เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายวันแล้ว เกือบทุกเช้าก็จะนั่งรถตู้เพื่อมาต่อรถเมล์อีกที เรากับแฟนก็ขึ้นรถตู้ปกติเดินไปนั่งหลังสุดเรานั่งริมหน้าต่างขวามือคนขับ นั่งปุ๊บก็หันมองข้างทางตลอดที่รถวิ่งส่วนแฟนก็เล่นเกมมือถือไป รถวิ่งไปได้สักสิบนาทีรถก็จอดรับคนที่ป้ายหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
เราก็ยังคงมองข้างทางอยู่ แต่หันหน้ามามองเพราะเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "มันควรจะเป็นสิทธ์ของคนมาก่อนไม่ใช่หรอคะ"
เรายืดคอไปมอง เห็นผู้หญิงสองคนยืนที่ประตูรถ ส่วนอีกคนนั่งอยู่เบาะเดี่ยวที่ติดกับประตู แล้วคนที่ยืนด้านล่างก็ขึ้นมานั่งเบาะเสริม
เหตุการณ์ก็ดูปกติไม่มีอะไร จนกระทั่งมีเสียงพูดขึ้นมา "คุณพูดไม่ถูก พูดแบบนี้ดิฉันก็เสียหายสิคะ....."
ประมาณนี้)
อีกคนก็สวนขึ้นมาทันที "คนมาก่อนก็ควรจะได้ขึ้นก่อนสิ" แล้วบรรยากาศก็เงียบไป
ไม่ถึง 2 นาที ก็มีการปะทะคารมกันเกิดขึ้น ขอใช้แทนบุคคลว่า A=คนที่อ้างว่ามาก่อน B=คนที่ถูกกล่าวหาว่ามาหลัง C=คนขับ
B : คุณพูดไม่ถูกนะ ดิฉันจะไปทราบได้ยังไงว่าคนไหนมาก่อนมาหลัง คิวก็ไม่มี ถ้าต่อคิวแบบป้ายใหญ่ๆแบบป้าย....ดิฉันก็จะทราบว่าใครมาก่อนหลัง แต่นี่มันไม่มีคิวฉันจะรู้ได้ยังไง ขอถามคุณว่าถ้ามีคนยืนที่ป้ายรถเมล์ คุณจะรู้ไหมว่าใครจะขึ้นรถตู้ ใครจะขึ้นรถเมล์ ถ้ามีคนอยู่ที่ป้ายสี่คน จะรู้ไหมว่าใครมาก่อนหลัง (เราฟังแล้วก็คิดเอิ่มมมถ้ามีแค่สี่คนเราว่า เรารู้นะว่าใครมาก่อนหลัง)
A : จะไม่รู้ได้ยังไง ก็มายืนรออยู่ มันก็ควรจะเป็นสิทธ์ของคนที่มาก่อนได้ขึ้นสิคะ
B : ดิฉันจะทราบได้ยังไงว่าคุณจะขึ้นรถตู้ คุณมัวแต่กดโทรศัพท์ ดิฉันจะไปทราบได้ยังไงว่าคนไหนจะขึ้นรถเมล์ คนไหนจะขึ้นรถตู้
แล้วก็ถกเถียงกันสักพักนึง ต่างคนต่างมีข้ออ้างของตัวเอง ทันใดนั้น
C : พี่เค้าโบกรถผม ผมถึงจอด ถ้าคุณโบกผมก็ไม่จอดหรอก เพราะที่ผมเหลือที่เดียว แล้วผมก็จอดให้คนที่โบกรถผมเท่านั้นด้วย
ผมเห็นพี่แล้วละว่าพี่ยืนอยู่ที่ป้าย แต่เห็นก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ พี่เค้าวิ่งมาโบกผมก็จอด ถึงพี่โบกผมก็ไม่จอดเพราะมันเหลือแค่ที่เดียว
เหตุการณ์เงียบไปพักนึง คิดว่าจบแล้ว ยังคะ ยังไม่จบ
B : คุณจะทำอะไรคิดดีๆนะคะ ถ้าคุณโพสอะไรให้ดิฉันเสียหาย ดิฉันจะฟ้องคุณให้ถึงที่สุดนะ ดิฉันเป็นนักกฏหมาย คิดดีๆนะคะ
(เหตุการณ์คือ คุณAหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ประหนึ่งว่าจะประจาน คุณB ลงเฟสบุค)
A : ไม่พูดตอบโต้ แต่ทำหน้าทำตาและเบะปากใส่
ฝ่าย B ไม่น้อยหน้า ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเช่นกัน แต่ก็สงบกันไปทั้งคู่ จนถึงป้ายที่คนลงจากรถ A ก็ขยับไปนั่งแทนที่ แต่ยังไม่วายหันหน้ามามอง B แบบเอาเรื่อง
ทีแรกเราก็ไม่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก เลยไม่เข้าใจ B ว่าทำไมถึงพูดว่าคนมายืนป้ายรถเมล์ ไม่มีคิว เค้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครมาก่อนมาหลัง ได้ยินประโยคนี้เราก็แบบ เห้ยพูดแบบนี้ได้ไงวะ มันเป็นสามัญสำนึกคนดิ ทำไมจะไม่รู้ แต่พอแฟนมาเล่าให้ฟังเราก็อ๋อ เออ A เค้าก็ผิดจริงๆอะเนอะ ที่มัวแต่เล่นโทรศัพท์ไม่ยอมโบกรถ พอรถมาก็มโนเอาเองว่ารถจอดให้นาง แต่ Bก็พูดไม่ถูกเรื่องคนมาก่อนหลัง ถ้ามันมีจำนวนน้อยมันก็น่าจะรู้ด้วยตัวเองว่าเรามาก่อนหรือหลัง ในบางเหตุการณ์เราเองก็สนับสนุนให้คนมีจิตสำนึกในการต่อคิวนะ มันเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝัง รุ่นป้ารุ่นยาย อาม่า อาซิ้ม เราคงไม่สอนเค้าไม่ได้ สอนเด็กๆนี่แหละโตขึ้นจะได้มีจิตสำนึกที่ดี ว่าไหม
เรื่องเล่าบนรถตู้โดยสาร
เราก็ยังคงมองข้างทางอยู่ แต่หันหน้ามามองเพราะเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "มันควรจะเป็นสิทธ์ของคนมาก่อนไม่ใช่หรอคะ"
เรายืดคอไปมอง เห็นผู้หญิงสองคนยืนที่ประตูรถ ส่วนอีกคนนั่งอยู่เบาะเดี่ยวที่ติดกับประตู แล้วคนที่ยืนด้านล่างก็ขึ้นมานั่งเบาะเสริม
เหตุการณ์ก็ดูปกติไม่มีอะไร จนกระทั่งมีเสียงพูดขึ้นมา "คุณพูดไม่ถูก พูดแบบนี้ดิฉันก็เสียหายสิคะ....."ประมาณนี้)
อีกคนก็สวนขึ้นมาทันที "คนมาก่อนก็ควรจะได้ขึ้นก่อนสิ" แล้วบรรยากาศก็เงียบไป
ไม่ถึง 2 นาที ก็มีการปะทะคารมกันเกิดขึ้น ขอใช้แทนบุคคลว่า A=คนที่อ้างว่ามาก่อน B=คนที่ถูกกล่าวหาว่ามาหลัง C=คนขับ
B : คุณพูดไม่ถูกนะ ดิฉันจะไปทราบได้ยังไงว่าคนไหนมาก่อนมาหลัง คิวก็ไม่มี ถ้าต่อคิวแบบป้ายใหญ่ๆแบบป้าย....ดิฉันก็จะทราบว่าใครมาก่อนหลัง แต่นี่มันไม่มีคิวฉันจะรู้ได้ยังไง ขอถามคุณว่าถ้ามีคนยืนที่ป้ายรถเมล์ คุณจะรู้ไหมว่าใครจะขึ้นรถตู้ ใครจะขึ้นรถเมล์ ถ้ามีคนอยู่ที่ป้ายสี่คน จะรู้ไหมว่าใครมาก่อนหลัง (เราฟังแล้วก็คิดเอิ่มมมถ้ามีแค่สี่คนเราว่า เรารู้นะว่าใครมาก่อนหลัง)
A : จะไม่รู้ได้ยังไง ก็มายืนรออยู่ มันก็ควรจะเป็นสิทธ์ของคนที่มาก่อนได้ขึ้นสิคะ
B : ดิฉันจะทราบได้ยังไงว่าคุณจะขึ้นรถตู้ คุณมัวแต่กดโทรศัพท์ ดิฉันจะไปทราบได้ยังไงว่าคนไหนจะขึ้นรถเมล์ คนไหนจะขึ้นรถตู้
แล้วก็ถกเถียงกันสักพักนึง ต่างคนต่างมีข้ออ้างของตัวเอง ทันใดนั้น
C : พี่เค้าโบกรถผม ผมถึงจอด ถ้าคุณโบกผมก็ไม่จอดหรอก เพราะที่ผมเหลือที่เดียว แล้วผมก็จอดให้คนที่โบกรถผมเท่านั้นด้วย
ผมเห็นพี่แล้วละว่าพี่ยืนอยู่ที่ป้าย แต่เห็นก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ พี่เค้าวิ่งมาโบกผมก็จอด ถึงพี่โบกผมก็ไม่จอดเพราะมันเหลือแค่ที่เดียว
เหตุการณ์เงียบไปพักนึง คิดว่าจบแล้ว ยังคะ ยังไม่จบ
B : คุณจะทำอะไรคิดดีๆนะคะ ถ้าคุณโพสอะไรให้ดิฉันเสียหาย ดิฉันจะฟ้องคุณให้ถึงที่สุดนะ ดิฉันเป็นนักกฏหมาย คิดดีๆนะคะ
(เหตุการณ์คือ คุณAหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย ประหนึ่งว่าจะประจาน คุณB ลงเฟสบุค)
A : ไม่พูดตอบโต้ แต่ทำหน้าทำตาและเบะปากใส่
ฝ่าย B ไม่น้อยหน้า ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเช่นกัน แต่ก็สงบกันไปทั้งคู่ จนถึงป้ายที่คนลงจากรถ A ก็ขยับไปนั่งแทนที่ แต่ยังไม่วายหันหน้ามามอง B แบบเอาเรื่อง
ทีแรกเราก็ไม่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก เลยไม่เข้าใจ B ว่าทำไมถึงพูดว่าคนมายืนป้ายรถเมล์ ไม่มีคิว เค้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครมาก่อนมาหลัง ได้ยินประโยคนี้เราก็แบบ เห้ยพูดแบบนี้ได้ไงวะ มันเป็นสามัญสำนึกคนดิ ทำไมจะไม่รู้ แต่พอแฟนมาเล่าให้ฟังเราก็อ๋อ เออ A เค้าก็ผิดจริงๆอะเนอะ ที่มัวแต่เล่นโทรศัพท์ไม่ยอมโบกรถ พอรถมาก็มโนเอาเองว่ารถจอดให้นาง แต่ Bก็พูดไม่ถูกเรื่องคนมาก่อนหลัง ถ้ามันมีจำนวนน้อยมันก็น่าจะรู้ด้วยตัวเองว่าเรามาก่อนหรือหลัง ในบางเหตุการณ์เราเองก็สนับสนุนให้คนมีจิตสำนึกในการต่อคิวนะ มันเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝัง รุ่นป้ารุ่นยาย อาม่า อาซิ้ม เราคงไม่สอนเค้าไม่ได้ สอนเด็กๆนี่แหละโตขึ้นจะได้มีจิตสำนึกที่ดี ว่าไหม