เมื่อการมาถึงของ Eco car ทำให้ผู้คนเข้าถึงรถที่ประหยัดน้ำมันขึ้น ราคาถูกขึ้นได้ มีคนจำนวนมากหันมานิยมใช้
Eco car และค่ายรถที่ยังไม่เคยมีรถในกลุ่ม B segment มาก่อน ต่างนิยม นำ B car มาสวมเครื่องยนต์ 1.2 เป็น
Eco car
ในช่วงแรก มีการทำการตลาดเพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำด้าน Eco car กันเป็นอย่างมาก จึงโปรโมทคำว่า Eco car อย่างเต็มที่
แต่คำว่า Eco car ก็มีข้อเสียอีกด้านเช่นกัน
1. คนบางกลุ่มมีอคติ เกี่ยวกับภาพลักษณ์ รถกระป๋อง ? ใช้งานไหวหรือเครื่องเล็กๆ ?
2. ราคาที่มีเพดานที่มองไม่เห็นโผล่ขึ้นมา ราคารถต้องถูกกว่ารถ 1.5 มากๆ ทั้งๆ ที่ต้องยัด technology ในรถให้มากที่สุด (มากกว่าพวก 1.5 อีก)
ผู้ที่มาแรกๆ ต่างกอบโกยยอดขายในตลาด Eco car ด้วยการใช้รถ B car ของตัวเอง แต่ในระยะยาว ก็จำเป็นที่จะต้องมีรถ
1.5 ทำตลาด และราคาในรุ่นถัดไป แม้จะเป็น Eco car แต่ก็ต้องมีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่สามารถอยู่ภายในเพดาน
ราคาที่มองไม่เห็นได้
การเปลี่ยนแนวการตลาดเริ่มเกิดขึ้น เมื่อ Toyota เลิกใช้เครื่อง 1.5 ใน Yaris และหันมาใช้เครื่อง 1.2 Dual VVTi กับ Yaris ใหม่
และหลีกเลี่ยงการทำตลาดกับคำว่า Eco car เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าทั่วไปรู้สึกว่า Yaris ใหม่ เป็นรถที่ถูกมาก อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี
เมื่อเทียบกับ Vios ซึ่ง Yaris สงวนแค่ไฟตัดหมอกไว้ ให้แต่งทีหลัง แต่ไฟโปรเจ็คเตอร์ ไฟ LED ท้าย กันกระแทกประตู ก็ใส่มาให้ครบ
ตามสไตล์ Toyota ซึ่ง Eco car ค่ายอื่นไม่มีใครใส่มาให้ และทำราคาก้ำกึ่งระหว่าง Eco car กับ B car 1.5 รุ่นกลางๆ
ทำให้ ผู้บริโภค เริ่มงงๆ ใจนึงก็รู้ว่า ภาษีถูกเพราะเครื่องเล็กแบบ Eco car อีกใจนึงก็มองเห็นว่ามันคือ Vios 5 ประตู แถมประหยัดน้ำมัน
เข้ากับยุคน้ำมันแพง
และเมื่อผู้ที่ตามมาอีกค่าย แต่ไม่ใช่ Eco car นั่นก็คือ Ford Fiesta 1.0 Ecoboost แน่นอนว่า Ford จะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้
คนสับสน ว่า Ford เอา Fiesta มาใส่เครื่องระดับเดียวกับ Eco car แถมยังเล็กกว่าซะอีก หนำซ้ำ ยังดูเหมือนตามกระแส Yaris นี่น่าจะ
เป็นสายตาของคนทั่วไป ที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารวงการรถยนต์ แม้ว่า 1.0 Ecoboost จะเร็วและแรงเท่าเครื่อง 1.6 หรือ 1.8 แต่ว่า ราคา
ก็ทะยานไปสู่ระดับบนสุดของกลุ่ม B car เช่นกัน ถ้ามองมุมกลับ หาก Nissan นำ March รุ่นถัดไป ใส่เครื่องยนต์ 1.2 พ่วง Supercharger
สามารถผ่านเกณฑ์พื้นฐานด้านไอเสียและความประหยัดของ Eco car ได้ Nissan ก็มีสิทธิ์ที่จะหลีกเลี่ยง การตลาดคำว่า Eco car ได้เช่น
กัน
ตอนนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับมุมมองตลาด ว่าเริ่มมองเครื่องเล็กไปทางไหน คำว่า Eco car อาจจะเริ่มจางหายไปในอนาคต เพราะมันเป็นคำที่
ให้คุณและให้โทษในตัวของมันเองกับค่ายรถยนต์ เพราะต่อให้ค่ายรถยนต์ จัดหนักเรื่องตัวถังและ option มามากแค่ไหน มันก็เป็นเพียง
แค่ eco car ที่มีราคาห้ามเกินเท่านั้นเท่านี้
ลองมาแชร์ความเห็นกันดูสิครับ !
เมื่อรถ B car มาใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก คนอาจเริ่มงง Eco car หรือไม่ใช่ ?
เมื่อการมาถึงของ Eco car ทำให้ผู้คนเข้าถึงรถที่ประหยัดน้ำมันขึ้น ราคาถูกขึ้นได้ มีคนจำนวนมากหันมานิยมใช้
Eco car และค่ายรถที่ยังไม่เคยมีรถในกลุ่ม B segment มาก่อน ต่างนิยม นำ B car มาสวมเครื่องยนต์ 1.2 เป็น
Eco car
ในช่วงแรก มีการทำการตลาดเพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำด้าน Eco car กันเป็นอย่างมาก จึงโปรโมทคำว่า Eco car อย่างเต็มที่
แต่คำว่า Eco car ก็มีข้อเสียอีกด้านเช่นกัน
1. คนบางกลุ่มมีอคติ เกี่ยวกับภาพลักษณ์ รถกระป๋อง ? ใช้งานไหวหรือเครื่องเล็กๆ ?
2. ราคาที่มีเพดานที่มองไม่เห็นโผล่ขึ้นมา ราคารถต้องถูกกว่ารถ 1.5 มากๆ ทั้งๆ ที่ต้องยัด technology ในรถให้มากที่สุด (มากกว่าพวก 1.5 อีก)
ผู้ที่มาแรกๆ ต่างกอบโกยยอดขายในตลาด Eco car ด้วยการใช้รถ B car ของตัวเอง แต่ในระยะยาว ก็จำเป็นที่จะต้องมีรถ
1.5 ทำตลาด และราคาในรุ่นถัดไป แม้จะเป็น Eco car แต่ก็ต้องมีการปรับราคาขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่สามารถอยู่ภายในเพดาน
ราคาที่มองไม่เห็นได้
การเปลี่ยนแนวการตลาดเริ่มเกิดขึ้น เมื่อ Toyota เลิกใช้เครื่อง 1.5 ใน Yaris และหันมาใช้เครื่อง 1.2 Dual VVTi กับ Yaris ใหม่
และหลีกเลี่ยงการทำตลาดกับคำว่า Eco car เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าทั่วไปรู้สึกว่า Yaris ใหม่ เป็นรถที่ถูกมาก อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยี
เมื่อเทียบกับ Vios ซึ่ง Yaris สงวนแค่ไฟตัดหมอกไว้ ให้แต่งทีหลัง แต่ไฟโปรเจ็คเตอร์ ไฟ LED ท้าย กันกระแทกประตู ก็ใส่มาให้ครบ
ตามสไตล์ Toyota ซึ่ง Eco car ค่ายอื่นไม่มีใครใส่มาให้ และทำราคาก้ำกึ่งระหว่าง Eco car กับ B car 1.5 รุ่นกลางๆ
ทำให้ ผู้บริโภค เริ่มงงๆ ใจนึงก็รู้ว่า ภาษีถูกเพราะเครื่องเล็กแบบ Eco car อีกใจนึงก็มองเห็นว่ามันคือ Vios 5 ประตู แถมประหยัดน้ำมัน
เข้ากับยุคน้ำมันแพง
และเมื่อผู้ที่ตามมาอีกค่าย แต่ไม่ใช่ Eco car นั่นก็คือ Ford Fiesta 1.0 Ecoboost แน่นอนว่า Ford จะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้
คนสับสน ว่า Ford เอา Fiesta มาใส่เครื่องระดับเดียวกับ Eco car แถมยังเล็กกว่าซะอีก หนำซ้ำ ยังดูเหมือนตามกระแส Yaris นี่น่าจะ
เป็นสายตาของคนทั่วไป ที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารวงการรถยนต์ แม้ว่า 1.0 Ecoboost จะเร็วและแรงเท่าเครื่อง 1.6 หรือ 1.8 แต่ว่า ราคา
ก็ทะยานไปสู่ระดับบนสุดของกลุ่ม B car เช่นกัน ถ้ามองมุมกลับ หาก Nissan นำ March รุ่นถัดไป ใส่เครื่องยนต์ 1.2 พ่วง Supercharger
สามารถผ่านเกณฑ์พื้นฐานด้านไอเสียและความประหยัดของ Eco car ได้ Nissan ก็มีสิทธิ์ที่จะหลีกเลี่ยง การตลาดคำว่า Eco car ได้เช่น
กัน
ตอนนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับมุมมองตลาด ว่าเริ่มมองเครื่องเล็กไปทางไหน คำว่า Eco car อาจจะเริ่มจางหายไปในอนาคต เพราะมันเป็นคำที่
ให้คุณและให้โทษในตัวของมันเองกับค่ายรถยนต์ เพราะต่อให้ค่ายรถยนต์ จัดหนักเรื่องตัวถังและ option มามากแค่ไหน มันก็เป็นเพียง
แค่ eco car ที่มีราคาห้ามเกินเท่านั้นเท่านี้
ลองมาแชร์ความเห็นกันดูสิครับ !