Tick & Tip วันนี้จะนำเสนอวิธีที่ 3 ของการใช้ Bollinger Band ในการ Trade ซึ่งวิธีนี้จะคล้ายๆกับการมองราคาทำ Divergence กับ Indicator อย่างเช่น MACD, RSI, ฯลฯ
วิธีที่ 3 คือ Trend Reversal Trading
แต่ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องไปพูดถึงการทำ Divergence ของราคาหรือดัชนี ผมจะขออธิบายตัว %BB Indicator ของ Bollinger Band กันก่อนแต่จะไม่ลงลึกถึงการคำนวณ สูตร แต่ผมจะนำไปเขียนลงในบทความเต็มอีกที
โดย %BB จะเป็นตัวบอกว่าราคาได้ break ขอบของ Bollinger Band ออกไป โดยมีเงื่อนไขที่ว่า
"ถ้า %BB > 100 หมายถึงราคาได้ Breakout Upper Band และถ้า %BB < 0 หมายความว่าราคาได้ Breakdown Lower Band"
เอาหละไปดูรูปกันเพื่อจะเริ่มต้นอธิบายการ Trade ด้วย Trend Reversal
เราจะพิจารณา Trend Reversal ได้ 2 ลักษณะคือ Bearish Reversal และ Bullish Reversal
รูปแบบที่ 1 คือ Bearish Reversal มักจะเกิดจาก M Top Pattern (อาจจะเกิดได้หลายแบบเช่น H&S, Triple Top, etc)
จาก Highlight ของ M Top จะอธิบายได้ว่าเกิด M Top ขึ้นเพราะที่จุด A ราคาได้ทำ Breakout Upper Band แล้วย่อลงผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ที่ Middle Band แล้วกลับตัวขึ้นไปทดสอบ High เดิม ที่จุด B แล้วราคาไม่ Breakout Upper Band เหมือนที่จุด A อันนี้คือเงื่อนไขแรก
หลังจากนั้นให้เรามาพิจารณาที่ตัว %BB โดย %BB จะต้องทำ Divergence กับราคาและต้องมีเงื่อนไขที่ว่าที่จุดที่ 1 %BB>100 และจุดที่ 2 %BB < 100 เท่านั้นเพื่อยืนยันการทำ M Top แล้วโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงจะมีสูง
ต่อจากนี้ก็ให้เราวางเส้น Support ที่จุดต่ำสุดที่ราคาได้กระทำที่ Middle Band เพื่อใช้เป็นเส้นอ้างอิง ถ้าราคาผ่านจุดนี้ลงมาได้ก็จะกลับตัวจาก Trend เดิม ลองพิจารณาจากรูปดูครับ
รูปแบบที่ 2 คือ Bullish Reversal มักจะเกิดจาก W Bottom Pattern (อาจจะเกิดได้หลายแบบเช่น H&S, Triple Bottom, etc) วิธีการและเงื่อนไขก็จะเหมือนกับรูปแบบแรกแต่ทำตรงกันข้าม เอาหละครับพอจะมี Idea และมุมมองในการใช้ Bollinger Band กันแล้ว
โดยสรุปการใช้ Bollinger Band ของ John Bollinger ก็จะมี 3 วิธีที่เป็นตัวดั้งเดิมเลย
1.Squeeze Breakout หรือ Volatility Breakout
2.Trend Following
3.Trend Reversal
Credit :
http://www.stockmoneygear.com/
Fanpage :
https://www.facebook.com/pages/Stock-Money-Gear/311329105613907
Tick & Tip Technique : การใช้ Bollinger Band ในการ Trade วิธีที่ 3
วิธีที่ 3 คือ Trend Reversal Trading
แต่ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องไปพูดถึงการทำ Divergence ของราคาหรือดัชนี ผมจะขออธิบายตัว %BB Indicator ของ Bollinger Band กันก่อนแต่จะไม่ลงลึกถึงการคำนวณ สูตร แต่ผมจะนำไปเขียนลงในบทความเต็มอีกที
โดย %BB จะเป็นตัวบอกว่าราคาได้ break ขอบของ Bollinger Band ออกไป โดยมีเงื่อนไขที่ว่า
"ถ้า %BB > 100 หมายถึงราคาได้ Breakout Upper Band และถ้า %BB < 0 หมายความว่าราคาได้ Breakdown Lower Band"
เอาหละไปดูรูปกันเพื่อจะเริ่มต้นอธิบายการ Trade ด้วย Trend Reversal
เราจะพิจารณา Trend Reversal ได้ 2 ลักษณะคือ Bearish Reversal และ Bullish Reversal
รูปแบบที่ 1 คือ Bearish Reversal มักจะเกิดจาก M Top Pattern (อาจจะเกิดได้หลายแบบเช่น H&S, Triple Top, etc)
จาก Highlight ของ M Top จะอธิบายได้ว่าเกิด M Top ขึ้นเพราะที่จุด A ราคาได้ทำ Breakout Upper Band แล้วย่อลงผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ที่ Middle Band แล้วกลับตัวขึ้นไปทดสอบ High เดิม ที่จุด B แล้วราคาไม่ Breakout Upper Band เหมือนที่จุด A อันนี้คือเงื่อนไขแรก
หลังจากนั้นให้เรามาพิจารณาที่ตัว %BB โดย %BB จะต้องทำ Divergence กับราคาและต้องมีเงื่อนไขที่ว่าที่จุดที่ 1 %BB>100 และจุดที่ 2 %BB < 100 เท่านั้นเพื่อยืนยันการทำ M Top แล้วโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงจะมีสูง
ต่อจากนี้ก็ให้เราวางเส้น Support ที่จุดต่ำสุดที่ราคาได้กระทำที่ Middle Band เพื่อใช้เป็นเส้นอ้างอิง ถ้าราคาผ่านจุดนี้ลงมาได้ก็จะกลับตัวจาก Trend เดิม ลองพิจารณาจากรูปดูครับ
รูปแบบที่ 2 คือ Bullish Reversal มักจะเกิดจาก W Bottom Pattern (อาจจะเกิดได้หลายแบบเช่น H&S, Triple Bottom, etc) วิธีการและเงื่อนไขก็จะเหมือนกับรูปแบบแรกแต่ทำตรงกันข้าม เอาหละครับพอจะมี Idea และมุมมองในการใช้ Bollinger Band กันแล้ว
โดยสรุปการใช้ Bollinger Band ของ John Bollinger ก็จะมี 3 วิธีที่เป็นตัวดั้งเดิมเลย
1.Squeeze Breakout หรือ Volatility Breakout
2.Trend Following
3.Trend Reversal
Credit : http://www.stockmoneygear.com/
Fanpage : https://www.facebook.com/pages/Stock-Money-Gear/311329105613907