วันนี้จะมาวิเคราะห์ทีมเอ็นบีเอซีซั่น 2013-2014ซึ่งต้องขอออกตัวก่อนว่าผมเป็นแฟนบอสตัน เซลติกส์ ดังนั้นจึงขอวิเคราะห์ทีมเซลติกส์เป็นทีมแรก เรามาดูกันเลย
หลังจากแพ้ตกรอบแรกให้แก่นิวยอร์ก นิกส์ไป 4-2 เกมส์ช่วงปิดซีซั่นเซลติกส์ทำการปฏิวัติทีมครั้งใหญ่เมื่อตัดสินใจเทรดเฟรนไชส์เพลเยอร์ที่อยู่กับทีมมายาวนานและสร้างสถิติต่างๆไว้กับทีมมากมายอย่างพอล เพียร์ซและฟอเวริ์ดขวัญใจชาวบอสตันอย่างเควิน การ์เนตต์รวมถึงเจสัน เทอรี่ย์ไปบรู้คลิน เน็ตส์เพื่อแลกกับเจอรัลด์ วอลเลซ,คริส ฮัมฟรี่ย์,คีธ โบแกนส์,มาชอว์น บรุ๊คส์รวมถึงสิทธิ์ดราฟต์ในอนาคต และรวมถึงการแต่งตั้งแบรด สตีเวนส์โค้ชหนุ่มหน้าเด็กวัย 37 ปีที่ประสบความสำเร็จกับมหาวิทยาลัยบัตเลอร์มาคุมทีมแทน "หมอหมา" ด็อค ริเวอร์สเฮดโค้ชผู้ซึ่งเคยพาทีมเซลติกส์เข้าชิงสองครั้งและได้แชมป์เมื่อปี 2008 ที่ตัดสินใจโยกย้ายไปคุมทีมคลิปเปอร์ส ซึ่งหลายฝ่ายต่างมองการกระทำเช่นนี้ของทีมว่าต้องการแท้งค์ซีซั่นแน่ๆเพื่อที่จะเอาอันดับดราฟต์เพื่อเลือกวิกกิ้นส์หรือปาร์คเกอร์สองดาวรุ่งมากพรสวรรค์เข้าสู่ทีม แต่ทั้งแดนนี่ เอนจ์และแบรด สตีเวนส์ออกมาปฏิเสธทันควัน และกล่าวว่า "ไม่มีคำว่า Tank Season ในพจนานุกรมของเซลติกส์"
โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของทีม โอเคเพียร์ซกับเคจีเป็นที่รักและขวัญใจของแฟนๆเซลติกส์ แฟนๆไม่อยากเสียทั้งคู่ไปอยากให้ทั้งสองคนนี้จบอาชีพการเล่นที่บอสตัน แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาจะเห็นเลยว่า อายุและสังขารได้พรากความสุดยอดของทั้งสองคนนี้ไปมากแล้ว เพียร์ซอวบ,แก่และอุ้ยอ้าย บ่อยครั้งที่โค้ชด็อคจะวางแผนให้เพียร์ซเป็นคนถือบอลและปิดบัญชีในช่วงสำคัญๆเฉกเช่นอดีตที่ผ่านมาที่เพียร์ซเคยทำสำเร็จบ่อยครั้ง แตซีซั่นที่แล้วThe Truth กลับทำไม่ได้เหมือนเช่นก่อนบางทีก็ทำบอลหลุดมือเองบ้างและมักจะเสียเทริ์นโอเวอร์ในช่วงสำคัญๆเสมอทำให้ทีมแพ้ไปหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเคจีน่าเห็นใจนะใจเขาสู้ แต่สังขารเขาดูไม่ไหวแล้วในวัย 37 ปี อย่างที่ทราบกันว่าตอนสมัยอยู่วูลฟ์สเคจีใช้ร่างกายเปลืองมากใส่เต็มที่ทุกเกมส์จนร่างกายกรอบเป็นข้าวเกรียบในบั้นปลายอาชีพ
ก็ถือว่าโอเคเพราะการที่เพียร์ซและเคจีย้ายไปเน็ตส์เป็นการดีกับทั้งสองคนนี้เพราะเขาทั้งสองคนจะไม่ต้องเป็นตัวหลักและตัวความหวังของทีมอีกต่อไปและทางเน็ตส์เองก็หวังลุ้นแชมป์ในระยะเวลาอันสั้นรวมถึงต้องการสร้างภาพลักษณ์ของทีมให้ดูดีขึ้น ส่วนทางเซลติกส์เองก็ได้ผู้เล่นหนุ่มกว่าสดกว่าเข้ามาแทน รวมถึงสิทธิ์ดราฟต์อีกเรียกว่าวินวินทั้งสองฝ่าย
เซลติกส์เปิดซีซั่นด้วยการยังไม่มีราจอน รอนโด้การ์ดจ่ายตัวเก่งที่ยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บแต่ได้ผู้เล่นรุกกี้ใหม่มาเสริมทีมสามคนคือเคลลี่ โอลินิคเซ็นเตอร์7ฟุตผมยาวสัญชาติแคนาดาดราฟต์อันดับ 13 ซึ่งโชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงปิดซีซั่น,วิคเตอร์ ฟาเวอรานี่เซ็นเตอร์ชาวบราซิลรวมถึงการ์ดจ่ายอย่างฟิล เพรสลี่ย์ โดยที่ความหวังสูงสุดของทีมคือเจฟฟ์ กรีนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา
เรามาดูในแต่ละตำแหน่งกันว่าใครเป็นใครบ้าง
C: เซลติกส์เริ่มต้นซีซั่นด้วยการให้ฟาเวอรานี่ยืนตัวจริงในตำแหน่งนี้ และฟาเวอรานี่ก็ทำผลงานได้ดีมากโดยเฉพาะการบล็อคและรีบาวด์แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ฟาเวอรานี่โดนลดเวลาเล่นลงและเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับโอลินิค ซึ่งทีมอาจจะมองเห็นว่าโอลินิคอาจจะเหมาะกับระบบทีมมากกว่าในเรื่องความคล่องตัว การเล่นเกมเร็ว แต่โอลินิคต้องไปเสริมความแกร่งอีกเยอะบางเหลือเกิน มีหลายฝ่ายต่างคาดการณ์ว่าเขาจะกลายเป็นเดริ์ค โนวิตสกี้คนต่อไป(ดันใส่เบอร์41 เหมือนกันด้วย) ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป
PF:ทีมยังคงไว้ใจแบรนด้อน แบสส์ให้ยืนตัวจริงในตำแหน่งนีทั้งๆที่ตัวเตี้ยและก็ไม่ได้รีบาวด์หรือเกมรับดีอะไร อาจมีดีตรงการชู้ตระยะกลางบ้างเท่านั้น(แต่ก็ไม่ได้แม่นมาก) แต่ที่น่าแปลกใจคือโค้ชจับคริส ฮัมฟรี่ย์ฟอเวริ์ดจอมรีบาวด์ที่สูงใหญ่กว่าแบสส์ดองเค็มเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆที่ฮัมฟรีย์ไม่ได้บาดเจ็บอะไร โค้ชน่าจะเลือกใช้งานฮัมฟรีย์มากกว่าแบสส์ ส่วนในตำแหน่งนี้ที่น่าจับตาอีกคนคือจาเร็ด ซัลลิงเจอร์ที่มีดีเรื่องลูกขยันการรีบาวด์ที่แข็งแกร่งและทำแต้มได้ทั้งวงนอกและวงใน เซลติกส์ควรให้เขาโชว์ผลงานเต็มที่ในปีนี้หลังจากปีที่แล้วเขาโดนอาการบาดเจ็บที่หลังรบกวนจนต้องพักยาวไป
SF:แน่นอนหัวใจหลักของตำแหน่งนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจฟ กรีนที่ทีมสามารถฝากบอลไว้ให้กับเขาได้เสมอๆ นอกจากนั้นกรีนยังพัฒนาตัวเองให้กลายมาเป็นผู้เล่นที่ชู้ตตัดสินเกมส์ช่วงสำคัญได้ดีอีกด้วย เขาน่าจะเป็นตัวหลักให้กับเซลติคส์ได้อีกหลายปี ส่วนในตำแหน่งสำรองนี้คือเจอรัลด์ วอลเลซอดีตออลสตาร์จากชาลอตต์ บ๊อบแคทส์ เท่าที่ดูเหมือนวอลเลซจะมีส่วนร่วมในเกมรุกค่อนข้างน้อยมาก คือไม่ค่อยได้ชู้ตเลยในแต่ละเกมส์แต่วอลเลซก็ช่วยด้านอื่นๆได้ดีพอสมควรเช่นการรีบาวด์ จ่ายบอลรวมถึงการเล่นเกมส์รับแต่ถึงยังไงเขาควรมีส่วนร่วมในเกมรุกมากกว่านี้ให้คุ้มค่ากับค่าจ้างราคาแพงระยับที่เขาได้รับ
SG.จอร์แดน ครอว์ฟอร์ดเหมือนฟอร์มกำลังจะกลับมาดีเหมือนตอนเล่นให้กับวิซาร์ดสเลยปีนี้บทบาทเขาเยอะขึ้นแน่ ส่วนสำรองอย่างคอร์ตนี่ ลีย์ก็มีเกมรับที่ดี เกมรุกใช้ได้พอสมควรส่วนบรู้คส์นั้นได้โอกาสลงเล่นน้อยมากทั้งๆที่ตัวเขามีศักยภาพพอที่น่าจะได้รับโอกาสลงเล่นมากกว่านี้
PG.เอเวอรี่ แบรดลี่ย์จับจองในตำแหน่งนี้จนกว่ารอนโด้จะหายเจ็บกลับมา เกมรับคือจุดแข็งของเขา เขาสามารถป้องกันคู่แข่งและขโมยลูกไปทำแต้มได้บ่อยครั้งและพอชู้ตวงนอกได้แต่ยังไม่สม่ำเสมอพอและเขาไม่ใช่การ์ดจ่ายธรรมชาติถ้ารอนโด้กลับมาแบรดลี่ย์คงได้กลับไปเล่นตำแหน่งชู้ตติ้งการ์ดที่ถนัดเหมือนเดิม ส่วนรุกกี้อย่างเพรสลี่ย์น่าจะยังไม่ได้โอกาสลงเล่นมากนักในปีนี้
ข้อดีของทีมชุดนี้คือไม่ต้องกังวลกับโปรแกรมการแข่งที่ติดๆกัน เมื่อก่อนเซลติกส์มักมีปัญหาเสมอๆยามลงเล่นติดๆกันเพราะอายุอานามของผู้เล่นตัวหลักอย่างเพียร์ซ,เคจี ซึ่งบ่อยครั้งที่เซลติกส์จะบ้อท่าพ่ายแพ้เสมอๆยามลงเล่นติดๆกันแต่สำหรับปีนี้เซลติกส์มีทีมที่หนุ่มขึ้นสดขึ้นวิ่งไล่ได้ทั้งเกมส์ไม่มีหมดแน่นอน ประเด็นคือเจฟ กรีนจะทำได้ดีแค่ไหน? เขาไม่เคยเป็นตัวหลักของทีมมาก่อน ตั้งแต่สมัยอยู่ธันเดอร์เขาก็เป็นตัวซัพพอร์ทให้กับดูแรนท์พอย้ายมาเซลติคส์เขาก็ต้องเป็นพระรองให้กับเพียร์ซและเคจี ดังนั้นปีนี้จะเป็นปีที่พิสูจน์ว่าเขาจะสามารถก้าวขึ้นมาสู่ระดับออลสตาร์ได้หรือไม่ ซึ่งถ้าจะให้ประเมินแล้วผ่านมาสิบกว่าเกมส์นอกจากลูกชู้ตปลิดวิญญาณไมอามี่แล้วนอกนั้นถือว่ากรีนยังสอบตกอยู่บางเกมส์ก็หาห่วงไม่เจอออกทะเลไปเลย อีกเรื่องนึงคือถ้ารอนโด้กลับมาทีมจะเล่นแบบไหน? เป็นที่รู้กันอยู่ว่ารอนโด้ชอบเซ็ทเพลย์ในการเล่นเกมส์บุกขึ้นมาแต่ละครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ ปีก่อนที่ยังมีรอนโด้คุมเกมส์เซลติกส์มีสถิติแพ้มากกว่าชนะ แต่พอรอนโด้เจ็บยาวทีมเล่นเกมรุกไหลลื่นขึ้นและมีผลงานดีกว่ายามที่มีรอนโด้คุมเกมส์ ดังนั้นโค้ชสตีเวนส์จะให้รอนโด้คุมเกมส์ในรูปแบบไหนมันก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย ล่าสุดมีข่าวเรื่องการเทรดรอนโด้เกิดขึ้นซึ่งถ้าทีมเทรดรอนโด้จริงจะเท่ากับว่าทีมจะไม่มีการ์ดจ่ายอาชีพในทีมเลย แบรดลี่ย์ไม่ใช่ตัวสร้างสรรค์เกมส์ส่วนเพรสลี่ย์ยังต้องเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกเยอะกับการเล่นในเอ็นบีเอ การจะเทรดออลสตาร์อย่างรอนโด้ควรจะได้อะไรกลับมาที่คุ้มค่าสมเหตุสมผล
ความน่าจะเป็น
แบรด สตีเวนส์ไม่น่าจะพาเซลติกส์ผ่านเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟปีนี้ได้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 90 ริค พิทิโน่โค้ชชื่อดังผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าอย่างเคนทั้กกี้(ล่าสุดพิทิโน่พาหลุยส์วิลล์คว้าแชมป์ได้เข้าฮอลออฟเฟรมไปแล้ว)ถูกทาบทามให้มารับงานเป็นเฮดโค้ชองเซลติกส์ด้วยสัญญามูลค่ามหาศาล พิทิโน่ยังไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้เลย ตลอดช่วงเวลาที่คุมทีมหลายปีพิทิโน่ีไม่เคยพาเซลติกส์เข้ารอบเพลย์ออฟได้และไม่เคยมีผลงานชนะมากกว่าแพ้ ดังนั้นอย่าไปคาดหวังว่าโค้ชหนุ่มน้อยและไม่เคยมีประสบการณ์การคุมทีมในเอ็นบีเออย่างสตีเวนส์จะสามารถพาบอสตัน เซลติกส์เข้ารอบเพลย์ออฟได้ทันทีในปีนี้แม้ว่าการเข้ารอบเพลย์ออฟของสายตะวันออกจะง่ายกว่าสายตะวันตกมากก็ตาม
Boston Celtics 2013-2014
หลังจากแพ้ตกรอบแรกให้แก่นิวยอร์ก นิกส์ไป 4-2 เกมส์ช่วงปิดซีซั่นเซลติกส์ทำการปฏิวัติทีมครั้งใหญ่เมื่อตัดสินใจเทรดเฟรนไชส์เพลเยอร์ที่อยู่กับทีมมายาวนานและสร้างสถิติต่างๆไว้กับทีมมากมายอย่างพอล เพียร์ซและฟอเวริ์ดขวัญใจชาวบอสตันอย่างเควิน การ์เนตต์รวมถึงเจสัน เทอรี่ย์ไปบรู้คลิน เน็ตส์เพื่อแลกกับเจอรัลด์ วอลเลซ,คริส ฮัมฟรี่ย์,คีธ โบแกนส์,มาชอว์น บรุ๊คส์รวมถึงสิทธิ์ดราฟต์ในอนาคต และรวมถึงการแต่งตั้งแบรด สตีเวนส์โค้ชหนุ่มหน้าเด็กวัย 37 ปีที่ประสบความสำเร็จกับมหาวิทยาลัยบัตเลอร์มาคุมทีมแทน "หมอหมา" ด็อค ริเวอร์สเฮดโค้ชผู้ซึ่งเคยพาทีมเซลติกส์เข้าชิงสองครั้งและได้แชมป์เมื่อปี 2008 ที่ตัดสินใจโยกย้ายไปคุมทีมคลิปเปอร์ส ซึ่งหลายฝ่ายต่างมองการกระทำเช่นนี้ของทีมว่าต้องการแท้งค์ซีซั่นแน่ๆเพื่อที่จะเอาอันดับดราฟต์เพื่อเลือกวิกกิ้นส์หรือปาร์คเกอร์สองดาวรุ่งมากพรสวรรค์เข้าสู่ทีม แต่ทั้งแดนนี่ เอนจ์และแบรด สตีเวนส์ออกมาปฏิเสธทันควัน และกล่าวว่า "ไม่มีคำว่า Tank Season ในพจนานุกรมของเซลติกส์"
โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของทีม โอเคเพียร์ซกับเคจีเป็นที่รักและขวัญใจของแฟนๆเซลติกส์ แฟนๆไม่อยากเสียทั้งคู่ไปอยากให้ทั้งสองคนนี้จบอาชีพการเล่นที่บอสตัน แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาจะเห็นเลยว่า อายุและสังขารได้พรากความสุดยอดของทั้งสองคนนี้ไปมากแล้ว เพียร์ซอวบ,แก่และอุ้ยอ้าย บ่อยครั้งที่โค้ชด็อคจะวางแผนให้เพียร์ซเป็นคนถือบอลและปิดบัญชีในช่วงสำคัญๆเฉกเช่นอดีตที่ผ่านมาที่เพียร์ซเคยทำสำเร็จบ่อยครั้ง แตซีซั่นที่แล้วThe Truth กลับทำไม่ได้เหมือนเช่นก่อนบางทีก็ทำบอลหลุดมือเองบ้างและมักจะเสียเทริ์นโอเวอร์ในช่วงสำคัญๆเสมอทำให้ทีมแพ้ไปหลายต่อหลายครั้ง ส่วนเคจีน่าเห็นใจนะใจเขาสู้ แต่สังขารเขาดูไม่ไหวแล้วในวัย 37 ปี อย่างที่ทราบกันว่าตอนสมัยอยู่วูลฟ์สเคจีใช้ร่างกายเปลืองมากใส่เต็มที่ทุกเกมส์จนร่างกายกรอบเป็นข้าวเกรียบในบั้นปลายอาชีพ
ก็ถือว่าโอเคเพราะการที่เพียร์ซและเคจีย้ายไปเน็ตส์เป็นการดีกับทั้งสองคนนี้เพราะเขาทั้งสองคนจะไม่ต้องเป็นตัวหลักและตัวความหวังของทีมอีกต่อไปและทางเน็ตส์เองก็หวังลุ้นแชมป์ในระยะเวลาอันสั้นรวมถึงต้องการสร้างภาพลักษณ์ของทีมให้ดูดีขึ้น ส่วนทางเซลติกส์เองก็ได้ผู้เล่นหนุ่มกว่าสดกว่าเข้ามาแทน รวมถึงสิทธิ์ดราฟต์อีกเรียกว่าวินวินทั้งสองฝ่าย
เซลติกส์เปิดซีซั่นด้วยการยังไม่มีราจอน รอนโด้การ์ดจ่ายตัวเก่งที่ยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บแต่ได้ผู้เล่นรุกกี้ใหม่มาเสริมทีมสามคนคือเคลลี่ โอลินิคเซ็นเตอร์7ฟุตผมยาวสัญชาติแคนาดาดราฟต์อันดับ 13 ซึ่งโชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงปิดซีซั่น,วิคเตอร์ ฟาเวอรานี่เซ็นเตอร์ชาวบราซิลรวมถึงการ์ดจ่ายอย่างฟิล เพรสลี่ย์ โดยที่ความหวังสูงสุดของทีมคือเจฟฟ์ กรีนที่โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา
เรามาดูในแต่ละตำแหน่งกันว่าใครเป็นใครบ้าง
C: เซลติกส์เริ่มต้นซีซั่นด้วยการให้ฟาเวอรานี่ยืนตัวจริงในตำแหน่งนี้ และฟาเวอรานี่ก็ทำผลงานได้ดีมากโดยเฉพาะการบล็อคและรีบาวด์แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ฟาเวอรานี่โดนลดเวลาเล่นลงและเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับโอลินิค ซึ่งทีมอาจจะมองเห็นว่าโอลินิคอาจจะเหมาะกับระบบทีมมากกว่าในเรื่องความคล่องตัว การเล่นเกมเร็ว แต่โอลินิคต้องไปเสริมความแกร่งอีกเยอะบางเหลือเกิน มีหลายฝ่ายต่างคาดการณ์ว่าเขาจะกลายเป็นเดริ์ค โนวิตสกี้คนต่อไป(ดันใส่เบอร์41 เหมือนกันด้วย) ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไป
PF:ทีมยังคงไว้ใจแบรนด้อน แบสส์ให้ยืนตัวจริงในตำแหน่งนีทั้งๆที่ตัวเตี้ยและก็ไม่ได้รีบาวด์หรือเกมรับดีอะไร อาจมีดีตรงการชู้ตระยะกลางบ้างเท่านั้น(แต่ก็ไม่ได้แม่นมาก) แต่ที่น่าแปลกใจคือโค้ชจับคริส ฮัมฟรี่ย์ฟอเวริ์ดจอมรีบาวด์ที่สูงใหญ่กว่าแบสส์ดองเค็มเสียเป็นส่วนใหญ่ ทั้งๆที่ฮัมฟรีย์ไม่ได้บาดเจ็บอะไร โค้ชน่าจะเลือกใช้งานฮัมฟรีย์มากกว่าแบสส์ ส่วนในตำแหน่งนี้ที่น่าจับตาอีกคนคือจาเร็ด ซัลลิงเจอร์ที่มีดีเรื่องลูกขยันการรีบาวด์ที่แข็งแกร่งและทำแต้มได้ทั้งวงนอกและวงใน เซลติกส์ควรให้เขาโชว์ผลงานเต็มที่ในปีนี้หลังจากปีที่แล้วเขาโดนอาการบาดเจ็บที่หลังรบกวนจนต้องพักยาวไป
SF:แน่นอนหัวใจหลักของตำแหน่งนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจฟ กรีนที่ทีมสามารถฝากบอลไว้ให้กับเขาได้เสมอๆ นอกจากนั้นกรีนยังพัฒนาตัวเองให้กลายมาเป็นผู้เล่นที่ชู้ตตัดสินเกมส์ช่วงสำคัญได้ดีอีกด้วย เขาน่าจะเป็นตัวหลักให้กับเซลติคส์ได้อีกหลายปี ส่วนในตำแหน่งสำรองนี้คือเจอรัลด์ วอลเลซอดีตออลสตาร์จากชาลอตต์ บ๊อบแคทส์ เท่าที่ดูเหมือนวอลเลซจะมีส่วนร่วมในเกมรุกค่อนข้างน้อยมาก คือไม่ค่อยได้ชู้ตเลยในแต่ละเกมส์แต่วอลเลซก็ช่วยด้านอื่นๆได้ดีพอสมควรเช่นการรีบาวด์ จ่ายบอลรวมถึงการเล่นเกมส์รับแต่ถึงยังไงเขาควรมีส่วนร่วมในเกมรุกมากกว่านี้ให้คุ้มค่ากับค่าจ้างราคาแพงระยับที่เขาได้รับ
SG.จอร์แดน ครอว์ฟอร์ดเหมือนฟอร์มกำลังจะกลับมาดีเหมือนตอนเล่นให้กับวิซาร์ดสเลยปีนี้บทบาทเขาเยอะขึ้นแน่ ส่วนสำรองอย่างคอร์ตนี่ ลีย์ก็มีเกมรับที่ดี เกมรุกใช้ได้พอสมควรส่วนบรู้คส์นั้นได้โอกาสลงเล่นน้อยมากทั้งๆที่ตัวเขามีศักยภาพพอที่น่าจะได้รับโอกาสลงเล่นมากกว่านี้
PG.เอเวอรี่ แบรดลี่ย์จับจองในตำแหน่งนี้จนกว่ารอนโด้จะหายเจ็บกลับมา เกมรับคือจุดแข็งของเขา เขาสามารถป้องกันคู่แข่งและขโมยลูกไปทำแต้มได้บ่อยครั้งและพอชู้ตวงนอกได้แต่ยังไม่สม่ำเสมอพอและเขาไม่ใช่การ์ดจ่ายธรรมชาติถ้ารอนโด้กลับมาแบรดลี่ย์คงได้กลับไปเล่นตำแหน่งชู้ตติ้งการ์ดที่ถนัดเหมือนเดิม ส่วนรุกกี้อย่างเพรสลี่ย์น่าจะยังไม่ได้โอกาสลงเล่นมากนักในปีนี้
ข้อดีของทีมชุดนี้คือไม่ต้องกังวลกับโปรแกรมการแข่งที่ติดๆกัน เมื่อก่อนเซลติกส์มักมีปัญหาเสมอๆยามลงเล่นติดๆกันเพราะอายุอานามของผู้เล่นตัวหลักอย่างเพียร์ซ,เคจี ซึ่งบ่อยครั้งที่เซลติกส์จะบ้อท่าพ่ายแพ้เสมอๆยามลงเล่นติดๆกันแต่สำหรับปีนี้เซลติกส์มีทีมที่หนุ่มขึ้นสดขึ้นวิ่งไล่ได้ทั้งเกมส์ไม่มีหมดแน่นอน ประเด็นคือเจฟ กรีนจะทำได้ดีแค่ไหน? เขาไม่เคยเป็นตัวหลักของทีมมาก่อน ตั้งแต่สมัยอยู่ธันเดอร์เขาก็เป็นตัวซัพพอร์ทให้กับดูแรนท์พอย้ายมาเซลติคส์เขาก็ต้องเป็นพระรองให้กับเพียร์ซและเคจี ดังนั้นปีนี้จะเป็นปีที่พิสูจน์ว่าเขาจะสามารถก้าวขึ้นมาสู่ระดับออลสตาร์ได้หรือไม่ ซึ่งถ้าจะให้ประเมินแล้วผ่านมาสิบกว่าเกมส์นอกจากลูกชู้ตปลิดวิญญาณไมอามี่แล้วนอกนั้นถือว่ากรีนยังสอบตกอยู่บางเกมส์ก็หาห่วงไม่เจอออกทะเลไปเลย อีกเรื่องนึงคือถ้ารอนโด้กลับมาทีมจะเล่นแบบไหน? เป็นที่รู้กันอยู่ว่ารอนโด้ชอบเซ็ทเพลย์ในการเล่นเกมส์บุกขึ้นมาแต่ละครั้ง ซึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ ปีก่อนที่ยังมีรอนโด้คุมเกมส์เซลติกส์มีสถิติแพ้มากกว่าชนะ แต่พอรอนโด้เจ็บยาวทีมเล่นเกมรุกไหลลื่นขึ้นและมีผลงานดีกว่ายามที่มีรอนโด้คุมเกมส์ ดังนั้นโค้ชสตีเวนส์จะให้รอนโด้คุมเกมส์ในรูปแบบไหนมันก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย ล่าสุดมีข่าวเรื่องการเทรดรอนโด้เกิดขึ้นซึ่งถ้าทีมเทรดรอนโด้จริงจะเท่ากับว่าทีมจะไม่มีการ์ดจ่ายอาชีพในทีมเลย แบรดลี่ย์ไม่ใช่ตัวสร้างสรรค์เกมส์ส่วนเพรสลี่ย์ยังต้องเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกเยอะกับการเล่นในเอ็นบีเอ การจะเทรดออลสตาร์อย่างรอนโด้ควรจะได้อะไรกลับมาที่คุ้มค่าสมเหตุสมผล
ความน่าจะเป็น
แบรด สตีเวนส์ไม่น่าจะพาเซลติกส์ผ่านเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟปีนี้ได้ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 90 ริค พิทิโน่โค้ชชื่อดังผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าอย่างเคนทั้กกี้(ล่าสุดพิทิโน่พาหลุยส์วิลล์คว้าแชมป์ได้เข้าฮอลออฟเฟรมไปแล้ว)ถูกทาบทามให้มารับงานเป็นเฮดโค้ชองเซลติกส์ด้วยสัญญามูลค่ามหาศาล พิทิโน่ยังไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้เลย ตลอดช่วงเวลาที่คุมทีมหลายปีพิทิโน่ีไม่เคยพาเซลติกส์เข้ารอบเพลย์ออฟได้และไม่เคยมีผลงานชนะมากกว่าแพ้ ดังนั้นอย่าไปคาดหวังว่าโค้ชหนุ่มน้อยและไม่เคยมีประสบการณ์การคุมทีมในเอ็นบีเออย่างสตีเวนส์จะสามารถพาบอสตัน เซลติกส์เข้ารอบเพลย์ออฟได้ทันทีในปีนี้แม้ว่าการเข้ารอบเพลย์ออฟของสายตะวันออกจะง่ายกว่าสายตะวันตกมากก็ตาม