำเร็จ ทุกคนก็จะยินดีร่วมกับคุณ
จะมีก็แต่คนแถวประเทศสารขันณ์นี่แหละครับ แพ้ก็ด่า ชนะก็ยังมาคิดต่อว่าเฮ้ยที่ชนะเขา เขา่อ่อย หรือเปล่า เขาเอาตัวสำรองลงหรือเปล่า ซึ่งผมโคตรเกลียดตั้งแต่สม้ัยที่เราได้แชมป์เอเชียปี 2009 แล้วคนจำนวนมากบอกจีนเขาอ่อย เขาเอาตัวสำรองมาแข่ง อย่างไทยหรือ จะมีปัญญา ชนะ จีน ญี่ปุ่น ฝันไปก่อน
หรือบางคน ตัวเองไม่เคยสร้างชื่อเสียงอะไรให้ประเทศชาติ พอนักกีฬาจะไปทำเหรียญเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งเป็นกีฬาระดับทวีป มีปากก็พูดพล่อยไปเรื่อยว่า ภูมิใจนักหรือ แค่เหรียญเอเชี่ยนเกมส์ (ไอ้ด๊วก นักกีฬาเขาเหนื่อยแทบตาย สายตัวแทบขาด เขาชนะเขาดีใจ แต่คำพูดแบบนี้ นักกีฬามาอ่าน จากที่ดีใจ หมดกันเลย ผมโคตรเกลียดจริงๆ ตัวเองไม่เคยทำได้อย่างเขา ดันปากพล่อยไปว่าเขาแบบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย )
ดังนั้น จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสมาคม หรือนักกีฬา บอกกันได้ครับ แต่ขอมาแบบมีเหตุผลมีหลักการ แต่อย่ามาแบบไม่ได้มีประโยชน์อะไร แถมตามด้วยข้ออ้างที่จะเหมือนเป็นเกราะป้องกันตัวประมาณ ติเพื่อก่อ ซึ่งผมเห็นเยอะมาก ที่พูดแบบนี้ แต่ไม่เห็นจะก่อ อะไร ออกไปในแนวก่อเรื่อง ซะมากกว่า ไม่ต้องติ ชาติจะได้ประโยชน์มากกว่าครับ ขอเป็นแนวแสดงความคิดเห็นแบบมีหลักการ ครับ ย้ำไม่ต้องติ ขอเหตุผลและหลักการครับ
ขอซักกระทู้เกี่ยวกับวอลเลย์บอลไทย ในเรื่องจุดมุ่งหมายในการส่ง B ไปชิงแชมป์โลก
ดังนั้น สมาคมเลยคิดว่า เรื่องอะไรที่จะทิ้ง เอเชียนเกมส์ไปเปล่าๆ ขณะที่เอาตัวหลักไปชิงแชมป์โลกก็ไม่ได้ทำให้อันดับแตกต่างจากเดิมมากนัก สู้ลุ้นมันสองทางคือ เอเชี่ยนเกมส์ก็ได้ ซึ่งจะสร้างทั้งเงินรางวัล ทั้งกระแสในวงกว้าง พร้อมได้จารึกเป็นประวิติศาสตร์ แล้วก็มามุ่งสู่โอลิมปิกกันต่อ
ส่วนนักกีฬา ผมเชื่อว่า เขาไม่ได้มองเรื่องเงินรางวัลอะไรเป็นหลักหรอกคัรบ ถ้าได้มันก็ดี แต่ยังไง สมมติไทยเล่นโคตรเจ๋งได้อันดับชิงแชมป์โลกอันดับ 8 เทียบกับแชมป์ เอเชี่ยนเกมส์ ประวัติศาสตร์จะจดจำแชมป์เป็นหลักครับ เหมือนถ้าเทียบระหว่างอันดับ 6 ชิงแชมป์โลกคราวที่แล้ว กับ ใครเป็นแชมป์ เอเชียนเกมส์ คนจะจำแชมป์เอเชี่ยนเกมส์ได้มากกว่า
ดังนั้นผมมองว่า นักกีฬาเขาอยากเป็นส่วนหนึ่งของประวิติศาสตร์ครับ เหมือน เหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกคือ สมรักษ์ คำสิงห์ คนต่อๆ มาที่ได้รับ ถึงแม้จะได้รับการยกย่อง ก็ไม่เท่าประวัติศาสตร์ที่จารึกว่า สมรักษ์คือคนแรกครับ ขณะที่ถ้า ชิงแชมป์โลกเราได้ที่ดีหน่อยเช่นที่ 10 ในอนาคตก็อาจจะมีนักกีฬารุ่นใหม่ๆ พาทีมชาติไทยไปได้ ที่ดีกว่านั้น ทุกอย่างก็จะเลือนหายไปจากความทรงจำของคนส่วนใหญ่ แต่เหรียญแรก ยิ่งถ้าเป็นเหรียญทอง มันจะฝังไปตลอดกาลของนักกีฬา และ สมาคมนั้นๆ ผมมองว่านักกีฬาเขามองที่ประวัติศาสตร์มากกว่า
ดังนั้น ในมุมมองผม เคสนี้จะเอายังไง จะส่งทีมไหนไปแข่งอะไร ผมค่อนข้างเฉยๆ โดยผมวิเคราะห์ดังนี้ครับ
1. ถ้าเราคิดแบบเครื่องจักร ไม่สนใจนักกีฬา หรือผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งสมาคม ผมโคตรเห็นด้วยกับหลายๆคน ที่ให้นักกีฬาฝีมือดีสุดไปแข่งชิงแชมป์โลก เพื่ออนาคต ซึ่งในความคิดผมจากการวิเคราะห์ มันดีกว่าจริงๆ แต่ไม่ได้มากมายแบบ จะเป็นจะตายอะไร ดังนั้น ถ้าเรามุ่งไปที่เป้าหมายสูงสุด ไปทางนี้จะดีกว่าครับ
2. ถ้าเราคิดแบบเห็นอกเห็นใจ ผมค่อนข้างไม่ได้อคติ หรืออะไรกับการตัดสินใจของสมาคม โดยผมมองนักกีฬาเป็นหลักว่า ถามว่านักกีฬาอยากไปชิงแชมป์โลกไหม ผมเชื่อว่าเขาอยากไป แต่นี่เป็นเอเชี่ยนเกมส์ ที่น่าจะเป็นครั้งสุดท้าย มันเป็นโอกาสสุดท้ายในชีวิตที่จะสร้างประวิติศาสตร์ และประวัติศาสตร์นี้ ก็ไม่ได้หมายถึง ถ้าเลือกทางนี้แล้ว โอลิมปิกเราตกรอบแน่ๆ หรือถ้าเลือก ไปชิงแชมป์โลกแล้ว เราได้ไปโอลิมปิกแน่ๆ ถ้าเป็นดังที่ว่าไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ผมจะรีบ เป็นหัวหอกประท้วง สมาคมและนักกีฬาเลย แต่นี่มันไม่ได้สุดโต่งขนาดนั้น ลองคิดดูถึงสิ่งที่นักกีฬาชุดนี้ทำให้ทีมชาิติไทยมา แลกกับการที่เราให้โอกาสนักกีฬาทำเหรียญประวิติศาสตร์เอเชี่ยนเกมส์ได้ และยังต่อไปด้วยการเข้ารอบโอลิมปิกได้อีก ซึ่งถึงตอนนั้น ใน 7 เซียน หลายๆคน ก็อาจจะ
1.จบประวิติศาสตร์การเป็นนักกีฬาอย่างเต็มภาคภูมิ ได้ครบทุกอย่างตามปรารถนา
2. ได้เหรียญเอเชี่ยนเกมส์ แต่พลาดโอลิมปิก
3. พลาดเอเชี่ยนเกมส์ แต่ได้ไปโอลิมปิก
4. พลาดทุกอย่าง
ซึ่งมันออกได้ทั้ง 4 หน้าครับ แต่อย่างน้อย มันยังออกได้ ในหน้าที่ 1 และ 2 แต่ถ้าเราไปบังคับให้ พวกเธอไม่ไปเอเชี่ยนเกมส์ ก็เท่ากับปิดโอกาสของหลายๆคน ที่จะได้สร้างประวิติศาสตร์ เท่ากับ โอกาส 1 และ 2 หมดไปแล้ว เหลือโอกาสแค่ ได้ไปโอลิมปิก กับ พลาดหมดทุกอย่าง ซึ่งถามว่าถ้าสมาคมทำตามที่พวกคุณเรียกร้องแล้วมันออกมาพลาดหมดทุกอย่างใครจะรับผิดชอบครับ ผมว่าไม่แคล้วหลายๆคนก็จะตอบว่า ในเมื่อทำเต็มที่แล้วพลาดก็ไม่มีใครว่า คัรบไม่มีใครว่า แต่มันคือการพลาดในการสร้างหน้าประวิติศาสตร์เพื่อปิดตำนานเป็นอนุสรณ์ให้รุ่นหลัง เราอาจจะไม่รู้สึกเท่าไหร่อาจจะเสียดายเล็กน้อย แต่คุณลองคิดถึงหัวใจของนักกีฬาว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร
ผมย้ำครับว่า ถ้าการไปชิงแชมป์โลก มันทำให้เราได้ไปโอลิมปิกแน่ๆๆ ทิ้งไปเลยครับเอเชียนเกมส์ หรือ ถ้ามีนมีนัยยะสำคัญโคตรมากเช่น ถ้าไปแข่งนะ คุณมีโอกาสได้ไปโอลิมปิก 90 เปอร์เซนต์ แต่ถ้าไม่ไปแข่ง คุณเหลือโอกาสแค่ 50 เปอร์เซนต์ อย่างนี้ ผมจะเชียร์และตามด่า สมาคมสุดลิ่มทิ่มประตู แต่นี่มีเพื่อนวิเคราะห์แล้วว่า มันไม่ได้มีผลอะไรขนาดนั้น ผลต่างกับคะแนน มันเล็กน้อย
และประเด็นที่บอกว่า ถ้าไม่ไปแข่ง FIVB อาจจะแบน ผมเคยบอกแล้วครับว่า การแบน ไม่ใช่อยู่ๆๆ อยากแบนก็แบน ขนาดในฟุตบอล ฟีฟ่าจะแบนนี่ ก็ขู่แล้วขู่อีก ในวอลเลย์บอลก็เหมือนกัน ถ้า FIVB จะแบน ยังไงเราต้องส่งรายชื่อไปให้เขาก่อน ถ้าเขาเห็นไม่เหมาะสม เขาก็จะทักท้วงมา และผมเชื่อว่าสมาคมเราไม่ได้ใหญ่และแข็งพอที่จะลองของโดยการขัดขืน ถ้าเขาทักท้วงมา ผมเชื่อว่า เราต้องหาทางไม่ให้โดนแบนอยู่แล้วคัรบ
ส่วนประเด็นเรื่องภูมิใจหรือที่ชนะทีมชาติอื่นที่ไม่ใช่ทีมชุด A ของเขา ตรงนี้ผมขอลอกที่ผมเคยตอบไปในบางกระทู้มาเสริมครับ
ทีนี้ผมขอพูดถึงประเด็นที่ผมไม่เห็นด้วย หลังจากที่อ่านมาหลายวันอย่างเรื่อง ไปแข่งกับสำรองถ้าชนะได้เหรียญแล้ว ภูมิใจหรือ
-ถ้าผมเป็นนักกีฬา ผมภูมิใจทุกครั้งที่ใส่เสื้อที่มีธงไตรรงค์ติดอยู่ ผมไม่สนใจหรอกครับว่าจะแข่งกับ ทีมระดับโลก หรือ ทีมระดับไหน แต่เมื่อไหร่เราใส่เสื้อทีมชาติไทย นั่นคือเราคือตัวแทนของชาติ
ส่วนเรื่องสถิติเขาไม่จดบันทึกไว้ว่า ทีมนี้สำรองทีมนั้นตัวจริง และถึงจะเป็นสำรอง ผมมองว่าในการแข่งขันกีฬาจะไปสนใจทำขี้เกลืออะไร นั่นมันเรื่องของเขา ใครไปบังคับให้ส่งตัวสำรอง
ผมว่าตรรกกะนี้ ผมเห็นแต่คนบางคนในชาติของเรานี่แหละคิดได้ ชาติอื่นเขาไม่สนหรอกครับว่าคุณ จะตัวจริงตัวสำรอง ตัวอะไรเขาจัดหนักเท่าที่ทำได้ เพื่อชัยชนะครับ ประวัติศาสตร์เขียนถึงผู้ชนะ ไม่ได้เขียนโดยข้ออ้างข้อแก้ตัวของผู้แพ้ว่า ฉันส่งตัวสำรองนะเลยแพ้
งี้ต่อไปกีฬาอันไหนสูสี ส่งทีมสำรองยันเต ถ้าชนะบอกโอ้ว นี่ขนาดส่งทีมสำรองนะ ถ้าแพ้ บอก นี่ทีมสำรองหรอก ถ้าตัวจริงผลไม่เป็นแบบนี้ ผมว่าคำพูดแบบนี้มันตรรกกะของคนขี้กลัว และขี้แพ้ครับ จะตัวจริงตัวสำรองเรื่องของเอ็ง แต่เราจะสู้เพื่อชัยชนะ ถ้าเราปลูกฝังกันแบบนี้ นักกีฬาก็จะมุ่งมั่นสู้ตายเพื่อชัยชนะ ไม่ใช่จะแข่งมัวแต่มานั่งคิดอ๋อ เขาทีมสำรอง ที่เอ็งชนะไม่เก่งจริง แบบนี้นักกีฬาที่ไหนมันจะไปมีกำลังใจเต็มที่ครับ ถ้าชนะก็เสมอตัว ถ้าแพ้ แม่ม โดนด่าอีก
และแบบนี้ ผมถามครับว่า ถ้าเราส่งทีมชุด B ไปแข่งชิงแชมป์โลก ทีมที่เขาชนะเรา คนในชาติเขาจะมาคิดไหมครับว่า เออทีมชาติเรานี่ ไม่เห็นเก่งจริงอะไรเลย ที่ชนะมันทีมชุด B ของไทยเอง แน่จริงต้องตามไปชนะทีมชุด A ของเค้านะ บ้าไปแล้วครับ อย่างที่บอก ชาติอื่นเขาไม่มาคิดหรอกคัรบ ชาติที่เป็นใหญ่หรือระดับโลกจริงๆ ถึงขนาดบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน เล็กหรือใหญ่ เมื่อคุณลงไปทำหน้าที่ในนามทีมชาติ คุณต้องทำให้เต็มที่ๆ สุดเพราะคุณ ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเป็นหลัก แต่คุณกำลังทำหน้าที่แทนคนทั้งประเทศ และเมื่อคุณสำเร็จ ทุกคนก็จะยินดีร่วมกับคุณ
จะมีก็แต่คนแถวประเทศสารขันณ์นี่แหละครับ แพ้ก็ด่า ชนะก็ยังมาคิดต่อว่าเฮ้ยที่ชนะเขา เขา่อ่อย หรือเปล่า เขาเอาตัวสำรองลงหรือเปล่า ซึ่งผมโคตรเกลียดตั้งแต่สม้ัยที่เราได้แชมป์เอเชียปี 2009 แล้วคนจำนวนมากบอกจีนเขาอ่อย เขาเอาตัวสำรองมาแข่ง อย่างไทยหรือ จะมีปัญญา ชนะ จีน ญี่ปุ่น ฝันไปก่อน
หรือบางคน ตัวเองไม่เคยสร้างชื่อเสียงอะไรให้ประเทศชาติ พอนักกีฬาจะไปทำเหรียญเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งเป็นกีฬาระดับทวีป มีปากก็พูดพล่อยไปเรื่อยว่า ภูมิใจนักหรือ แค่เหรียญเอเชี่ยนเกมส์ (ไอ้ด๊วก นักกีฬาเขาเหนื่อยแทบตาย สายตัวแทบขาด เขาชนะเขาดีใจ แต่คำพูดแบบนี้ นักกีฬามาอ่าน จากที่ดีใจ หมดกันเลย ผมโคตรเกลียดจริงๆ ตัวเองไม่เคยทำได้อย่างเขา ดันปากพล่อยไปว่าเขาแบบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย )
ดังนั้น จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสมาคม หรือนักกีฬา บอกกันได้ครับ แต่ขอมาแบบมีเหตุผลมีหลักการ แต่อย่ามาแบบไม่ได้มีประโยชน์อะไร แถมตามด้วยข้ออ้างที่จะเหมือนเป็นเกราะป้องกันตัวประมาณ ติเพื่อก่อ ซึ่งผมเห็นเยอะมาก ที่พูดแบบนี้ แต่ไม่เห็นจะก่อ อะไร ออกไปในแนวก่อเรื่อง ซะมากกว่า ไม่ต้องติ ชาติจะได้ประโยชน์มากกว่าครับ ขอเป็นแนวแสดงความคิดเห็นแบบมีหลักการ ครับ ย้ำไม่ต้องติ ขอเหตุผลและหลักการครับ