เดี๋ยวนี้การเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมันช่างง่ายดายเมื่อไม่ต้องขอ VISA ก่อนไป(แต่ไปลุ้นเอาหน้างานแทนว่าเค้าจะให้เข้าประเทศรึเปล่านะครับ) สำหรับคนที่ไม่เคยไปประเทศญี่ปุ่นการเดินทางไปเที่ยวด้วยตัวเองคงต้องหาข้อมูลกันเยอะจนตาลายเลยทีเดียว ดังนั้นกระทู้นี้ผมจะรวบรวมข้อมูลสำคัญคร่าวๆที่ผมใช้ในการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 10วัน 9คืน
ขั้นเตรียมการ
1.ไปฤดูไหนดี?
ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล ใบไม้ผลิ ร้อน ใบไม้ร่วง หนาว แต่ละฤดูก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป
ฤดูใบไมผลิ (มี.ค. – พ.ค.)
สวย อุณหภูมิกำลังดีประมาณ 12-18 องศา แต่ๆๆๆ เป็นฤดูที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด การจองเครื่องบิน จองที่พัก ต้องวางแผนกันระยะยาวหน่อย ไปเที่ยวแต่ละที่ก็จะพบกับฝูงชนมหาศาล จนเราจะหามุมถ่ายรูปไม่ได้ ยิ่งถ้าอยากไปชมซากุระ ต้องพึ่งพาบุญวาสนา เพราะดอกซากุระจะบานอยู่แค่ประมาณอาทิตย์เดียวเท่านั้น!!!!
ฤดูร้อน ( มิ.ย.- ส.ค. )
อันนี้ข้อมูลน้อยขอผ่านละกันครับ ใครมีอะไรเพิ่มเติมก็บอกกันได้นะครับ
ฤดูใบไม้ร่วง ( ก.ย.- พ.ย. )
เป็นอีกหนึ่งฤดูที่เป็นที่นิยมมากกกกก อุณหภูมิ10-16 องศาเรียกได้ว่ากำลังสบายๆ เช้าๆอาจจะรู้สึกหนาวๆหน่อย การจองก็ต้องจองล่วงหน้าพอสมควร พูดได้เลยว่าใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่สวยมากกกกกก
ฤดูหนาว ( ธ.ค.- ก.พ.)
ฤดูนี้อาจจะฮิตน้อยกว่าหน่อย แต่สำหรับคนที่อยากเจอหิมะ อยากเห็นงานคริสต์มาสต์ ปีใหม่ ก็ต้องมาฤดูนี้เท่านั้น อุณหภูมิ ก็ราวๆ -2ถึง8 องศา(ฮอกไกโดเข้าหน้าหนาวก่อน และอุณหภูมิประมาณ -20)
2.ภาษา
อังกฤษ
เป็นภาษาที่จำเป็นมากโดยเฉพาะเวลาอยู่ที่โรงแรม สำหรับการเดินทาง เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่"พอจะฟังและพูดได้" แต่บางคนก็ใช้ได้ดี แต่สำหรับการไปซื้อของตามminimart หรือร้านค้าต่างๆ เกือบ100%คือ พูดไม่ได้เลย
และไม่ว่าคุณจะพูดภาษาอะไรกับเค้า เค้าก็จะคุยกับคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น!!!!
จีน
จริงๆไปญี่ปุ่นคุยภาษาจีนกับใครก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ ยกเว้นไปเจอคนจีน แต่ๆๆๆ ภาษาญี่ปุ่นใช้ตัวคันจิ ที่หยิบยืมมาจากภาษาจีนซะเยอะ แม้บางคำอาจจะเขียนผิดกันบ้าง แต่ถ้าคุณสามารถอ่านภาษาจีนได้ ป้ายต่างๆ คุณก็สามารถเดาความหมายได้เยอะเลย
ญี่ปุ่น
ถ้าคุณสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ จบครับ ทริปนี้คุณไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป ชีวิตจะลั้นลา สุขสบายจนถึงวันกลับเลย
3.การวางแผนท่องเที่ยว
สามารถใช้บริการได้หลายเวป พันทิปก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ที่ผมอยากแนะนำที่สุดก็คือ www.japan-guide.com เวปเดียวสามารถหาที่ท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น พร้อมคะแนนreviewสถานที่ แถมยังบอกวิธีเดินทางให้อีกต่างหาก
4.ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายของแต่ละคนคงไม่เท่ากันอยู่แล้ว ดังนั้นผมจะบอกราคาคร่าวๆของการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ลองไปคำนวนกันดูเองนะครับ
1.ค่าอาหาร
ราคาอาหารมีตั้งแต่ถูกแม้กกกกกก ไปจนถึงแพงเอี้ยๆ ถ้าเราเบี้ยน้อยหอยน้อย มื้อนึง 400เยน ก็อยู่ได้ครับ มีทั้ง 7-11 familymart sunkus ฯลฯ เป็นเพื่อนยามยาก ข้าวปั้นชิ้นละ100-150เยน หรือร้านอาหารบางร้าน 1 จาน 400-500เยนก็มีครับ แต่อาจจะต้องเดินหากันนิดนึง สำหรับผู้ที่นิยมกินSUSHI เตรียมไปเลยครับ 1 มื้อขั้นต่ำ 1500 เยน ถึงแน่ๆ ยกเว้นเดินไปกินร้านSUSHI 100เยน
2.ค่าเดินทาง
การเดินทางในโตเกียวจะอยู่อีกหัวข้อนึงนะครับ อันนี้จะบอกราคาเท่านั้น รถไฟฟ้าในโตเกียว อยู่ที่ราวๆ100-300เยน ตามระยะทาง ขึ้น4-5สถานี ก็เกือบๆหรืออาจจะเกิน1000เยนแล้ว ดังนั้นแนะนำให้ซื้อตั๋ว one dayครับ มีทั้งแบบ 700เยน และ1000เยน รายละเอียดอ่านในหัวข้อการเดินทางในโตเกียวนะครับ
3.ค่าที่พัก
โรงแรมก็มีตั้งแต่ถูกมากไปจนถึงแพงมากเช่นกัน ตามแต่จะเลือกสรร สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้จองที่พัก แต่อยากลองคำนวนค่าใช้จ่ายให้ตีไว้ก่อนเลยที่อย่างต่ำ 6000 เยน/คืน ถามว่าถูกกว่านี้มีมั้ย คำตอบคือมี แต่ที่ให้ตีราคาเท่านี้ไว้ก่อน เพราะเป็นราคาที่จะสามารถหาที่พักได้ไม่ยากเกินไป
4.เบ็ดเตล็ดระหว่างวัน
เนื่องจากญี่ปุ่นมีตู้ดูดทรัพย์(ตู้น้ำหยอดเหรียญ) กระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนมาก พร้อมที่จะเรียกเงินจากกระเป๋าเรา อีกทั้งตู้เกมกด ทั้งคีบตุ๊กตา เขี่ยMODEL จิ้มของให้ตก ที่ถ้าเข้าไปครั้งหนึ่งแล้วจะเสียไม่ต่ำกว่า 1000 เยน(เค้าไม่ได้บังคับ แต่มักจะหยุดไม่อยู่กันเอง) ดังนั้นส่วนนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องเตรียมไว้ด้วย
5.ของฝาก (ทั้งฝากตัวเองและคนอื่น)
อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปซื้ออะไรบ้างอะครับ ผมไม่สามารถตีราคาให้ได้ แต่บอกได้เลยว่าGUNPLAถูกแม้กกกกกกก
จากทั้งหมดนี้ตัดข้อ5ทิ้ง เงินขั้นต่ำที่เราจะสามารถอยู่ได้ใน1วันก็คือ
อาหาร 500เยน 3 มื้อ = 1500
เดินทาง pass 700เยน = 700
ที่พัก = 6000
ระหว่างวัน = 1500
รวม = 9700 ตีง่ายๆก็วันละ 10,000เยน
ดังนั้นการคำนวนค่าใช้จ่ายของtrip ให้เอา ค่าตั๋วเครื่องบิน + [10,000xจำนวนวัน] + ค่าเดินทางข้ามจังหวัด + ค่าของฝาก + [3000x(จำนวนวันที่อยู่)]
ทำไมต้องมี3000x(จำนวนวันที่อยู่)?
เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสิ่งล่อลวงเรามากเหลือเกิน โดยเฉพาะอาหาร เราอาจจะเดินไปเจอร้านที่น่ากินโดยบังเอิญ ซึ่งราคามันก็มักจะเกินที่เราตั้งไว้ และตู้ดูดทรัพย์โดยเฉพาะพวกเขี่ยของเล่น บางคนติดจนต้องพาไปถ้ำเขากระบอก(ก็เกินไป) เช่น เพื่อนผมคนนึง เข้าไปเล่นตู้เขี่ยของเล่นรอบเดียว หมดไป3000 นี่ถ้าผมไม่ลากมันออกมาสงสัยอาจจะหมดตัวตรงนั้นได้เลย
4.การเดินทางไปญี่ปุ่น
สายการบินที่บินไปญี่ปุ่นมีเยอะมากครับ มีทั้งบินตรงและแวะtransit ถ้าอยากสะดวกสบาย ทุนเยอะผมแนะนำบินตรงไปเลยดีกว่า ซึ่งบินตรงนี่ก็มีให้เลือกเยอะจนเลือกไม่ถูกแล้วแหละครับทั้ง การบินไทย JAL ANA UNITED DELTA
สำหรับคนที่ทุนน้อยหน่อย การบินแบบtransit ก็ต้องดูหน่อยนะครับว่าเค้าพาเราไปลงแวะที่ไหน อย่างของAIR ASIA บินจากไทยไปมาเลเซีย แล้วค่อยบินไปญี่ปุ่นอีกที
ถ้าไม่อับจนหนทางจริงๆผมว่าอย่าใช้บริการเลยดีกว่า ที่ผมแนะนำก็ CATHAY ลงแวะฮ่องกง แถมเรายังเลือกลงได้ทั้งHANEDA หรือ NARITA บริการก็ดี คุ้มค่ามากครับ
5.การเดินทาง (เน้นในโตเกียวนะครับ)
การเดินทางหลักๆของชาวญี่ปุ่นก็คือรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่อย่าเอามาเทียบกับBTS MRTบ้านเรานะครับ เส้นทางBTS+MRT ยังไม่ถึง5%ของรถไฟฟ้าในโตเกียวเลย ใครลงรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นครั้งแรก งงเป็นไก่ตาแตกแน่นอน
จะเห็นได้ว่า รถไฟฟ้าเค้าวางโครงข่ายได้ทั่วมาก การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟฟ้าจึงนับได้ว่าเป็นอะไรที่สะดวกมาก ซึ่งจริงๆแล้วรถไฟฟ้าของญี่ปุ่นก็มีหลายบริษัทดำเนินการ ทั้ง TOEI TOKYO METRO JR ฯลฯ ดังนั้นการเดินทางด้วยตั๋วแบบone day pass ก็ต้องซื้อให้ถูกประเภท ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาระว่างเดินทางไม่สามารถใช้บางสายได้ โดย one day pass ที่อยากจะแนะนำให้ใช้กันมี 3 แบบ
1. one day TOEI
ใช้ของสายTOEIได้ทั้งหมด ราคา700เยน
2. one day METRO
ใช้ของ TOKYO METRO ได้ทั้งหมด ราคา 700เยน
3. one day pass
ใช้ได้ทั้งของTOEI และ TOKYO METRO ราคา 1000เยน
โดยถ้าอยากใช้แบบ1หรือ2 ก็ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีๆ ลงสายไหน ต่อสายไหนได้ แต่ถ้าเลือกแบบ3 ก็จะสามารถเดินทางได้สะดวก อยากขึ้นอยากลงได้แทบทั้งหมดทั่วโตเกียวแล้วครับ
สำหรับการเดินทางออกนอกโตเกียว ก็มีทั้งรถไฟ หรือ BUS ให้เลือก ราคาและความสะดวกก็ต่างๆกันตามสถานที่ๆจะไปครับ
TIP
สำหรับผู้ที่ไม่อยากใช้ pass ต่างๆ แนะนำให้ซื้อ SUICA หรือ PASMO เป็นบัตรเหมือน RABBIT หรือ SMART PURSE บ้านเรา แต่ดีกว่าตรงใช้ได้กับสินค้าแทบทุกอย่าง ทั้งรถไฟฟ้า ตู้กดน้ำ ร้านMINIMART จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากครับ
สำหรับข้อมูลตรงไหนที่ขาดไปเพื่อนๆถามทิ้งไว้ได้นะครับ ถ้าตอบได้จะมาตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็จะทิ้งไว้(ไม่ใช่แล้วว้อยยย)
ก็ถ้าใครมีคำตอบก็ช่วยๆกันมาเพิ่มเติมกันเลยครับ
[CR] รวมข้อมูลที่จำเป็นทุกอย่าง สำหรับผู้ที่อยากเดินทางไปญี่ปุ่นด้วยตัวเอง!!!!!!!!!!
ขั้นเตรียมการ
1.ไปฤดูไหนดี?
ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล ใบไม้ผลิ ร้อน ใบไม้ร่วง หนาว แต่ละฤดูก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป
ฤดูใบไมผลิ (มี.ค. – พ.ค.)
สวย อุณหภูมิกำลังดีประมาณ 12-18 องศา แต่ๆๆๆ เป็นฤดูที่คนนิยมไปเที่ยวมากที่สุด การจองเครื่องบิน จองที่พัก ต้องวางแผนกันระยะยาวหน่อย ไปเที่ยวแต่ละที่ก็จะพบกับฝูงชนมหาศาล จนเราจะหามุมถ่ายรูปไม่ได้ ยิ่งถ้าอยากไปชมซากุระ ต้องพึ่งพาบุญวาสนา เพราะดอกซากุระจะบานอยู่แค่ประมาณอาทิตย์เดียวเท่านั้น!!!!
ฤดูร้อน ( มิ.ย.- ส.ค. )
อันนี้ข้อมูลน้อยขอผ่านละกันครับ ใครมีอะไรเพิ่มเติมก็บอกกันได้นะครับ
ฤดูใบไม้ร่วง ( ก.ย.- พ.ย. )
เป็นอีกหนึ่งฤดูที่เป็นที่นิยมมากกกกก อุณหภูมิ10-16 องศาเรียกได้ว่ากำลังสบายๆ เช้าๆอาจจะรู้สึกหนาวๆหน่อย การจองก็ต้องจองล่วงหน้าพอสมควร พูดได้เลยว่าใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่สวยมากกกกกก
ฤดูหนาว ( ธ.ค.- ก.พ.)
ฤดูนี้อาจจะฮิตน้อยกว่าหน่อย แต่สำหรับคนที่อยากเจอหิมะ อยากเห็นงานคริสต์มาสต์ ปีใหม่ ก็ต้องมาฤดูนี้เท่านั้น อุณหภูมิ ก็ราวๆ -2ถึง8 องศา(ฮอกไกโดเข้าหน้าหนาวก่อน และอุณหภูมิประมาณ -20)
2.ภาษา
อังกฤษ
เป็นภาษาที่จำเป็นมากโดยเฉพาะเวลาอยู่ที่โรงแรม สำหรับการเดินทาง เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่"พอจะฟังและพูดได้" แต่บางคนก็ใช้ได้ดี แต่สำหรับการไปซื้อของตามminimart หรือร้านค้าต่างๆ เกือบ100%คือ พูดไม่ได้เลย และไม่ว่าคุณจะพูดภาษาอะไรกับเค้า เค้าก็จะคุยกับคุณเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น!!!!
จีน
จริงๆไปญี่ปุ่นคุยภาษาจีนกับใครก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับ ยกเว้นไปเจอคนจีน แต่ๆๆๆ ภาษาญี่ปุ่นใช้ตัวคันจิ ที่หยิบยืมมาจากภาษาจีนซะเยอะ แม้บางคำอาจจะเขียนผิดกันบ้าง แต่ถ้าคุณสามารถอ่านภาษาจีนได้ ป้ายต่างๆ คุณก็สามารถเดาความหมายได้เยอะเลย
ญี่ปุ่น
ถ้าคุณสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ จบครับ ทริปนี้คุณไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป ชีวิตจะลั้นลา สุขสบายจนถึงวันกลับเลย
3.การวางแผนท่องเที่ยว
สามารถใช้บริการได้หลายเวป พันทิปก็เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ที่ผมอยากแนะนำที่สุดก็คือ www.japan-guide.com เวปเดียวสามารถหาที่ท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น พร้อมคะแนนreviewสถานที่ แถมยังบอกวิธีเดินทางให้อีกต่างหาก
4.ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายของแต่ละคนคงไม่เท่ากันอยู่แล้ว ดังนั้นผมจะบอกราคาคร่าวๆของการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ลองไปคำนวนกันดูเองนะครับ
1.ค่าอาหาร
ราคาอาหารมีตั้งแต่ถูกแม้กกกกกก ไปจนถึงแพงเอี้ยๆ ถ้าเราเบี้ยน้อยหอยน้อย มื้อนึง 400เยน ก็อยู่ได้ครับ มีทั้ง 7-11 familymart sunkus ฯลฯ เป็นเพื่อนยามยาก ข้าวปั้นชิ้นละ100-150เยน หรือร้านอาหารบางร้าน 1 จาน 400-500เยนก็มีครับ แต่อาจจะต้องเดินหากันนิดนึง สำหรับผู้ที่นิยมกินSUSHI เตรียมไปเลยครับ 1 มื้อขั้นต่ำ 1500 เยน ถึงแน่ๆ ยกเว้นเดินไปกินร้านSUSHI 100เยน
2.ค่าเดินทาง
การเดินทางในโตเกียวจะอยู่อีกหัวข้อนึงนะครับ อันนี้จะบอกราคาเท่านั้น รถไฟฟ้าในโตเกียว อยู่ที่ราวๆ100-300เยน ตามระยะทาง ขึ้น4-5สถานี ก็เกือบๆหรืออาจจะเกิน1000เยนแล้ว ดังนั้นแนะนำให้ซื้อตั๋ว one dayครับ มีทั้งแบบ 700เยน และ1000เยน รายละเอียดอ่านในหัวข้อการเดินทางในโตเกียวนะครับ
3.ค่าที่พัก
โรงแรมก็มีตั้งแต่ถูกมากไปจนถึงแพงมากเช่นกัน ตามแต่จะเลือกสรร สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้จองที่พัก แต่อยากลองคำนวนค่าใช้จ่ายให้ตีไว้ก่อนเลยที่อย่างต่ำ 6000 เยน/คืน ถามว่าถูกกว่านี้มีมั้ย คำตอบคือมี แต่ที่ให้ตีราคาเท่านี้ไว้ก่อน เพราะเป็นราคาที่จะสามารถหาที่พักได้ไม่ยากเกินไป
4.เบ็ดเตล็ดระหว่างวัน
เนื่องจากญี่ปุ่นมีตู้ดูดทรัพย์(ตู้น้ำหยอดเหรียญ) กระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนมาก พร้อมที่จะเรียกเงินจากกระเป๋าเรา อีกทั้งตู้เกมกด ทั้งคีบตุ๊กตา เขี่ยMODEL จิ้มของให้ตก ที่ถ้าเข้าไปครั้งหนึ่งแล้วจะเสียไม่ต่ำกว่า 1000 เยน(เค้าไม่ได้บังคับ แต่มักจะหยุดไม่อยู่กันเอง) ดังนั้นส่วนนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ต้องเตรียมไว้ด้วย
5.ของฝาก (ทั้งฝากตัวเองและคนอื่น)
อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปซื้ออะไรบ้างอะครับ ผมไม่สามารถตีราคาให้ได้ แต่บอกได้เลยว่าGUNPLAถูกแม้กกกกกกก
จากทั้งหมดนี้ตัดข้อ5ทิ้ง เงินขั้นต่ำที่เราจะสามารถอยู่ได้ใน1วันก็คือ
อาหาร 500เยน 3 มื้อ = 1500
เดินทาง pass 700เยน = 700
ที่พัก = 6000
ระหว่างวัน = 1500
รวม = 9700 ตีง่ายๆก็วันละ 10,000เยน
ดังนั้นการคำนวนค่าใช้จ่ายของtrip ให้เอา ค่าตั๋วเครื่องบิน + [10,000xจำนวนวัน] + ค่าเดินทางข้ามจังหวัด + ค่าของฝาก + [3000x(จำนวนวันที่อยู่)]
ทำไมต้องมี3000x(จำนวนวันที่อยู่)?
เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสิ่งล่อลวงเรามากเหลือเกิน โดยเฉพาะอาหาร เราอาจจะเดินไปเจอร้านที่น่ากินโดยบังเอิญ ซึ่งราคามันก็มักจะเกินที่เราตั้งไว้ และตู้ดูดทรัพย์โดยเฉพาะพวกเขี่ยของเล่น บางคนติดจนต้องพาไปถ้ำเขากระบอก(ก็เกินไป) เช่น เพื่อนผมคนนึง เข้าไปเล่นตู้เขี่ยของเล่นรอบเดียว หมดไป3000 นี่ถ้าผมไม่ลากมันออกมาสงสัยอาจจะหมดตัวตรงนั้นได้เลย
4.การเดินทางไปญี่ปุ่น
สายการบินที่บินไปญี่ปุ่นมีเยอะมากครับ มีทั้งบินตรงและแวะtransit ถ้าอยากสะดวกสบาย ทุนเยอะผมแนะนำบินตรงไปเลยดีกว่า ซึ่งบินตรงนี่ก็มีให้เลือกเยอะจนเลือกไม่ถูกแล้วแหละครับทั้ง การบินไทย JAL ANA UNITED DELTA
สำหรับคนที่ทุนน้อยหน่อย การบินแบบtransit ก็ต้องดูหน่อยนะครับว่าเค้าพาเราไปลงแวะที่ไหน อย่างของAIR ASIA บินจากไทยไปมาเลเซีย แล้วค่อยบินไปญี่ปุ่นอีกที ถ้าไม่อับจนหนทางจริงๆผมว่าอย่าใช้บริการเลยดีกว่า ที่ผมแนะนำก็ CATHAY ลงแวะฮ่องกง แถมเรายังเลือกลงได้ทั้งHANEDA หรือ NARITA บริการก็ดี คุ้มค่ามากครับ
5.การเดินทาง (เน้นในโตเกียวนะครับ)
การเดินทางหลักๆของชาวญี่ปุ่นก็คือรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่อย่าเอามาเทียบกับBTS MRTบ้านเรานะครับ เส้นทางBTS+MRT ยังไม่ถึง5%ของรถไฟฟ้าในโตเกียวเลย ใครลงรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นครั้งแรก งงเป็นไก่ตาแตกแน่นอน
จะเห็นได้ว่า รถไฟฟ้าเค้าวางโครงข่ายได้ทั่วมาก การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟฟ้าจึงนับได้ว่าเป็นอะไรที่สะดวกมาก ซึ่งจริงๆแล้วรถไฟฟ้าของญี่ปุ่นก็มีหลายบริษัทดำเนินการ ทั้ง TOEI TOKYO METRO JR ฯลฯ ดังนั้นการเดินทางด้วยตั๋วแบบone day pass ก็ต้องซื้อให้ถูกประเภท ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาระว่างเดินทางไม่สามารถใช้บางสายได้ โดย one day pass ที่อยากจะแนะนำให้ใช้กันมี 3 แบบ
1. one day TOEI
ใช้ของสายTOEIได้ทั้งหมด ราคา700เยน
2. one day METRO
ใช้ของ TOKYO METRO ได้ทั้งหมด ราคา 700เยน
3. one day pass
ใช้ได้ทั้งของTOEI และ TOKYO METRO ราคา 1000เยน
โดยถ้าอยากใช้แบบ1หรือ2 ก็ต้องวางแผนการเดินทางให้ดีๆ ลงสายไหน ต่อสายไหนได้ แต่ถ้าเลือกแบบ3 ก็จะสามารถเดินทางได้สะดวก อยากขึ้นอยากลงได้แทบทั้งหมดทั่วโตเกียวแล้วครับ
สำหรับการเดินทางออกนอกโตเกียว ก็มีทั้งรถไฟ หรือ BUS ให้เลือก ราคาและความสะดวกก็ต่างๆกันตามสถานที่ๆจะไปครับ
TIP
สำหรับผู้ที่ไม่อยากใช้ pass ต่างๆ แนะนำให้ซื้อ SUICA หรือ PASMO เป็นบัตรเหมือน RABBIT หรือ SMART PURSE บ้านเรา แต่ดีกว่าตรงใช้ได้กับสินค้าแทบทุกอย่าง ทั้งรถไฟฟ้า ตู้กดน้ำ ร้านMINIMART จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากครับ
สำหรับข้อมูลตรงไหนที่ขาดไปเพื่อนๆถามทิ้งไว้ได้นะครับ ถ้าตอบได้จะมาตอบ ถ้าตอบไม่ได้ก็จะทิ้งไว้(ไม่ใช่แล้วว้อยยย)
ก็ถ้าใครมีคำตอบก็ช่วยๆกันมาเพิ่มเติมกันเลยครับ