เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยซื้อ Note 10.1 มาใช้ได้แค่ประมาณ 2 วัน แล้วประกาศขายทันที รวมแล้วมันเป็น device ที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยที่สุดราวๆ 4 วัน เนื่องจากมันไม่ตอบโจทย์ผม โดยเฉพาะความละเอียดหน้าจอที่ต่ำเกินไป (สำหรับผม) และแอพบนแท๊บเล็ตแอนดรอยยังไม่น่าใช้เท่าที่ควร การกลับมาของ Note 10.1 (2014 Edition) จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง นั่นคือสิ่งที่ผมสนใจ
สเป็กคร่าวๆ ของรุ่น SM-P601
- CPU Exynos 8 core (4 core 1.9 GHz + 4 core 1.3 GHz)
- RAM 3 GB
- พื้นที่ภายใน 32 GB รองรับการใส่ Micro SD
- หน้าจอ 10.1 นิ้ว 2560 x 1600 (299 PPI)
- กล้องหลัง 8 ล้าน (พร้อมแฟลช) กล้องหน้า 2 ล้าน
- แบต 8220 mAh
- รองรับการโทร มีรีโมท และลำโพงคู่
- น้ำหนักประมาณ 540 กรัม
เรื่องแรกที่ผม เอ๊ะ! ก็คือมันมาพร้อมแอนดรอย 4.3 ครับ ใหม่มากๆ
ด้านหน้ามีกล้อง 2 ล้าน ส่วนด้านหลังเป็นกล้อง 8 ล้านพร้อมแฟลช ฝาหลังดูด้วยตาเหมือนหนังสัตว์ แต่สัมผัสคือพลาสติก
3 ปุ่มล่าง ไล่จาก menu, home, back ถ้ากดค้างจะเป็น search, recent apps, Multi Window
ด้านล่างเป็นช่องเสียบสายชาร์จ ผมชอบตรงที่มันเป็น Micro USB หาสายง่ายดี
ด้านบนเป็นปุ่ม เปิด-ปิด เพิ่ม-ลดเสียง และรีโมท
ด้านซ้ายเป็นช่องเสียบหูฟัง และลำโพง
ด้านขวามีช่องใส่ซิมและ Micro SD ตามด้วยลำโพง และปากกา
จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงไม่พ้นปากกา และพื้นที่การแสดงผลที่ใช้งานได้สะดวกกว่า Note 3
ส่วนที่ผมชอบก็คือ Action Memo ที่สามารถนำข้อความที่เขียนไปใช้ต่อได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการโทร หรือค้นหาข้อมูลต่างๆ
ถัดมาคือ Scrapbook ที่ใช้เก็บสิ่งที่เราชอบไว้ดูทีหลังได้ ข้อดีคือมัน sync ข้อมูลบนแต่ละเครื่องด้วย พวกข้อมูลที่ผมเคยทำไว้บน Note 3 ก็มาอยู่บน Note 10.1 ให้เอง
จุดเด่นก็ Scrapbook ก็คือมันสามารถกดเล่น YouTube ได้ทันที (แต่เครื่องที่ผมได้มาทดสอบ ไม่สามารถทำได้ ต้องรออัพเดท)
และ Pen Window ช่วยให้เปิดแอพขึ้นมาตามขนาดกรอบที่เราวาด
แต่พอใช้จริง แอพที่เปิดมันใหญ่กว่ากรอบที่เราวาด ไม่เหมือนตอนใช้ Note 3
และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ มันสามารถเปิดหลายๆ หน้าต่างได้
ข้อดีอีกอย่างก็คือ เราสามารถย่อแต่ละหน้าต่างไปเก็บไว้ และกดมาใช้ใหม่ได้
นอกจาก Pen Window แล้วก็ยังมี Multi Window ที่ไว้เปิด 2 แอพพร้อมกัน
นอกจากจะทำให้เราใช้งาน 2 แอพได้พร้อมกันแล้ว เรายังสามารถ copy ข้อมูลข้ามระหว่างแอพได้สะดวกขึ้น หรือถ้าเป็นพวกบ้า social จะเปิดไลน์พร้อมเฟซบุ๊คเลยก็ยังได้
สำหรับคนทำงานก็สามารถขีดเขียนลงในปฏิทินได้ด้วย
มี Polaris Office ไว้สำหรับจัดการเอกสาร และสามารถหยิบปากกามาขีดเขียนได้ทันที
ลูกเล่นปากกาที่มีมานานจนหลายคนลืมไปแล้วก็คือ เราสามารถกดปุ่มที่ปากกาค้างไว้ แล้ว crop รูปที่เราต้องการและใช้ต่อในแอพต่างๆได้
ผมลอง crop แล้วกดโพสเฟซบุ๊ค มันก็แนบรูปมาให้ทันที
ถ้าเทียบในกลุ่มแอนดรอยด้วยกันแล้วผมชอบแป้นพิมพ์ของซัมซุงที่สุด เพราะมีการจัดวางใกล้เคียงแบบมาตรฐาน และสามารถ swipe พิมพ์โดยการลากนิ้ว
พร้อมรองรับการใช้งาน emoji อีกด้วย
แอพจดบันทึกอย่าง S Note ก็สามารถใส่สภาพอากาศ รวมทั้งรูปถ่ายได้
และเนื่องจาก S Note เลือกเก็บข้อมูลไว้บน Evernote ได้ พี่ท่านเลยจัด Premium Account ให้ 1 ปี
ส่วน Dropbox ก็ได้พื้นที่ 50 GB 2 ปี
สำหรับคนที่ชอบเล่น Twitter น่าจะถูกใจเป็นพิเศษ เพราะมีแอพที่ออกแบบมาเพื่อ Note 10.1 สามารถขีดเขียนแล้วโพสได้ทันที
แต่สิ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนของแท๊บเล็ตแอนดรอยก็คือ แอพส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับหน้าจอใหญ่ๆ แม้แต่เฟซบุ๊คก็ตาม
จะเห็นว่าการแสดงผลค่อนข้างขัดแย้ง ตัวหนังสือเล็ก แต่รูปใหญ่มาก
ระบบการสั่งงานด้วยท่าทางก็ยังคงมีอยู่
สิ่งที่ผมชอบมากก็คือ Reader ที่ใช้แปลงหน้าเว็บอันวุ่นวายให้อ่านได้ง่ายขึ้น แต่ปัญหาคือมันไม่ได้รองรับทุกเว็บ
มีรีโมทให้ใช้ได้ และถ้าคิดว่าแอพรีโมทไม่ดีพอ ก็ไปหาโหลดเพิ่มได้ (บางคนเอาไปควบคุมแอร์)
สำหรับการดูคลิป ก็ยังสามารถทำ popup ออกมาดูพร้อมกับเปิดใช้งานแอพอื่นได้เช่นเคย
แอพเล่นเพลงก็สามารถตั้งเวลาปิดเพลงได้ เหมาะกับการเปิดเพลงฟังก่อนนอน
ความดังและคุณภาพเสียงที่ได้ถือว่าโอเคเลยทีเดียว
สำหรับการเล่นเกม ด้วยสเป็กก็สามารถเล่นเกมได้สบายๆ แต่ด้วยขนาดอาจจะถือไม่สะดวกเท่าไร
จุดเด่นอีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลยคือมันโทรและส่งข้อความได้
ซึ่งผมคิดว่ามันเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินน่าจะเหมาะกว่า เพราะเสียงสนทนาจะออกมาทางลำโพง ยกเว้นจะใช้บลูทธ หรือหูฟัง
เรื่องกล้องต้องบอกว่าพัฒนาไปเยอะมาก มีคนบอกว่าคุณภาพเทียบเท่า Note 2 แต่ลูกเล่นเทียบเท่า Note 3
ตัวอย่างรูป
และสุดท้าย ใครที่คิดว่า Note 10.1 ใหญ่เกินไป ผมหยิบ iPad Air มาเทียบให้ดูละกัน พูดง่ายๆว่าขนาดพอๆกันเลย
โดยรวมแล้วผมคิดว่ามันเป็นแท๊บเล็ตที่น่าใช้ที่สุดในกลุ่มแอนดรอย มีจุดเด่นคือปากกา และสามารถเปิดใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้น แต่ที่ผมงงมาตลอดก็คือ Note 10.1 series ทำไมมันใช้จริงแล้วกระตุกกว่า Note 2, 3 ...อาจจะเป็นเพราะ TouchWiz UI ก็เป็นได้ ส่วนเรื่องภาพ เสียง กล้อง ถือว่าพัฒนาไปกว่า Note 10.1 รุ่นแรกอย่างมาก แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความร้อนที่ฝาหลัง
แถมท้าย... ผมเชื่อว่าหลายคนคิดไม่ตก ระหว่าง iPad Air กับ Note 10.1 ซึ่งผมมองว่ามันคนละโลกกันเลยครับ แค่ขึ้นชื่อว่า iOS ผมก็ยกให้เค้าชนะ Android ในเรื่องความเสถียร ความเร็ว และโดยเฉพาะแอพฝั่งแท๊บเล็ตที่ iPad กินขาด แต่ Note 10.1 มีดีตรงปากกา การเปิด 2 แอพพร้อมกัน และโทรได้ในยามจำเป็น ผมจะไม่บอกว่าอันไหนดีกว่า แต่ผมจะให้คุณตอบตัวเองว่าคุณต้องการอะไร แล้วคุณจะรู้ว่าเครื่องไหนเหมาะกับคุณ
Source:
http://www.bacidea.com/review-samsung-galaxy-note-10-1-2014-edition.html
[SR] รีวิว Samsung Galaxy Note 10.1 (2014 Edition) by bacidea
เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยซื้อ Note 10.1 มาใช้ได้แค่ประมาณ 2 วัน แล้วประกาศขายทันที รวมแล้วมันเป็น device ที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยที่สุดราวๆ 4 วัน เนื่องจากมันไม่ตอบโจทย์ผม โดยเฉพาะความละเอียดหน้าจอที่ต่ำเกินไป (สำหรับผม) และแอพบนแท๊บเล็ตแอนดรอยยังไม่น่าใช้เท่าที่ควร การกลับมาของ Note 10.1 (2014 Edition) จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง นั่นคือสิ่งที่ผมสนใจ
สเป็กคร่าวๆ ของรุ่น SM-P601
- CPU Exynos 8 core (4 core 1.9 GHz + 4 core 1.3 GHz)
- RAM 3 GB
- พื้นที่ภายใน 32 GB รองรับการใส่ Micro SD
- หน้าจอ 10.1 นิ้ว 2560 x 1600 (299 PPI)
- กล้องหลัง 8 ล้าน (พร้อมแฟลช) กล้องหน้า 2 ล้าน
- แบต 8220 mAh
- รองรับการโทร มีรีโมท และลำโพงคู่
- น้ำหนักประมาณ 540 กรัม
เรื่องแรกที่ผม เอ๊ะ! ก็คือมันมาพร้อมแอนดรอย 4.3 ครับ ใหม่มากๆ
ด้านหน้ามีกล้อง 2 ล้าน ส่วนด้านหลังเป็นกล้อง 8 ล้านพร้อมแฟลช ฝาหลังดูด้วยตาเหมือนหนังสัตว์ แต่สัมผัสคือพลาสติก
3 ปุ่มล่าง ไล่จาก menu, home, back ถ้ากดค้างจะเป็น search, recent apps, Multi Window
ด้านล่างเป็นช่องเสียบสายชาร์จ ผมชอบตรงที่มันเป็น Micro USB หาสายง่ายดี
ด้านบนเป็นปุ่ม เปิด-ปิด เพิ่ม-ลดเสียง และรีโมท
ด้านซ้ายเป็นช่องเสียบหูฟัง และลำโพง
ด้านขวามีช่องใส่ซิมและ Micro SD ตามด้วยลำโพง และปากกา
จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงไม่พ้นปากกา และพื้นที่การแสดงผลที่ใช้งานได้สะดวกกว่า Note 3
ส่วนที่ผมชอบก็คือ Action Memo ที่สามารถนำข้อความที่เขียนไปใช้ต่อได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการโทร หรือค้นหาข้อมูลต่างๆ
ถัดมาคือ Scrapbook ที่ใช้เก็บสิ่งที่เราชอบไว้ดูทีหลังได้ ข้อดีคือมัน sync ข้อมูลบนแต่ละเครื่องด้วย พวกข้อมูลที่ผมเคยทำไว้บน Note 3 ก็มาอยู่บน Note 10.1 ให้เอง
จุดเด่นก็ Scrapbook ก็คือมันสามารถกดเล่น YouTube ได้ทันที (แต่เครื่องที่ผมได้มาทดสอบ ไม่สามารถทำได้ ต้องรออัพเดท)
และ Pen Window ช่วยให้เปิดแอพขึ้นมาตามขนาดกรอบที่เราวาด
แต่พอใช้จริง แอพที่เปิดมันใหญ่กว่ากรอบที่เราวาด ไม่เหมือนตอนใช้ Note 3
และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ มันสามารถเปิดหลายๆ หน้าต่างได้
ข้อดีอีกอย่างก็คือ เราสามารถย่อแต่ละหน้าต่างไปเก็บไว้ และกดมาใช้ใหม่ได้
นอกจาก Pen Window แล้วก็ยังมี Multi Window ที่ไว้เปิด 2 แอพพร้อมกัน
นอกจากจะทำให้เราใช้งาน 2 แอพได้พร้อมกันแล้ว เรายังสามารถ copy ข้อมูลข้ามระหว่างแอพได้สะดวกขึ้น หรือถ้าเป็นพวกบ้า social จะเปิดไลน์พร้อมเฟซบุ๊คเลยก็ยังได้
สำหรับคนทำงานก็สามารถขีดเขียนลงในปฏิทินได้ด้วย
มี Polaris Office ไว้สำหรับจัดการเอกสาร และสามารถหยิบปากกามาขีดเขียนได้ทันที
ลูกเล่นปากกาที่มีมานานจนหลายคนลืมไปแล้วก็คือ เราสามารถกดปุ่มที่ปากกาค้างไว้ แล้ว crop รูปที่เราต้องการและใช้ต่อในแอพต่างๆได้
ผมลอง crop แล้วกดโพสเฟซบุ๊ค มันก็แนบรูปมาให้ทันที
ถ้าเทียบในกลุ่มแอนดรอยด้วยกันแล้วผมชอบแป้นพิมพ์ของซัมซุงที่สุด เพราะมีการจัดวางใกล้เคียงแบบมาตรฐาน และสามารถ swipe พิมพ์โดยการลากนิ้ว
พร้อมรองรับการใช้งาน emoji อีกด้วย
แอพจดบันทึกอย่าง S Note ก็สามารถใส่สภาพอากาศ รวมทั้งรูปถ่ายได้
และเนื่องจาก S Note เลือกเก็บข้อมูลไว้บน Evernote ได้ พี่ท่านเลยจัด Premium Account ให้ 1 ปี
ส่วน Dropbox ก็ได้พื้นที่ 50 GB 2 ปี
สำหรับคนที่ชอบเล่น Twitter น่าจะถูกใจเป็นพิเศษ เพราะมีแอพที่ออกแบบมาเพื่อ Note 10.1 สามารถขีดเขียนแล้วโพสได้ทันที
แต่สิ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนของแท๊บเล็ตแอนดรอยก็คือ แอพส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับหน้าจอใหญ่ๆ แม้แต่เฟซบุ๊คก็ตาม
จะเห็นว่าการแสดงผลค่อนข้างขัดแย้ง ตัวหนังสือเล็ก แต่รูปใหญ่มาก
ระบบการสั่งงานด้วยท่าทางก็ยังคงมีอยู่
สิ่งที่ผมชอบมากก็คือ Reader ที่ใช้แปลงหน้าเว็บอันวุ่นวายให้อ่านได้ง่ายขึ้น แต่ปัญหาคือมันไม่ได้รองรับทุกเว็บ
มีรีโมทให้ใช้ได้ และถ้าคิดว่าแอพรีโมทไม่ดีพอ ก็ไปหาโหลดเพิ่มได้ (บางคนเอาไปควบคุมแอร์)
สำหรับการดูคลิป ก็ยังสามารถทำ popup ออกมาดูพร้อมกับเปิดใช้งานแอพอื่นได้เช่นเคย
แอพเล่นเพลงก็สามารถตั้งเวลาปิดเพลงได้ เหมาะกับการเปิดเพลงฟังก่อนนอน
ความดังและคุณภาพเสียงที่ได้ถือว่าโอเคเลยทีเดียว
สำหรับการเล่นเกม ด้วยสเป็กก็สามารถเล่นเกมได้สบายๆ แต่ด้วยขนาดอาจจะถือไม่สะดวกเท่าไร
จุดเด่นอีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลยคือมันโทรและส่งข้อความได้
ซึ่งผมคิดว่ามันเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินน่าจะเหมาะกว่า เพราะเสียงสนทนาจะออกมาทางลำโพง ยกเว้นจะใช้บลูทธ หรือหูฟัง
เรื่องกล้องต้องบอกว่าพัฒนาไปเยอะมาก มีคนบอกว่าคุณภาพเทียบเท่า Note 2 แต่ลูกเล่นเทียบเท่า Note 3
ตัวอย่างรูป
และสุดท้าย ใครที่คิดว่า Note 10.1 ใหญ่เกินไป ผมหยิบ iPad Air มาเทียบให้ดูละกัน พูดง่ายๆว่าขนาดพอๆกันเลย
โดยรวมแล้วผมคิดว่ามันเป็นแท๊บเล็ตที่น่าใช้ที่สุดในกลุ่มแอนดรอย มีจุดเด่นคือปากกา และสามารถเปิดใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้น แต่ที่ผมงงมาตลอดก็คือ Note 10.1 series ทำไมมันใช้จริงแล้วกระตุกกว่า Note 2, 3 ...อาจจะเป็นเพราะ TouchWiz UI ก็เป็นได้ ส่วนเรื่องภาพ เสียง กล้อง ถือว่าพัฒนาไปกว่า Note 10.1 รุ่นแรกอย่างมาก แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความร้อนที่ฝาหลัง
แถมท้าย... ผมเชื่อว่าหลายคนคิดไม่ตก ระหว่าง iPad Air กับ Note 10.1 ซึ่งผมมองว่ามันคนละโลกกันเลยครับ แค่ขึ้นชื่อว่า iOS ผมก็ยกให้เค้าชนะ Android ในเรื่องความเสถียร ความเร็ว และโดยเฉพาะแอพฝั่งแท๊บเล็ตที่ iPad กินขาด แต่ Note 10.1 มีดีตรงปากกา การเปิด 2 แอพพร้อมกัน และโทรได้ในยามจำเป็น ผมจะไม่บอกว่าอันไหนดีกว่า แต่ผมจะให้คุณตอบตัวเองว่าคุณต้องการอะไร แล้วคุณจะรู้ว่าเครื่องไหนเหมาะกับคุณ
Source: http://www.bacidea.com/review-samsung-galaxy-note-10-1-2014-edition.html