http://ppantip.com/topic/31245818
ของคุณสมาชิกหมายเลข 1072595
เราๆ ท่านๆ ล้วนต่างยังเวียนว่ายในโลกแห่งวัตถุ.....จึงไม่แปลกที่การมองว่า "กตัญญูกตเวที" คือการตอบแทนด้านวัตถุคือเงินเป็นหลัก การอยู่เป็นฆราวาสและครองเรือนเอื้ออำนวยต่อการแสดงคุณธรรมต่อพ่อแม่ที่สุด และการออกบวชเพื่อแสวงหาวิมุติจึงอาจถูกมองเผินๆ ว่ากำลังเดินสวนทาง
ลักษณะการตอบแทนคุณบิดามารดาไม่ได้จำกัดไว้แค่ฆราวาสเพศหากแต่สมณะเพศก็สามารถแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ได้ด้วยธรรมะที่มีค่ากว่าเงินทอง อย่างพระสารีบุตรเป็นต้น มารดาของพระสารีบุตรผิดหวังและช้ำใจต่อพระสารีบุตรมากที่ท่านออกบวชต่อให้เป็นพระอัครสาวกของพระพุทธโคดมก็ยังผิดหวังในตัวพระสารีบุตร และผิดหวังมากยิ่งขึ้นเมื่อพระสารีบุตรชักนำน้องชายให้บวชตามด้วย ก็ต่อเมื่อวาระสุดท้ายของพระสารีบุตรนั่นท่านจึงไปโปรดมารดาโดยแสดง "ธรรมะ" ให้มารดาจนบรรลุโสดาบันก่อนท่านจะดับขันธ์ในบ้านเกิดท่านเอง
หรือไม่ก็อีกพระรูปหนึ่งที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาแล้วปลีกวิเวกไปนั่งสมาธิบนเขารูปเดียว จำเดิมท่านมาจากตระกูลเศรษฐี ต่อมาพ่อแม่ท่านตรอมใจเรื่องที่ท่านละบ้านเรือนออกบวชและเงินทองที่มีก็ร่อยหรอลงจนไม่เหลืออะไร มีคนนำข่าวนี้ไปแจ้งให้ท่านทราบ เมื่อทราบท่านก็เสียใจที่คิดว่าการออกบวชของท่านเป็นต้นเหตุ จึงคิดจะลาสิกขาเพื่อกลับไปเลี้ยงดูบิดามารดา...ระหว่างลงเขามาท่านไปเจอพระสารีบุตร ซึ่งพระสารีบุตรก็แนะนำจนท่านไม่คิดจะสึก และท่านก็อาศัยข้าวปลาที่ญาติโยมถวายมาเลี้ยงดูบิดามารดา จนมีพระบางรูปไปแจ้งต่อพระพุทธเจ้า ครั้นพระพุทธเจ้าทรงทราบพระองค์ก็กล่าวอนุโมทนาสาธุการต่อพระที่บิณฑบาตรเลี้ยงดูบิดามารดาว่าประเสริฐยิ่งนัก(จะเห็นว่าไม่บ่อยครั้งนักที่พระพุทธเจ้ากล่าวอนุโมทนากับการกระทำพระสาวกแม้ยังไม่บรรลุ)
ตัวผมมาจากครอบครัวที่ยากจนจากภาคอีสาน...จบแค่ประถมหกเพราะไม่มีเงินเรียนต่อ มีพี่ชายห้าคน...แม่ผมรอแล้วรอเล่าว่าอย่างน้อยๆ คนใดคนหนึ่งควรจะบวชให้ท่าน แต่ก็ไม่มีใครบวชให้ท่าน....วันที่ผมบอกว่าผมจะบวชให้ท่าน(ตอนอายุสิบสอง)ท่านร้องไห้ วิ่งไปบอกบ้านนู้นบ้านนี้ว่าลูกชายจะบวชให้ท่าน สองปีต่อมา....ผมแจ้งกับท่านว่าอยากจะสึกไปช่วยท่านทำนาท่านก็ร้องห่มร้องไห้บนบันไดกุฏิว่าอยากให้เห็นผมในผ้าเหลืองและอยากเกาะชายผ้าเหลืองผมในวันตาย ผมจึงบวชต่อจนท่านเสียชีวิตอีกเจ็ดปีต่อมา......ผมระลึกอยู่เสมอว่าที่ผมเป็นผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะการออกบวชให้แม่หวังทดแทนบุญคุณท่าน อย่างที่บอกครอบครัวผมยากจนมาก....แทนที่ท่านจะรั้งผมให้ช่วยทำนาและทำงานหาเงินแต่ท่านกลับยินดีที่ผมออกบวช
คนที่ออกบวชจะตลอดชีพหรือเรียนรู้ธรรมะสั้น....ผมขออนุมโมทนามา ณ โอกาสนี้ บวชตลอดชีพก็ถือว่าช่วยเผยแพร่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า บวชเรียนสั้นๆ เรียนรู้ธรรมะสึกออกมาก็เป็นประชากรที่ดีในสังคมไทย win win situation ครับ
......การออกบวชตลอดชีวิต ไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่(เหมือนตอนที่ไม่บวช)..กตัญญูหรืออกตัญญู??....
ของคุณสมาชิกหมายเลข 1072595
เราๆ ท่านๆ ล้วนต่างยังเวียนว่ายในโลกแห่งวัตถุ.....จึงไม่แปลกที่การมองว่า "กตัญญูกตเวที" คือการตอบแทนด้านวัตถุคือเงินเป็นหลัก การอยู่เป็นฆราวาสและครองเรือนเอื้ออำนวยต่อการแสดงคุณธรรมต่อพ่อแม่ที่สุด และการออกบวชเพื่อแสวงหาวิมุติจึงอาจถูกมองเผินๆ ว่ากำลังเดินสวนทาง
ลักษณะการตอบแทนคุณบิดามารดาไม่ได้จำกัดไว้แค่ฆราวาสเพศหากแต่สมณะเพศก็สามารถแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ได้ด้วยธรรมะที่มีค่ากว่าเงินทอง อย่างพระสารีบุตรเป็นต้น มารดาของพระสารีบุตรผิดหวังและช้ำใจต่อพระสารีบุตรมากที่ท่านออกบวชต่อให้เป็นพระอัครสาวกของพระพุทธโคดมก็ยังผิดหวังในตัวพระสารีบุตร และผิดหวังมากยิ่งขึ้นเมื่อพระสารีบุตรชักนำน้องชายให้บวชตามด้วย ก็ต่อเมื่อวาระสุดท้ายของพระสารีบุตรนั่นท่านจึงไปโปรดมารดาโดยแสดง "ธรรมะ" ให้มารดาจนบรรลุโสดาบันก่อนท่านจะดับขันธ์ในบ้านเกิดท่านเอง
หรือไม่ก็อีกพระรูปหนึ่งที่เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาแล้วปลีกวิเวกไปนั่งสมาธิบนเขารูปเดียว จำเดิมท่านมาจากตระกูลเศรษฐี ต่อมาพ่อแม่ท่านตรอมใจเรื่องที่ท่านละบ้านเรือนออกบวชและเงินทองที่มีก็ร่อยหรอลงจนไม่เหลืออะไร มีคนนำข่าวนี้ไปแจ้งให้ท่านทราบ เมื่อทราบท่านก็เสียใจที่คิดว่าการออกบวชของท่านเป็นต้นเหตุ จึงคิดจะลาสิกขาเพื่อกลับไปเลี้ยงดูบิดามารดา...ระหว่างลงเขามาท่านไปเจอพระสารีบุตร ซึ่งพระสารีบุตรก็แนะนำจนท่านไม่คิดจะสึก และท่านก็อาศัยข้าวปลาที่ญาติโยมถวายมาเลี้ยงดูบิดามารดา จนมีพระบางรูปไปแจ้งต่อพระพุทธเจ้า ครั้นพระพุทธเจ้าทรงทราบพระองค์ก็กล่าวอนุโมทนาสาธุการต่อพระที่บิณฑบาตรเลี้ยงดูบิดามารดาว่าประเสริฐยิ่งนัก(จะเห็นว่าไม่บ่อยครั้งนักที่พระพุทธเจ้ากล่าวอนุโมทนากับการกระทำพระสาวกแม้ยังไม่บรรลุ)
ตัวผมมาจากครอบครัวที่ยากจนจากภาคอีสาน...จบแค่ประถมหกเพราะไม่มีเงินเรียนต่อ มีพี่ชายห้าคน...แม่ผมรอแล้วรอเล่าว่าอย่างน้อยๆ คนใดคนหนึ่งควรจะบวชให้ท่าน แต่ก็ไม่มีใครบวชให้ท่าน....วันที่ผมบอกว่าผมจะบวชให้ท่าน(ตอนอายุสิบสอง)ท่านร้องไห้ วิ่งไปบอกบ้านนู้นบ้านนี้ว่าลูกชายจะบวชให้ท่าน สองปีต่อมา....ผมแจ้งกับท่านว่าอยากจะสึกไปช่วยท่านทำนาท่านก็ร้องห่มร้องไห้บนบันไดกุฏิว่าอยากให้เห็นผมในผ้าเหลืองและอยากเกาะชายผ้าเหลืองผมในวันตาย ผมจึงบวชต่อจนท่านเสียชีวิตอีกเจ็ดปีต่อมา......ผมระลึกอยู่เสมอว่าที่ผมเป็นผมอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะการออกบวชให้แม่หวังทดแทนบุญคุณท่าน อย่างที่บอกครอบครัวผมยากจนมาก....แทนที่ท่านจะรั้งผมให้ช่วยทำนาและทำงานหาเงินแต่ท่านกลับยินดีที่ผมออกบวช
คนที่ออกบวชจะตลอดชีพหรือเรียนรู้ธรรมะสั้น....ผมขออนุมโมทนามา ณ โอกาสนี้ บวชตลอดชีพก็ถือว่าช่วยเผยแพร่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า บวชเรียนสั้นๆ เรียนรู้ธรรมะสึกออกมาก็เป็นประชากรที่ดีในสังคมไทย win win situation ครับ