“บุ๋ม” น้ำตาตกรับเลิก “ติ๊งโน้ต” แล้ว เผยชนวนเหตุเพราะแฟนหนุ่มไม่เคยเชื่อใจ ตนบินไปทำงานที่พม่าแค่ติดต่อไม่ได้ก็คิดว่าตนมีคนอื่น พ้อเลิกกันมา 3 รอบ จนเหนื่อยที่จะคบต่อ เผยอายุที่ห่างกันเป็นอุปสรรค ก่อนบอกถ้าไม่พร้อมจะแต่งงานกับตนก็ถอยไปดีกว่า
รักพังถาวรแล้ว สำหรับพิธีกรสาว “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” กับแฟนหนุ่ม “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมายอมรับด้วยตัวเอง ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับสุภาพสตรี “เจฟิต เจวาย ลิฟติ้งเซรั่ม” ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ว่าได้เลิกรากับแฟนหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย หลังคบหากันมา 3 ปี เลิกกันมา 3 รอบ ก่อนเผยถึงชนวนเหตุรักร้าวว่าเป็นเพราะฝ่ายชายขี้หึงและไม่เคยเชื่อใจ ตนบินไปทำงานที่พม่าแค่ติดต่อไม่ได้ก็หาว่าตนมีคนอื่น พ้อเหนื่อยใจที่จะคบกันต่อ
“ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดเพราะว่าบุ๋มเป็นคนตรงๆ ก็อย่างวันที่คุยกันมันก็ยังดีๆ กันอยู่ แต่พอถึงจุดๆ นึงกลับกลายเป็นว่ามันไม่จบเหมือนเป็นปัญหาเดิมๆ ที่เคยคุยกันมา คือมันเริ่มจากที่บุ๋มวิ่งงาน บุ๋มเป็นคนที่วิ่งงานเยอะที่หลายคนเห็นในอินสตาแกรม คือวันนั้นมีการคุยงานเรื่องของปริญญาเอกเสร็จ แล้วเราก็วิ่งขึ้นเครื่องไปที่พม่า ซึ่งบุ๋มก็เคยพาเขาไปเที่ยวพม่าเพื่อให้เขาเห็นว่าที่นั่นอินเตอร์เน็ตก็ใช่ว่าจะดี คือเน็ตมันไม่ดี ไม่สามารถคุยเป็นวีดีโอได้ แต่ก็ยังคุยไลน์กันได้ แล้วเขาลองโทร.หาบุ๋มแล้ว แล้วก็ภาพเขามันค้าง เขาก็สงสัยว่าบุ๋มอยู่กับใครเหรอ”
“ซึ่งวันนั้นบุ๋มก็คุยไลน์กับเขาตลอดเวลาถึงตี3 แล้วบุ๋มต้องส่งคอลัมน์ของมาร์เก็ตติ้งพลัสเพราะบุ๋มเป็นคอลัมน์นิสต์ให้เขาแล้วที่นี่ส่งทางไอแพดไม่ได้ บุ๋มก็เลยต้องส่งทางไลน์ เป็นประโยคต่อประโยค แล้วเป็นงานวิชาการที่เราต้องเขียน เราก็ต้องคิด มันไม่ใช่คำเม้าท์แตก แต่มันต้องเป็นคำวิชาการ เขาก็ถามว่าทำไมส่งไม่ได้ คือคำถามเขาเยอะมากจนกระทั่งตี 2 บุ๋มก็ยังคุยอยู่กับเขา คือถ้าบุ๋มอยู่กับผู้ชายจริง ผู้ชายคงทิ้งบุ๋มไปแล้วมั้ง”
“ถ้าเราคุยไลน์กับใครเป็นชั่วโมงๆ แล้วเขาก็บอกว่าทำไมตอนทำงานถ่ายรูปส่งมาให้ดูไม่ได้ คือเราเป็นกรรมการการประกวด แล้วอยู่ดีๆ จะมาถ่ายรูปส่งรูปไป แล้วรูปก็ส่งไม่ผ่าน คือแค่นั่งก้มหน้าคุยไลน์กับเขาตลอดเวลามันก็แปลกแล้ว แล้วบุ๋มก็เครียดกับงานวิทยานิพนธ์บุ๋มด้วย เพราะว่าต้องส่งภายในไม่กี่เดือน เวลามันก็เร่ง ละครก็จะปิดกล้อง คือเราให้เขาเห็นทุกอย่าง หลายคนก็มองเห็นว่าบุ๋มก็เดินทางไปหาเขาบ่อยนะ อย่างเวลาเขาไปแข่งรถที่ต่างประเทศ บินไปคนเดียวขึ้นรถไฟ 3 เที่ยวไปหาเขา แต่เขากลับบอกว่าเรารักเขาน้อยลง(น้ำตาซึม)”
แปลว่าเขาเข้าใจผิดว่าเราคุยกับคนอื่น?
“ถ้าบุ๋มคุยจริง เราไม่วางมือถือให้เขาดูแบบนั้นหรอกค่ะ เขาก็เห็นว่าบุ๋มคุยกับใคร ถามว่าเขาขี้หึงมั้ย มันก็ขี้หึงกันทั้งคู่ แต่เราก็แฟร์ๆ คือทุกคนก็จะรู้ว่าความรักของเราคือเอามือถือวางไว้ตรงกลางคุณจะดูก็ดู ถามว่ามีผู้ชายส่งแมสเสจมาหาบุ๋มไหมอย่างที่เป็นข่าวก็มีทั้งในและนอกวงการ คือบุ๋มไม่ปิด เราให้เขาดูว่าเราตอบอะไร บุ๋มแฟร์กับเขาแค่ไหน ถึงขนาดนี้เขาก็ยังคิดว่าบุ๋มคุยกับคนอื่นอยู่ อย่างเขาทักมาว่าสบายดีไหม บุ๋มก็ตอบสบายดีค่ะ มันก็แค่นั้น คือบุ๋มก็บอกว่าถ้าคุณคิดมากขนาดนี้คุณจะคบฉันทำไม”
บอกอย่างเด็ดขาดไปเลยว่าตอนนี้เลิกกันแล้ว
“ใช้คำว่าเลิกค่ะ เขาก็บอกว่าแล้วแต่คุณ แต่ถามว่าทุกวันนี้ยังคุยไหม เป็นห่วงไหม ก็ห่วงอยู่นะ เพราะคบกันมา 3 ปีมันเป็นความสัมพันธ์ที่นานมาก คือเราเจอกันบ่อยมาก อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง เราวิ่งงานด้วยกัน ทำงานด้วยกันเพื่อให้เขาเห็นว่าบุ๋มทำงานขนาดไหน แล้วเราต้องทำงานขนาดไหน แต่กลับกลายเป็นว่า 3 ปีผ่านไปเขาคิดว่าเราจะมีคนอื่น”
“เราก็คุยกันมาสักพักแล้วค่ะว่าจะเลิก เพราะเราก็คิดว่าความรักจะนำพาทุกอย่างก้าวไปข้างหน้าได้ ใช่ว่าบุ๋มเองไม่อยากแต่งงานกับเขานะ แต่เขาพร้อมหรือยังที่จะดูแลบุ๋มและอันดา มันคือบุ๋มเป็นแม่หม้ายนะคะ ต้องคิดเยอะมากกว่าปกติมากกว่าสาวทั่วไปมันทำไม่ได้ไง”
“แล้วเราคุยกันค่ะ ไม่ได้เลิกฝ่ายเดียว แต่เขาจะเป็นนิสัยแบบนี้คือทะเลาะกันเปรี้ยงเดียวสัก 4 ชั่วโมงจะกลับมาใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะเป็นแบบนี้ คือปัญหามันก็ยังคาราคาซังอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รักกันแล้วนะ คือเราใช้คำว่าเหนื่อยที่จะคบเพราะว่าเราก็พยายามทำเต็มที่อย่างที่คุณเห็น จะให้ทำยังไงบุ๋มไม่ได้กลับบ้านเลยนะ อย่างที่หลายคนเห็นว่าเขากระดูกหักกลับมาเมืองไทย บุ๋มนอนเฝ้าเขาอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด ไม่ได้กลับบ้านเลย อย่างมีงานต่อก็ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปเพราะว่ารถต้องจอดไว้ อย่างวันนั้นที่ถ่ายละครลูกทาสบุ๋มก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไป อยู่จนถึงเที่ยงคืนก็นั่งมอเตอร์ไซค์กลับมาที่โรงพยาบาล ขนาดนั้นคุณยังว่าบุ๋มน้อยไปอีกเหรอ”
ถึงฝ่ายชายกลับมาง้อก็ยังไม่รับปากว่าจะคืนดี
“คือมันต้องเปลี่ยนค่ะ ไม่อย่างนั้นก็ปัญหาเดิมบุ๋มก็เหนื่อยเป็น ปัญหามันก็เริ่มก่อนที่เขาไปเมืองนอกด้วยซ้ำ ก็คิดว่าเขาน่าจะโตขึ้น มีมุมมองว่าโลกนี้ ไม่ได้มีแค่เรา 2 คน กับพ่อแม่บุ๋มยังไม่ได้คุย”
รับบล็อกไลน์ “ติ๊งโน้ต” เพราะอีกฝ่ายคุยไม่รู้เรื่อง
“ยังคุยวอทแอปกันอยู่เพราะว่าบุ๋มบล็อกไลน์ เพราะตอนแรกเราคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาพูดแต่ว่าคุณคุยกับคนอื่นคุณไม่รักผม คือมันไม่ใช่ คือเราคุยกันตรงๆ ว่าเราลบไลน์ได้ไหม ถ้าไม่อยากให้แฟนดูว่าเราคุยกับใคร ก็ลบได้ ถ้าไม่อยากให้เขาดู”
เผย “ติ๊งโน้ต” ไม่ได้ง้อเป็นการคุยกันปกติมากกว่า พร้อมบอกถ้าไม่พร้อมจะแต่งงานกับตนก็ถอยไปดีกว่า
“ก็มีคุยเหมือนปกติทั่วไป ก็คิดว่าจะกลับมาคบกันได้เหมือนหายโกรธไปสักพัก แต่เราก็บอกเขาว่าคุณจะเปลี่ยนตัวคุณยังไงในเมื่อมุมมองคุณไม่เปลี่ยน อย่างขนาดเลขาช่วยเคลียร์ทุกอย่าง ณ ตอนนี้เราก็บอกเขาไปว่าเราต่างคนต่างถอยกันไปดีกว่าเป็นแค่เพื่อนกันจะดีที่สุด คือถ้าเกิดคนใดคนนึงมีคนอื่นหรือมีมือที่สาม หรือทะเลาะกันร้ายแรงใหญ่โตมันจะเลิกกันง่ายกว่านี้ แต่นี้คุณยังเป็นคนดีฉันก็ยังเป็นคนดีไม่ได้ผิดอะไรก็คิดอย่างนั้นนะ เหมือนกับความห่วงใยมันยังมีอยู่ แต่ถ้าให้เกิดมองขึ้นแต่งงาน คือเราอายุขนาดนี้แล้วเราจะมองเรื่อยๆ มันก็ไม่ใช่แล้วไง คือเราต้องมองคนที่ใช่สำหรับเรามากที่สุด แต่ถ้าเขายังไม่พร้อมก็ถอยไปดีกว่า”
มีข่าวว่าเราอยากแต่งงานแต่ติ๊งโน้ตยังไม่พร้อม?
“ปากเขาบอกว่าพร้อม แต่มุมองของเราเขายังไม่พร้อมที่จะดูแลใคร คือบุ๋มถอยแล้ว บุ๋มทำงานวิ่งกี่จังหวัดคุณก็เห็น พูดตรงๆว่าเคยหนีนักข่าว คือขอตั้งสติก่อนนะ ร่างกายยังไม่พร้อมจริงๆ ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะว่ากับติ๊งโน้ตก็ยังคุยไม่จบ เราก็ไม่อยากทำร้ายเขาและตัวเอง”
ถ้าฝ่ายชายยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองก็มีโอกาสคืนดี ก่อนรับอายุเป็นอุปสรรค
“ถ้าเขาเปลี่ยนและเชื่อใจบุ๋มมากกว่านี้นะ (เป็นเพราะอายุที่ค่อนข้างห่างหรือเปล่า?) ก็อาจเป็นไปได้ เรื่องกาวใจ พูดยาก เหมือนเขายังสับสนอยู่ เขาบอกความรักของเขามันมากกว่านั้น บุ๋มก็อยากบอกว่าชีวิตคู่มันมากกว่าความรักนะ”
เผยร้องไห้จนตาบวม
“จะเหลือเหรอคะ ตาบวมไปทำงานขนาดนั้น เขาก็เครียดค่ะ อย่างในอินสตาแกรมที่เขาก้มหัวและเป็นภาพจอมืดเป็นวันที่บุ๋มไปพม่า เราก็ถามว่าเป็นอะไร คือแค่นี้ แค่เราไม่ได้โทร.หาเขาก่อนขึ้นเครื่อง บางทีในหัวเราก็คิดเรื่องงานต่อเนื่อง บุ๋มคุยกับอาจารย์ตั้ง 2 ชั่วโมง เราก็เครียดเหมือนกัน เราก็ต้องคุยกับเลขา โทรศัพท์ต้องมาตลอด ถ้าขนาดนี้ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง”
แม้จะคบกันมา 3 ปี เลิกกันมา 3 ครั้งแล้ว แต่ไม่เสียดายเวลาที่คบกัน
“เลิกกัน 3 ครั้งแล้วค่ะ ถามว่าเสียดายเวลาไหม ไม่ค่ะ เราได้เจอได้รู้จักคนดีๆไม่เสียดายหรอก เพราะเราก็ยังมีธุรกิจครีมด้วยกันอยู่ คือเลิกสนิทเลยมันเป็นไปไม่ได้ เราสร้างมาด้วยกันจะให้มาพังกับมือเราก็ไม่ยอม แต่เลิกกันมา 3 ครั้งแล้วจะให้ครั้งที่ 4-5 เราก็ไม่ไหวนะเพราะเวลาเราเลิกกับผู้ชาย คนก็จะบอกว่าบุ๋มมั่นใจเกินไป บุ๋มเก่งเกินไป คือเราผิดตลอด”
“อย่างในอินสตาแกรมก็มีคนพูดว่าบุ๋มก็พูดได้นี่ติ๊งโน้ตไม่ใช่ดารา ไม่มีโอกาสพูด บุ๋มบอกเขามีโอกาสพูด แต่ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า คุณก็ไปถามเขาเองสิในอินสตาแกรม เขามายุ่งอะไรกับอินสตาแกรมฉัน มาด่าฉันทำไม คือเราพูดไปก็ไม่ดีสำหรับตัวเขา กับคนดีๆ ที่เคยรู้จักมา ถามว่า ณ วันนี้กลับมาได้ไหม ถ้าเขาเปลี่ยนได้นะ เปลี่ยนทัศนะคติ”
เหมือนเขายังไม่รู้ตัว?
“อยากให้ย้อนไปดูในอินสตาแกรมเขา ไม่มีบุ๋มมานานแล้วนะ”
บอกพ่อตนเพิ่งรู้เรื่อง สั่งให้เลิกเด็กขาด
“พ่อเพิ่งรู้เมื่อวันก่อน แกก็บอกว่าเลิกให้ขาดซะ บุ๋มก็ไม่ได้ว่าอะไร คือการจะเจอคนดีๆ มันก็เป็นเรื่องยาก ถ้าเลิกเพราะมือที่สามหรือไม่ดีกับเรา ตบตี มันคงจะง่ายกว่านี้ มันคงไม่รู้สึกเสียดาย แต่ว่าตอนนี้เรารู้สึกเหนื่อย”
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000143799
“บุ๋ม” ปาดน้ำตารับเลิก “ติ๊งโน้ต” แล้ว เหนื่อยใจฝ่ายชายระแวงคิดว่ามีคนอื่น
“บุ๋ม” น้ำตาตกรับเลิก “ติ๊งโน้ต” แล้ว เผยชนวนเหตุเพราะแฟนหนุ่มไม่เคยเชื่อใจ ตนบินไปทำงานที่พม่าแค่ติดต่อไม่ได้ก็คิดว่าตนมีคนอื่น พ้อเลิกกันมา 3 รอบ จนเหนื่อยที่จะคบต่อ เผยอายุที่ห่างกันเป็นอุปสรรค ก่อนบอกถ้าไม่พร้อมจะแต่งงานกับตนก็ถอยไปดีกว่า
รักพังถาวรแล้ว สำหรับพิธีกรสาว “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” กับแฟนหนุ่ม “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมายอมรับด้วยตัวเอง ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับสุภาพสตรี “เจฟิต เจวาย ลิฟติ้งเซรั่ม” ที่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ว่าได้เลิกรากับแฟนหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย หลังคบหากันมา 3 ปี เลิกกันมา 3 รอบ ก่อนเผยถึงชนวนเหตุรักร้าวว่าเป็นเพราะฝ่ายชายขี้หึงและไม่เคยเชื่อใจ ตนบินไปทำงานที่พม่าแค่ติดต่อไม่ได้ก็หาว่าตนมีคนอื่น พ้อเหนื่อยใจที่จะคบกันต่อ
“ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดเพราะว่าบุ๋มเป็นคนตรงๆ ก็อย่างวันที่คุยกันมันก็ยังดีๆ กันอยู่ แต่พอถึงจุดๆ นึงกลับกลายเป็นว่ามันไม่จบเหมือนเป็นปัญหาเดิมๆ ที่เคยคุยกันมา คือมันเริ่มจากที่บุ๋มวิ่งงาน บุ๋มเป็นคนที่วิ่งงานเยอะที่หลายคนเห็นในอินสตาแกรม คือวันนั้นมีการคุยงานเรื่องของปริญญาเอกเสร็จ แล้วเราก็วิ่งขึ้นเครื่องไปที่พม่า ซึ่งบุ๋มก็เคยพาเขาไปเที่ยวพม่าเพื่อให้เขาเห็นว่าที่นั่นอินเตอร์เน็ตก็ใช่ว่าจะดี คือเน็ตมันไม่ดี ไม่สามารถคุยเป็นวีดีโอได้ แต่ก็ยังคุยไลน์กันได้ แล้วเขาลองโทร.หาบุ๋มแล้ว แล้วก็ภาพเขามันค้าง เขาก็สงสัยว่าบุ๋มอยู่กับใครเหรอ”
“ซึ่งวันนั้นบุ๋มก็คุยไลน์กับเขาตลอดเวลาถึงตี3 แล้วบุ๋มต้องส่งคอลัมน์ของมาร์เก็ตติ้งพลัสเพราะบุ๋มเป็นคอลัมน์นิสต์ให้เขาแล้วที่นี่ส่งทางไอแพดไม่ได้ บุ๋มก็เลยต้องส่งทางไลน์ เป็นประโยคต่อประโยค แล้วเป็นงานวิชาการที่เราต้องเขียน เราก็ต้องคิด มันไม่ใช่คำเม้าท์แตก แต่มันต้องเป็นคำวิชาการ เขาก็ถามว่าทำไมส่งไม่ได้ คือคำถามเขาเยอะมากจนกระทั่งตี 2 บุ๋มก็ยังคุยอยู่กับเขา คือถ้าบุ๋มอยู่กับผู้ชายจริง ผู้ชายคงทิ้งบุ๋มไปแล้วมั้ง”
“ถ้าเราคุยไลน์กับใครเป็นชั่วโมงๆ แล้วเขาก็บอกว่าทำไมตอนทำงานถ่ายรูปส่งมาให้ดูไม่ได้ คือเราเป็นกรรมการการประกวด แล้วอยู่ดีๆ จะมาถ่ายรูปส่งรูปไป แล้วรูปก็ส่งไม่ผ่าน คือแค่นั่งก้มหน้าคุยไลน์กับเขาตลอดเวลามันก็แปลกแล้ว แล้วบุ๋มก็เครียดกับงานวิทยานิพนธ์บุ๋มด้วย เพราะว่าต้องส่งภายในไม่กี่เดือน เวลามันก็เร่ง ละครก็จะปิดกล้อง คือเราให้เขาเห็นทุกอย่าง หลายคนก็มองเห็นว่าบุ๋มก็เดินทางไปหาเขาบ่อยนะ อย่างเวลาเขาไปแข่งรถที่ต่างประเทศ บินไปคนเดียวขึ้นรถไฟ 3 เที่ยวไปหาเขา แต่เขากลับบอกว่าเรารักเขาน้อยลง(น้ำตาซึม)”
แปลว่าเขาเข้าใจผิดว่าเราคุยกับคนอื่น?
“ถ้าบุ๋มคุยจริง เราไม่วางมือถือให้เขาดูแบบนั้นหรอกค่ะ เขาก็เห็นว่าบุ๋มคุยกับใคร ถามว่าเขาขี้หึงมั้ย มันก็ขี้หึงกันทั้งคู่ แต่เราก็แฟร์ๆ คือทุกคนก็จะรู้ว่าความรักของเราคือเอามือถือวางไว้ตรงกลางคุณจะดูก็ดู ถามว่ามีผู้ชายส่งแมสเสจมาหาบุ๋มไหมอย่างที่เป็นข่าวก็มีทั้งในและนอกวงการ คือบุ๋มไม่ปิด เราให้เขาดูว่าเราตอบอะไร บุ๋มแฟร์กับเขาแค่ไหน ถึงขนาดนี้เขาก็ยังคิดว่าบุ๋มคุยกับคนอื่นอยู่ อย่างเขาทักมาว่าสบายดีไหม บุ๋มก็ตอบสบายดีค่ะ มันก็แค่นั้น คือบุ๋มก็บอกว่าถ้าคุณคิดมากขนาดนี้คุณจะคบฉันทำไม”
บอกอย่างเด็ดขาดไปเลยว่าตอนนี้เลิกกันแล้ว
“ใช้คำว่าเลิกค่ะ เขาก็บอกว่าแล้วแต่คุณ แต่ถามว่าทุกวันนี้ยังคุยไหม เป็นห่วงไหม ก็ห่วงอยู่นะ เพราะคบกันมา 3 ปีมันเป็นความสัมพันธ์ที่นานมาก คือเราเจอกันบ่อยมาก อยู่ด้วยกันแทบจะ 24 ชั่วโมง เราวิ่งงานด้วยกัน ทำงานด้วยกันเพื่อให้เขาเห็นว่าบุ๋มทำงานขนาดไหน แล้วเราต้องทำงานขนาดไหน แต่กลับกลายเป็นว่า 3 ปีผ่านไปเขาคิดว่าเราจะมีคนอื่น”
“เราก็คุยกันมาสักพักแล้วค่ะว่าจะเลิก เพราะเราก็คิดว่าความรักจะนำพาทุกอย่างก้าวไปข้างหน้าได้ ใช่ว่าบุ๋มเองไม่อยากแต่งงานกับเขานะ แต่เขาพร้อมหรือยังที่จะดูแลบุ๋มและอันดา มันคือบุ๋มเป็นแม่หม้ายนะคะ ต้องคิดเยอะมากกว่าปกติมากกว่าสาวทั่วไปมันทำไม่ได้ไง”
“แล้วเราคุยกันค่ะ ไม่ได้เลิกฝ่ายเดียว แต่เขาจะเป็นนิสัยแบบนี้คือทะเลาะกันเปรี้ยงเดียวสัก 4 ชั่วโมงจะกลับมาใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะเป็นแบบนี้ คือปัญหามันก็ยังคาราคาซังอยู่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าไม่รักกันแล้วนะ คือเราใช้คำว่าเหนื่อยที่จะคบเพราะว่าเราก็พยายามทำเต็มที่อย่างที่คุณเห็น จะให้ทำยังไงบุ๋มไม่ได้กลับบ้านเลยนะ อย่างที่หลายคนเห็นว่าเขากระดูกหักกลับมาเมืองไทย บุ๋มนอนเฝ้าเขาอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด ไม่ได้กลับบ้านเลย อย่างมีงานต่อก็ต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปเพราะว่ารถต้องจอดไว้ อย่างวันนั้นที่ถ่ายละครลูกทาสบุ๋มก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไป อยู่จนถึงเที่ยงคืนก็นั่งมอเตอร์ไซค์กลับมาที่โรงพยาบาล ขนาดนั้นคุณยังว่าบุ๋มน้อยไปอีกเหรอ”
ถึงฝ่ายชายกลับมาง้อก็ยังไม่รับปากว่าจะคืนดี
“คือมันต้องเปลี่ยนค่ะ ไม่อย่างนั้นก็ปัญหาเดิมบุ๋มก็เหนื่อยเป็น ปัญหามันก็เริ่มก่อนที่เขาไปเมืองนอกด้วยซ้ำ ก็คิดว่าเขาน่าจะโตขึ้น มีมุมมองว่าโลกนี้ ไม่ได้มีแค่เรา 2 คน กับพ่อแม่บุ๋มยังไม่ได้คุย”
รับบล็อกไลน์ “ติ๊งโน้ต” เพราะอีกฝ่ายคุยไม่รู้เรื่อง
“ยังคุยวอทแอปกันอยู่เพราะว่าบุ๋มบล็อกไลน์ เพราะตอนแรกเราคุยกันไม่รู้เรื่อง เขาพูดแต่ว่าคุณคุยกับคนอื่นคุณไม่รักผม คือมันไม่ใช่ คือเราคุยกันตรงๆ ว่าเราลบไลน์ได้ไหม ถ้าไม่อยากให้แฟนดูว่าเราคุยกับใคร ก็ลบได้ ถ้าไม่อยากให้เขาดู”
เผย “ติ๊งโน้ต” ไม่ได้ง้อเป็นการคุยกันปกติมากกว่า พร้อมบอกถ้าไม่พร้อมจะแต่งงานกับตนก็ถอยไปดีกว่า
“ก็มีคุยเหมือนปกติทั่วไป ก็คิดว่าจะกลับมาคบกันได้เหมือนหายโกรธไปสักพัก แต่เราก็บอกเขาว่าคุณจะเปลี่ยนตัวคุณยังไงในเมื่อมุมมองคุณไม่เปลี่ยน อย่างขนาดเลขาช่วยเคลียร์ทุกอย่าง ณ ตอนนี้เราก็บอกเขาไปว่าเราต่างคนต่างถอยกันไปดีกว่าเป็นแค่เพื่อนกันจะดีที่สุด คือถ้าเกิดคนใดคนนึงมีคนอื่นหรือมีมือที่สาม หรือทะเลาะกันร้ายแรงใหญ่โตมันจะเลิกกันง่ายกว่านี้ แต่นี้คุณยังเป็นคนดีฉันก็ยังเป็นคนดีไม่ได้ผิดอะไรก็คิดอย่างนั้นนะ เหมือนกับความห่วงใยมันยังมีอยู่ แต่ถ้าให้เกิดมองขึ้นแต่งงาน คือเราอายุขนาดนี้แล้วเราจะมองเรื่อยๆ มันก็ไม่ใช่แล้วไง คือเราต้องมองคนที่ใช่สำหรับเรามากที่สุด แต่ถ้าเขายังไม่พร้อมก็ถอยไปดีกว่า”
มีข่าวว่าเราอยากแต่งงานแต่ติ๊งโน้ตยังไม่พร้อม?
“ปากเขาบอกว่าพร้อม แต่มุมองของเราเขายังไม่พร้อมที่จะดูแลใคร คือบุ๋มถอยแล้ว บุ๋มทำงานวิ่งกี่จังหวัดคุณก็เห็น พูดตรงๆว่าเคยหนีนักข่าว คือขอตั้งสติก่อนนะ ร่างกายยังไม่พร้อมจริงๆ ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะว่ากับติ๊งโน้ตก็ยังคุยไม่จบ เราก็ไม่อยากทำร้ายเขาและตัวเอง”
ถ้าฝ่ายชายยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองก็มีโอกาสคืนดี ก่อนรับอายุเป็นอุปสรรค
“ถ้าเขาเปลี่ยนและเชื่อใจบุ๋มมากกว่านี้นะ (เป็นเพราะอายุที่ค่อนข้างห่างหรือเปล่า?) ก็อาจเป็นไปได้ เรื่องกาวใจ พูดยาก เหมือนเขายังสับสนอยู่ เขาบอกความรักของเขามันมากกว่านั้น บุ๋มก็อยากบอกว่าชีวิตคู่มันมากกว่าความรักนะ”
เผยร้องไห้จนตาบวม
“จะเหลือเหรอคะ ตาบวมไปทำงานขนาดนั้น เขาก็เครียดค่ะ อย่างในอินสตาแกรมที่เขาก้มหัวและเป็นภาพจอมืดเป็นวันที่บุ๋มไปพม่า เราก็ถามว่าเป็นอะไร คือแค่นี้ แค่เราไม่ได้โทร.หาเขาก่อนขึ้นเครื่อง บางทีในหัวเราก็คิดเรื่องงานต่อเนื่อง บุ๋มคุยกับอาจารย์ตั้ง 2 ชั่วโมง เราก็เครียดเหมือนกัน เราก็ต้องคุยกับเลขา โทรศัพท์ต้องมาตลอด ถ้าขนาดนี้ไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง”
แม้จะคบกันมา 3 ปี เลิกกันมา 3 ครั้งแล้ว แต่ไม่เสียดายเวลาที่คบกัน
“เลิกกัน 3 ครั้งแล้วค่ะ ถามว่าเสียดายเวลาไหม ไม่ค่ะ เราได้เจอได้รู้จักคนดีๆไม่เสียดายหรอก เพราะเราก็ยังมีธุรกิจครีมด้วยกันอยู่ คือเลิกสนิทเลยมันเป็นไปไม่ได้ เราสร้างมาด้วยกันจะให้มาพังกับมือเราก็ไม่ยอม แต่เลิกกันมา 3 ครั้งแล้วจะให้ครั้งที่ 4-5 เราก็ไม่ไหวนะเพราะเวลาเราเลิกกับผู้ชาย คนก็จะบอกว่าบุ๋มมั่นใจเกินไป บุ๋มเก่งเกินไป คือเราผิดตลอด”
“อย่างในอินสตาแกรมก็มีคนพูดว่าบุ๋มก็พูดได้นี่ติ๊งโน้ตไม่ใช่ดารา ไม่มีโอกาสพูด บุ๋มบอกเขามีโอกาสพูด แต่ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า คุณก็ไปถามเขาเองสิในอินสตาแกรม เขามายุ่งอะไรกับอินสตาแกรมฉัน มาด่าฉันทำไม คือเราพูดไปก็ไม่ดีสำหรับตัวเขา กับคนดีๆ ที่เคยรู้จักมา ถามว่า ณ วันนี้กลับมาได้ไหม ถ้าเขาเปลี่ยนได้นะ เปลี่ยนทัศนะคติ”
เหมือนเขายังไม่รู้ตัว?
“อยากให้ย้อนไปดูในอินสตาแกรมเขา ไม่มีบุ๋มมานานแล้วนะ”
บอกพ่อตนเพิ่งรู้เรื่อง สั่งให้เลิกเด็กขาด
“พ่อเพิ่งรู้เมื่อวันก่อน แกก็บอกว่าเลิกให้ขาดซะ บุ๋มก็ไม่ได้ว่าอะไร คือการจะเจอคนดีๆ มันก็เป็นเรื่องยาก ถ้าเลิกเพราะมือที่สามหรือไม่ดีกับเรา ตบตี มันคงจะง่ายกว่านี้ มันคงไม่รู้สึกเสียดาย แต่ว่าตอนนี้เรารู้สึกเหนื่อย”
ข่าวจาก : ASTVผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9560000143799