ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า ถ้าซ้ำขออภัย
สืบเนื่องมาจากในวันฮาโลวีนที่ผ่านไป ทางบริษัทBooking.comได้จัดอันดับ7โรงแรมผีสิงในสหรัฐอเมริกา กับโปรเจ็ค
dare you to stay at seven of the most haunted hotels in America.
เห็นแล้วน่าสนใจเป็นไอเดียโปรโมทที่ฉลาดมาก ที่นำเสนอแต่ละที่ออกมาเป็นโฆษณาแบบหนัง และยังทำprint adออกมาอีก7แบบให้น่าสนใจ หลายท่านอาจจะงงนะคะว่าทำไมบริษัทนี้โปรโมทแบบนี้ แต่เชื่อหรือไม่ค่ะ คนอเมริกันชอบอะไรทำนองนี้ที่สุด มีคนหลายกลุ่มที่ไม่ได้แคร์ว่าโรงแรมนั้นจะมีผีหรือไม่ แถมชอบไปนอนพักอีกด้วย เราจะเห็นได้เลยว่า ข้อมูลโรงแรมส่วนใหญ่ไม่เคยถูกปิดบังเลยว่ามีคนตายหรือเกิดอะไรขึ้น
ด้วยเหตุนี้ม้าสามศอกก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเล่าสู่กันฟังในกระทู้นี้ค่ะ ไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมหัวกระทู้เขียนว่าแปด ก็คือแอบเพิ่มมาอีกที่นึงส่วนตัวค่ะ เห็นว่าน่าสนใจเหมือนกัน อ่านแล้วก็ใช้วิจารณญาณนะคะ ข้อมูลอันไหนตกหล่นไปขออภัย ใครมีประสบการ์ณตรงหรือเพิ่มเติมด้านข้อมูลเอามาแชร์ได้เลยค่ะ ลองคิดดูเล่นๆถ้าเมืองไทยจัดอันดับบ้าง แล้วทำโปรโมทเป็นซีรี่ส์แบบนี้ จะมีใครพักไหมน้า
• The Queen Anne Hotel in San Francisco
• The 1886 Crescent Hotel in Eureka Spring, Ark.
• The Gettysburg Hotel in Gettysburg, Pa.
• Hotel Galvez in Galveston, Texas
• The Historic National Hotel in Jamestown, Calif.
• The Stanley Hotel in Estes Park, Colo.
• The Vinoy Renaissance Hotel in St. Petersburg, Fla.
• Queen Marry Hotel in Long Beach, California ( เพิ่มมาค่ะ )
++++++++++++++++++++++
1.Queen Anne Hotel, Pacific Heights, San Francisco, CA
ราคาเริ่มต้นที่คืนละ$199 - $269 คิดเป็นเงินไทยแบบคร่าวๆถ้วนๆก็คือ 6,000 - 8,000บาท
โรงแรมสไตล์บูติคแห่งนี้เดิมเคยเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กผู้หญิงมาก่อน โดยมีครูแมรี่เป็นผู้สอน แต่เพียงไม่กี่ปีเธอก็มาตายซะก่อน หลายปีผ่านไปโรงแรมควีนแอนแห่งนี้เลยถูกเปลี่ยนเจ้าของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของโบสถ์คริสตจักร หรือแม้กระทั่งเจ้าของซ่องก็เคยเป็นมาแล้ว แต่ปัจจุบันโรแงรมแห่งนี้ได้เปลี่ยนและปรับมาเป็นสถานที่พักแรมที่ดีที่สุดและสะดวกสบายที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว
ซึ่งก็ได้เกิดเรื่องเล่าเขย่าขวัญจากแขกผู้มาเยือนมากมายเกี่ยวกับโรงแรมควีนแอนแห่งนี้ หลายต่อหลายคนบอกว่า ครูแมรี่ยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน และมักปรากฏตัวให้เห็นในห้อง410อยู่เป็นประจำเพราะมันคือห้องทำงานของเธฮ ครูแมรี่มักมาห่มผ้าให้แขกทุกคนในห้องนั้น ซึ่งครูแมรี่ไม่ได้ปรากฏตัวเฉพาะห้องนั้น แต่เธอยังเดินไปตามทางเดินและยืนดูตัวเองที่หน้ากระจก และบางครั้งก็มานั่งเล่นเปียโนอยู่ที่ล็อบบี้
++++++++++++++++++++++
2. The Crescent Hotel in Eureka
ราคาเริ่มต้นที่คืนละ $119 - $269 คิดเป็นเงินไทยแบบคร่าวๆถ้วนๆก็คือ 3,500 - 8,000บาท
โรงแรมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1886 ซึ่งได้เปิดเป็นธุรกิจโรงแรมจนกระทั่งเจ๊งไป และได้เปิดมาเป็นโรงเรียนในปี1908 โดยใช้ชื่อว่า Crescent College and Conservatory for Young Woman และเพียงแค่16ปีโรงเรียนนี้ก็เจ๊งไม่เป็นท่าอีก จึงต้องปิดกิจการไปโดยปริยาย จนปี1930ได้เปิดกิจการเป็นโรงเรียนแบบ Junior collegeแทน เปิดได้สี่ปีก็เจ๋งไปอีกเช่นเคย จนปี1937โรงแรมก็ถูกขายให้กับนายNorman baker โดยเขาซื้อที่นี้ไว้เป็นที่พักสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง แต่เนื่องจากมีการฉ้อโกงเกิดขึ้น นายนอร์แมนเลยถูกจับติดคุกไปสี่ปี โรงแรมแห่งนี้ก็เลยไม่มีใครเป็นเจ้าของต่ออีกเลยในช่วงเวลานั้น แต่ปัจจุบันผู้ใดสนใจก็เชิญมาพักได้ เพราะโรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว
แน่นอนว่า ผู้ที่หลงใหลในเรื่องลี้ลับ ไม่ควรพลาดที่จะมาค้างแรมที่นี่ โดยเฉพาะห้อง202 เป็นห้องที่มีคนถ่ายรูปติดวิญญาณได้มากที่สุด นอกจากนั้นยังมีห้อง218 ที่ผู้มาพักมักจะได้ยินเสียงประตูปิดเองในขณะที่นอนหลับแล้วจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา หรือบางทีก็เจอมาเป็นตัวให้เห็นเลยก็มี โดยเค้าเชื่อกันว่าน่าจะเป็นวิญญาณของไมเคิลและไอริช สองคนนี้เป็นผู้สร้างตึกนี้และเกิดอุบัติเหตุตกมาตายจากหลังคาในปี1885 เขาตกลงมาตายตรงจุดที่เป็นห้อง218สร้างพอดี นอกจากนั้นยังมีบริเวณล็อบบี้และทางเดิน ที่คนพักมักจะเห็นผู้ชายมีหนวดนั่งอยู่ในล็อบบี้หรือไม่ก็โซนบาร์ เขาผู้นั้นนั่งอย่างเงียบๆ แต่ถ้าจ้องมองเขานาน เขาก็จะหายไปต่อหน้าต่อตาให้คุณเห็น
และถ้าย้อนกลับไปในปี1987 ในกลางดึกคืนหนึ่งมีแขกผู้หนึ่งร้องโวยวายเล่าว่า เขาเห็นพยาบาลกำลังเข็นเตียงผู้ป่วยไปที่ทางเดิน พอพยาบาลคนนั้นเข็นเตียงนั้นไปสุดทางตรงกำแพง พยาบาลคนนั้นทะลุเตียงและตัวหายเข้าไปในกำแพงต่อหน้าต่อตาเขา
++++++++++++++++++++++
3.Gettysburg Hotel, Gettysburg, PA
ราคาเริ่มต้นที่คืนละ $125.99 - $184.99 คิดเป็นเงินไทยแบบคร่าวๆถ้วนๆก็คือ 3,800 - 5,600บาท
โรงแรมแห่งนี้ผ่านประวัติมาอย่างโชกโชนไม่ต่างจากที่อื่น แรกเริ่มเดิมทีเป็นโรงแรมเล็กๆ เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง จนกระทั่งมาใช้ชื่อปัจจุบันหลังจากปรับปรุงใหม่ และปี1955ประธานาธิปดีEisenhowerเคยพักฟื้นอาการโรคหัวใจที่นี่ด้วย เรียกได้ว่าประธานาธิปดีและภริยาถือเป็นแขกคนสุดท้ายก่อนที่โรงแรมจะปิดตัวลงไป หลังจากนั้นโรงแรมก็ถูกไฟไหม้ในปี1983 และสร้างใหม่เพื่อเปิดให้ใช้บริการอีกครั้งในปี1991จนถึงปัจจุบัน
เนื่องด้วยเรื่องราวอันยาวนานของโรงแรมนี้ แน่นอนว่าต้องมีผีแน่นอน และผีที่กล่าวขานกันมากที่สุดก็คือ พยาบาลอาสาราเชล เธอเป็นพยาบาลอาสาในช่วงสงครามกลางเมือง วิญญาณราเชลมักเดินตระเวนสำรวจรอบๆโรงแรม เธอไม่ได้อยู่แค่ในโรงแรม แต่ยังเดินไปรอบๆถนนในเมืองอีกด้วย เธอเดินตามหาทหารผู้บาดเจ็บเพื่อมารักษา และพากลับมาที่โรงแรม ผู้ที่พักแรมก็จะได้ยินเสียงเปิดลิ้นชักและตู้เสื้อผ้าอยู่เป็นประจำ
++++++++++++++++++++++
4.Hotel Galvez & Spa, Galveston, Texas
ราคาเริ่มต้นที่ $143 - $224 คิดเป็นเงินไทยแบบคร่าวๆถ้วนๆก็คือ 4,300 - 6,700 บาท
โรงแรมแห่งนี้เริ่มสร้างครั้งแรกเมื่อปี1911 มีการปลูกสร้างใหม่โดยใช้เงินหลายหล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อที่จะรักษาสภาพความงดงามครั้งเก่าไว้ เรียกได้ว่าโรงแรมหรูแห่งนี้สวยงามมากในด้านสถาปัตยกรรม แต่มันก็ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้หญิงในห้อง500อยู่เสมอเมื่อใครได้ไปพักแรม ใครๆมักรู้จักกันดีในชื่อว่า Lovelorn Lady แปลเป็นไทยก็คือ หญิงสาวผู้อกหักหรือถูกพลัดพราก เรื่องราวเกิดขึ้นย้อนไปในอดีต เมื่อหญิงสาวผู้นี้มาเปิดห้องพักที่ชั้นห้า ได้ห้องเลข500 เธอมาพักที่นี่เพื่อมารอคู่หมั้นของเธอที่ไปออกเรือทะเล ในขณะที่รอเพื่อที่จะได้พบชายหนุ่ม เธอก็ได้ข่าวร้ายว่าเรือที่คู่หมั้นเธอออกทะเลไปนั้นเกิดจมที่ไหนสักแห่ง มีคนรอดชีวิต แต่คู่หมั้นของเธอตาย ด้วยความเสียใจอย่างมาก หญิงสาวผู้นั้นเลยผูกคอตายที่ห้องนั้น
หลังจากนั้น วิญญาณของเธอก็มาปรากฏตัวให้พบเห็นที่ห้องนั้นอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะรอคอยวิญญาณชายหนุ่มมาหาตามที่นัดหมายไว้ นอกจากเรื่องหญิงสาวที่ผูกคอตายแล้ว ในส่วนของล็อบบี้ชั้นล่าง ที่พวกสต๊าฟและคนที่ทำงานที่นั้นมักได้ยินเสียงกดชักโครกทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำ หรือบางทีก็มีเสียงประตูเขย่าเองเหมือนมีคนเรียกให้เปิด พอมองไปที่ช่องล่างประตู มันไม่มีขาใครอยู่เลย และพอเงยหน้าไปดูก็ไม่เห็นใครอยู่เช่นกัน พอกลับมานั่งปลดทุกข์เหมือนเดิม ประตูก็เขย่าเคาะอย่างน่ากลัว
++++++++++++++++++++++
เนิ้อที่ไม่พอ เดี๋ยวมาต่ออีกสี่โรงแรมด้านล่างนะคะ>>>>>>>>>
8 ห้องพักผีสิงในสหรัฐอเมริกา
เห็นแล้วน่าสนใจเป็นไอเดียโปรโมทที่ฉลาดมาก ที่นำเสนอแต่ละที่ออกมาเป็นโฆษณาแบบหนัง และยังทำprint adออกมาอีก7แบบให้น่าสนใจ หลายท่านอาจจะงงนะคะว่าทำไมบริษัทนี้โปรโมทแบบนี้ แต่เชื่อหรือไม่ค่ะ คนอเมริกันชอบอะไรทำนองนี้ที่สุด มีคนหลายกลุ่มที่ไม่ได้แคร์ว่าโรงแรมนั้นจะมีผีหรือไม่ แถมชอบไปนอนพักอีกด้วย เราจะเห็นได้เลยว่า ข้อมูลโรงแรมส่วนใหญ่ไม่เคยถูกปิดบังเลยว่ามีคนตายหรือเกิดอะไรขึ้น
ด้วยเหตุนี้ม้าสามศอกก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาเล่าสู่กันฟังในกระทู้นี้ค่ะ ไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมหัวกระทู้เขียนว่าแปด ก็คือแอบเพิ่มมาอีกที่นึงส่วนตัวค่ะ เห็นว่าน่าสนใจเหมือนกัน อ่านแล้วก็ใช้วิจารณญาณนะคะ ข้อมูลอันไหนตกหล่นไปขออภัย ใครมีประสบการ์ณตรงหรือเพิ่มเติมด้านข้อมูลเอามาแชร์ได้เลยค่ะ ลองคิดดูเล่นๆถ้าเมืองไทยจัดอันดับบ้าง แล้วทำโปรโมทเป็นซีรี่ส์แบบนี้ จะมีใครพักไหมน้า
• The Queen Anne Hotel in San Francisco
• The 1886 Crescent Hotel in Eureka Spring, Ark.
• The Gettysburg Hotel in Gettysburg, Pa.
• Hotel Galvez in Galveston, Texas
• The Historic National Hotel in Jamestown, Calif.
• The Stanley Hotel in Estes Park, Colo.
• The Vinoy Renaissance Hotel in St. Petersburg, Fla.
• Queen Marry Hotel in Long Beach, California ( เพิ่มมาค่ะ )
โรงแรมสไตล์บูติคแห่งนี้เดิมเคยเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กผู้หญิงมาก่อน โดยมีครูแมรี่เป็นผู้สอน แต่เพียงไม่กี่ปีเธอก็มาตายซะก่อน หลายปีผ่านไปโรงแรมควีนแอนแห่งนี้เลยถูกเปลี่ยนเจ้าของมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของโบสถ์คริสตจักร หรือแม้กระทั่งเจ้าของซ่องก็เคยเป็นมาแล้ว แต่ปัจจุบันโรแงรมแห่งนี้ได้เปลี่ยนและปรับมาเป็นสถานที่พักแรมที่ดีที่สุดและสะดวกสบายที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว
ซึ่งก็ได้เกิดเรื่องเล่าเขย่าขวัญจากแขกผู้มาเยือนมากมายเกี่ยวกับโรงแรมควีนแอนแห่งนี้ หลายต่อหลายคนบอกว่า ครูแมรี่ยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน และมักปรากฏตัวให้เห็นในห้อง410อยู่เป็นประจำเพราะมันคือห้องทำงานของเธฮ ครูแมรี่มักมาห่มผ้าให้แขกทุกคนในห้องนั้น ซึ่งครูแมรี่ไม่ได้ปรากฏตัวเฉพาะห้องนั้น แต่เธอยังเดินไปตามทางเดินและยืนดูตัวเองที่หน้ากระจก และบางครั้งก็มานั่งเล่นเปียโนอยู่ที่ล็อบบี้
โรงแรมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1886 ซึ่งได้เปิดเป็นธุรกิจโรงแรมจนกระทั่งเจ๊งไป และได้เปิดมาเป็นโรงเรียนในปี1908 โดยใช้ชื่อว่า Crescent College and Conservatory for Young Woman และเพียงแค่16ปีโรงเรียนนี้ก็เจ๊งไม่เป็นท่าอีก จึงต้องปิดกิจการไปโดยปริยาย จนปี1930ได้เปิดกิจการเป็นโรงเรียนแบบ Junior collegeแทน เปิดได้สี่ปีก็เจ๋งไปอีกเช่นเคย จนปี1937โรงแรมก็ถูกขายให้กับนายNorman baker โดยเขาซื้อที่นี้ไว้เป็นที่พักสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง แต่เนื่องจากมีการฉ้อโกงเกิดขึ้น นายนอร์แมนเลยถูกจับติดคุกไปสี่ปี โรงแรมแห่งนี้ก็เลยไม่มีใครเป็นเจ้าของต่ออีกเลยในช่วงเวลานั้น แต่ปัจจุบันผู้ใดสนใจก็เชิญมาพักได้ เพราะโรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว
แน่นอนว่า ผู้ที่หลงใหลในเรื่องลี้ลับ ไม่ควรพลาดที่จะมาค้างแรมที่นี่ โดยเฉพาะห้อง202 เป็นห้องที่มีคนถ่ายรูปติดวิญญาณได้มากที่สุด นอกจากนั้นยังมีห้อง218 ที่ผู้มาพักมักจะได้ยินเสียงประตูปิดเองในขณะที่นอนหลับแล้วจนต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา หรือบางทีก็เจอมาเป็นตัวให้เห็นเลยก็มี โดยเค้าเชื่อกันว่าน่าจะเป็นวิญญาณของไมเคิลและไอริช สองคนนี้เป็นผู้สร้างตึกนี้และเกิดอุบัติเหตุตกมาตายจากหลังคาในปี1885 เขาตกลงมาตายตรงจุดที่เป็นห้อง218สร้างพอดี นอกจากนั้นยังมีบริเวณล็อบบี้และทางเดิน ที่คนพักมักจะเห็นผู้ชายมีหนวดนั่งอยู่ในล็อบบี้หรือไม่ก็โซนบาร์ เขาผู้นั้นนั่งอย่างเงียบๆ แต่ถ้าจ้องมองเขานาน เขาก็จะหายไปต่อหน้าต่อตาให้คุณเห็น
และถ้าย้อนกลับไปในปี1987 ในกลางดึกคืนหนึ่งมีแขกผู้หนึ่งร้องโวยวายเล่าว่า เขาเห็นพยาบาลกำลังเข็นเตียงผู้ป่วยไปที่ทางเดิน พอพยาบาลคนนั้นเข็นเตียงนั้นไปสุดทางตรงกำแพง พยาบาลคนนั้นทะลุเตียงและตัวหายเข้าไปในกำแพงต่อหน้าต่อตาเขา
โรงแรมแห่งนี้ผ่านประวัติมาอย่างโชกโชนไม่ต่างจากที่อื่น แรกเริ่มเดิมทีเป็นโรงแรมเล็กๆ เปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง จนกระทั่งมาใช้ชื่อปัจจุบันหลังจากปรับปรุงใหม่ และปี1955ประธานาธิปดีEisenhowerเคยพักฟื้นอาการโรคหัวใจที่นี่ด้วย เรียกได้ว่าประธานาธิปดีและภริยาถือเป็นแขกคนสุดท้ายก่อนที่โรงแรมจะปิดตัวลงไป หลังจากนั้นโรงแรมก็ถูกไฟไหม้ในปี1983 และสร้างใหม่เพื่อเปิดให้ใช้บริการอีกครั้งในปี1991จนถึงปัจจุบัน
เนื่องด้วยเรื่องราวอันยาวนานของโรงแรมนี้ แน่นอนว่าต้องมีผีแน่นอน และผีที่กล่าวขานกันมากที่สุดก็คือ พยาบาลอาสาราเชล เธอเป็นพยาบาลอาสาในช่วงสงครามกลางเมือง วิญญาณราเชลมักเดินตระเวนสำรวจรอบๆโรงแรม เธอไม่ได้อยู่แค่ในโรงแรม แต่ยังเดินไปรอบๆถนนในเมืองอีกด้วย เธอเดินตามหาทหารผู้บาดเจ็บเพื่อมารักษา และพากลับมาที่โรงแรม ผู้ที่พักแรมก็จะได้ยินเสียงเปิดลิ้นชักและตู้เสื้อผ้าอยู่เป็นประจำ
โรงแรมแห่งนี้เริ่มสร้างครั้งแรกเมื่อปี1911 มีการปลูกสร้างใหม่โดยใช้เงินหลายหล้านดอลล่าร์สหรัฐเพื่อที่จะรักษาสภาพความงดงามครั้งเก่าไว้ เรียกได้ว่าโรงแรมหรูแห่งนี้สวยงามมากในด้านสถาปัตยกรรม แต่มันก็ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้หญิงในห้อง500อยู่เสมอเมื่อใครได้ไปพักแรม ใครๆมักรู้จักกันดีในชื่อว่า Lovelorn Lady แปลเป็นไทยก็คือ หญิงสาวผู้อกหักหรือถูกพลัดพราก เรื่องราวเกิดขึ้นย้อนไปในอดีต เมื่อหญิงสาวผู้นี้มาเปิดห้องพักที่ชั้นห้า ได้ห้องเลข500 เธอมาพักที่นี่เพื่อมารอคู่หมั้นของเธอที่ไปออกเรือทะเล ในขณะที่รอเพื่อที่จะได้พบชายหนุ่ม เธอก็ได้ข่าวร้ายว่าเรือที่คู่หมั้นเธอออกทะเลไปนั้นเกิดจมที่ไหนสักแห่ง มีคนรอดชีวิต แต่คู่หมั้นของเธอตาย ด้วยความเสียใจอย่างมาก หญิงสาวผู้นั้นเลยผูกคอตายที่ห้องนั้น
หลังจากนั้น วิญญาณของเธอก็มาปรากฏตัวให้พบเห็นที่ห้องนั้นอยู่เป็นประจำ เพื่อที่จะรอคอยวิญญาณชายหนุ่มมาหาตามที่นัดหมายไว้ นอกจากเรื่องหญิงสาวที่ผูกคอตายแล้ว ในส่วนของล็อบบี้ชั้นล่าง ที่พวกสต๊าฟและคนที่ทำงานที่นั้นมักได้ยินเสียงกดชักโครกทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำ หรือบางทีก็มีเสียงประตูเขย่าเองเหมือนมีคนเรียกให้เปิด พอมองไปที่ช่องล่างประตู มันไม่มีขาใครอยู่เลย และพอเงยหน้าไปดูก็ไม่เห็นใครอยู่เช่นกัน พอกลับมานั่งปลดทุกข์เหมือนเดิม ประตูก็เขย่าเคาะอย่างน่ากลัว
เนิ้อที่ไม่พอ เดี๋ยวมาต่ออีกสี่โรงแรมด้านล่างนะคะ>>>>>>>>>