ดิฉันมีประสบการณ์ตรงเรื่องการฝังเข็ม มาเล่าสู่กันฟังเป็นอุทาหรณ์และข้อควรระวังสำหรับคนไข้ที่มีโรคประจำตัว และหวังว่าการฝังเข็มจะช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานจากโรคที่เป็นอยู่
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรง ที่เกิดกับคุณแม่ของดิฉันเอง ท่านเส้นเลือดในสมองแตกหลังจากการฝังเข็ม ต้องบอกก่อนว่าท่านมีโรคประจำตัวเป็น เบาหวาน ความดัน และหลอดเลือดสมองตีบอยู่แล้ว จึงต้องระวังเป็นพิเศษในการรักษาอื่นๆโดยเฉพาะต้องควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงกว่าปกติ เพราะมีความเสี่ยงที่เส้นเลือดสมองที่ตีบอยู่แล้วจะแตกได้ง่ายมาก นอกจากนี้คุณแม่เป็นโรคกระดูกพรุนด้วยค่ะ ก่อนหน้านี้ท่านไปนวดแผนโบราณเพื่อลดอาการเมื่อยสะโพก สถานที่นวดแผนโบราณก็บอกว่านวดหนักไม่ได้เพราะกระดูกพรุน และอบสมุนไพรไม่ได้เพราะเป็นโรคความดัน
คุณแม่ไปฝังเข็ม 2 ครั้งที่คลีนิกแห่งหนึ่ง หวังจะบรรเทาอาหารเมื่อยสะโพก คลีนิกชื่อ "11 ไทย-จีน คลีนิกการแพทย์แผนไทย" อยู่แถวจอมทอง หมอชื่อ "หมอเฉิน" ครั้งแรกคุณแม่ฝังเข็มและกดจดด้วย ซึ่งคุณแม่บอกเจ็บมาก ต่างจากที่ไปนวดแผนโบราณ อีกทั้งคุณหมอยังให้ยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งเพิ่มความดันในเลือดมาด้วย ซึ่งทำให้กลับมาคิดว่าหมอฝังเข็มอาจไมได้คำนึงถึงโรคความดันสูงของคุณแม่ จริงๆแล้วตัวเราต้องศึกษาว่าโรคประจำตัวที่เราเป็นอยู่ต้องระวังอะไรบ้าง อะไรที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และกระตุ้นโรคที่เราเป็นอยู่เราก็ควรคัดค้าน แต่คุณแม่เชื่อหมอค่ะ ทานยาจนหมด
วันเกิดเหตุคือครั้งที่ 2 พี่ชายดิฉันพาคุณแม่ไป คุณหมอฝังเข็มทราบว่าคุณแม่มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ก่อนการฝังเข็มจึงมีการวัดความดันโลหิต ได้ค่า 160 ซึ่งจัดว่าสูง และอันตราย แต่คุณหมอก็ยังดำเนินการฝังเข็มคุณแม่ จนเมื่อฝังเสร็จ 5 นาทีต่อมา คุณแม่มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง อาเจียนตลอดเวลา คุณหมอฝังเข็มเห็นก็บอกว่าให้รีบพาส่ง รพ ด่วน โชคดีที่คุณแม่ถูกนำส่ง รพ ที่ท่านรักษาประจำ หมอจึงไม่เสียเวลาหาสาเหตุของอาการนาน แต่ความดันเลือดขณะถึง รพ อยู่ที่ 200 คาดว่าเส้นเลือดสมองคุณแม่ได้แตกไปแล้ว หมอจึงต้องทำการผ่าตัดด่วน เพื่อลดความดันในกระโหลก จนถึงวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด แต่คุณแม่ก็ยังไม่รู้สึกตัว คุณหมอที่ รพ ก็ให้คำตอบไม่ได้ แต่มีแนวโน้มว่าคุณแม่อาจเป็นอัมพาต หรือนอนโดยไม่ตื่นอีกเลย เนื่องจากสมองถูกทำลายไปมาก
หลังจากนั้นครอบครัวดิฉันถามคุณหมอที่โรงพยาบาลว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่เส้นเลือดสมองคุณแม่แตกเพราะฝังเข็ม คุณหมอให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ เนื่องจากตอนฝังเจ็บมากทำให้ความดันสูงเฉียบพลัน
เหตุการณ์นี้ครอบครัวของเราไม่ต้องการโทษคุณหมอฝังเข็ม เนื่องจากคุณแม่ก็มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อหลอดเลือดสมองแตกอยู่แล้ว แต่เมื่อหมอวัดความดันคุณแม่แล้วพบว่าความดันสูง ก็ไม่ควรจะดึงดันฝังเข็มต่อไป เมื่อเห็นว่าคนไข้มีความเสี่ยงก็น่าจะยกเลิกการฝังเข็ม ดิฉันอยากให้กรณีคุณแม่เป็นตัวจุดประกายเล็กๆ สำหรับครอบครัวที่มีผู้ป่วยว่าควรระมัดระวังการรักษาเพิ่มเติมจากแพทย์ปัจจุบัน เช่น การกดจุด ฝังเข็ม หรือกินยาสมุนไพร ยาลูกกลอน พวกเราไม่ควรมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ดูกรณีแม่ของดิฉันเป็นตัวอย่าง พวกเราไม่รู้เลยว่าท่านจะตื่นเมื่อไร วันไหนอาการท่านดีขึ้น ไม่มีไข้ พวกเราก็ใจชื้น แต่ถ้าวันไหนท่านทรุด พวกเราก็จิตตกทั้งครอบครัว รู้แล้วค่ะ ที่เขาบอกว่าถ้ามีสมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวป่วย ก็เหมือนเราป่วยทั้งครอบครัว
"ฝังเข็ม" ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ จริงหรือ?
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรง ที่เกิดกับคุณแม่ของดิฉันเอง ท่านเส้นเลือดในสมองแตกหลังจากการฝังเข็ม ต้องบอกก่อนว่าท่านมีโรคประจำตัวเป็น เบาหวาน ความดัน และหลอดเลือดสมองตีบอยู่แล้ว จึงต้องระวังเป็นพิเศษในการรักษาอื่นๆโดยเฉพาะต้องควบคุมความดันโลหิตไม่ให้สูงกว่าปกติ เพราะมีความเสี่ยงที่เส้นเลือดสมองที่ตีบอยู่แล้วจะแตกได้ง่ายมาก นอกจากนี้คุณแม่เป็นโรคกระดูกพรุนด้วยค่ะ ก่อนหน้านี้ท่านไปนวดแผนโบราณเพื่อลดอาการเมื่อยสะโพก สถานที่นวดแผนโบราณก็บอกว่านวดหนักไม่ได้เพราะกระดูกพรุน และอบสมุนไพรไม่ได้เพราะเป็นโรคความดัน
คุณแม่ไปฝังเข็ม 2 ครั้งที่คลีนิกแห่งหนึ่ง หวังจะบรรเทาอาหารเมื่อยสะโพก คลีนิกชื่อ "11 ไทย-จีน คลีนิกการแพทย์แผนไทย" อยู่แถวจอมทอง หมอชื่อ "หมอเฉิน" ครั้งแรกคุณแม่ฝังเข็มและกดจดด้วย ซึ่งคุณแม่บอกเจ็บมาก ต่างจากที่ไปนวดแผนโบราณ อีกทั้งคุณหมอยังให้ยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งเพิ่มความดันในเลือดมาด้วย ซึ่งทำให้กลับมาคิดว่าหมอฝังเข็มอาจไมได้คำนึงถึงโรคความดันสูงของคุณแม่ จริงๆแล้วตัวเราต้องศึกษาว่าโรคประจำตัวที่เราเป็นอยู่ต้องระวังอะไรบ้าง อะไรที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และกระตุ้นโรคที่เราเป็นอยู่เราก็ควรคัดค้าน แต่คุณแม่เชื่อหมอค่ะ ทานยาจนหมด
วันเกิดเหตุคือครั้งที่ 2 พี่ชายดิฉันพาคุณแม่ไป คุณหมอฝังเข็มทราบว่าคุณแม่มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง ก่อนการฝังเข็มจึงมีการวัดความดันโลหิต ได้ค่า 160 ซึ่งจัดว่าสูง และอันตราย แต่คุณหมอก็ยังดำเนินการฝังเข็มคุณแม่ จนเมื่อฝังเสร็จ 5 นาทีต่อมา คุณแม่มีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง อาเจียนตลอดเวลา คุณหมอฝังเข็มเห็นก็บอกว่าให้รีบพาส่ง รพ ด่วน โชคดีที่คุณแม่ถูกนำส่ง รพ ที่ท่านรักษาประจำ หมอจึงไม่เสียเวลาหาสาเหตุของอาการนาน แต่ความดันเลือดขณะถึง รพ อยู่ที่ 200 คาดว่าเส้นเลือดสมองคุณแม่ได้แตกไปแล้ว หมอจึงต้องทำการผ่าตัดด่วน เพื่อลดความดันในกระโหลก จนถึงวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด แต่คุณแม่ก็ยังไม่รู้สึกตัว คุณหมอที่ รพ ก็ให้คำตอบไม่ได้ แต่มีแนวโน้มว่าคุณแม่อาจเป็นอัมพาต หรือนอนโดยไม่ตื่นอีกเลย เนื่องจากสมองถูกทำลายไปมาก
หลังจากนั้นครอบครัวดิฉันถามคุณหมอที่โรงพยาบาลว่า เป็นไปได้หรือไม่ ที่เส้นเลือดสมองคุณแม่แตกเพราะฝังเข็ม คุณหมอให้ความเห็นว่าเป็นไปได้ เนื่องจากตอนฝังเจ็บมากทำให้ความดันสูงเฉียบพลัน
เหตุการณ์นี้ครอบครัวของเราไม่ต้องการโทษคุณหมอฝังเข็ม เนื่องจากคุณแม่ก็มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อหลอดเลือดสมองแตกอยู่แล้ว แต่เมื่อหมอวัดความดันคุณแม่แล้วพบว่าความดันสูง ก็ไม่ควรจะดึงดันฝังเข็มต่อไป เมื่อเห็นว่าคนไข้มีความเสี่ยงก็น่าจะยกเลิกการฝังเข็ม ดิฉันอยากให้กรณีคุณแม่เป็นตัวจุดประกายเล็กๆ สำหรับครอบครัวที่มีผู้ป่วยว่าควรระมัดระวังการรักษาเพิ่มเติมจากแพทย์ปัจจุบัน เช่น การกดจุด ฝังเข็ม หรือกินยาสมุนไพร ยาลูกกลอน พวกเราไม่ควรมองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ดูกรณีแม่ของดิฉันเป็นตัวอย่าง พวกเราไม่รู้เลยว่าท่านจะตื่นเมื่อไร วันไหนอาการท่านดีขึ้น ไม่มีไข้ พวกเราก็ใจชื้น แต่ถ้าวันไหนท่านทรุด พวกเราก็จิตตกทั้งครอบครัว รู้แล้วค่ะ ที่เขาบอกว่าถ้ามีสมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวป่วย ก็เหมือนเราป่วยทั้งครอบครัว