คำแนะนำ : รีวิวผมเป็นรีวิวกาก ๆ ที่ไม่ได้ใส่รายละเอียดหรือว่าหาข้อมูลแนะนำต่าง ๆ ใส่ไว้ให้นะครับ
เป็นเพียงแค่สิ่งที่ผมอยากเล่าให้ฟังกับประสบการณ์ที่ได้เดินทางไป ได้พบ ได้เจอเรื่องราวต่าง ๆ
แล้วก็อยากแชร์ภาพถ่ายให้ดู คิดซะว่าอ่านเล่น ๆ ยามว่างแล้วกันนะครับ
เนื้อหา ภาษา ไม่เหมาะแก่เยาวชน นะครับ กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับลม...เอ่ย..รับชม ด้วย
ความเดิมตอนที่แล้ว
จากบ้านไปไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่ 1 เกียวโต เมืองหลวงเก่าโลกจารึก
http://ppantip.com/topic/31232290
หลังจากที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่น ผ่านสัปดาห์แรกของการทำงาน และไปเที่ยวเกียวโตกลับมา
ภาษาญี่ปุ่นก้อยังคงง้อย-เหมือนเดิม อ่านไรก้อไม่ออก ไปไหนมาไหน ก้อต้องคอยบอกคนญี่ปุ่นว่า เอ่อ....วาตาชิวะ โยเมไน่ (กรูอ่านไม่ออก)
จะอ่านออกได้ไง แมร่งเล่นมีแต่ตัวคันจิ คันจิระดับมัธยมปลายต้องเรียนสามพันตัว นี่กรูเรียนมาสามร้อยตัว (จำได้30ตัว) คงเทียบเท่าเด็กแบเบาะซินะ 55+
การมาเที่ยวโอซาก้า ผมไม่ได้วางแผนว่าจะมาในสัปดาห์ที่2 แต่เนื่องจากความหื่นกระหายส่วนตัวล้วน ๆ ทำให้ต้องมา อุตสาห์ได้ลายแทงจากคนญี่ปุ่นมาทั้งที คราวนี้ล่ะ จะได้มาถึงญี่ปุ่นจิง ๆ ซะที 55+ **รีวิวนี้ หื่นหน่อยนะครับ สำหรับผู้ชาย, ญ ท่านใดไม่ต้องการรับรู้ ก้อข้าม ๆ ไปละกันนะ**
คราวนี้ซื้อตั๋วรถไฟเย็นวันศุกร์เหมือนเดิม แต่ไม่ได้นั่งชินคังเซ็นแล้ว เนื่องจากต้องเซฟเงินทุกบาททุกสตางต์ไว้สำหรับตามล่าลายแทง ออกจากเมืองคาริยะ ตอน 5:40 แล้วไปต่อรถไฟอีกขบวนที่นาโกย่าเดินทางสู่โอซาก้า
ไปถึงสาย ๆ กำลังดี ทัวริสเซ็นเตอร์เปิดพอดี เดินไปเก็บแผนที่ แล้วตะลุยกันเล๊ยยย
อ่อ ลืมบอก สามารถซื้อตั๋วเดย์พาสรถเมย์ รถไฟ รวมถึงบัตรเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ได้เลย ราคา 2500 เยน มั้ง
กว่าจะเริ่มออกเที่ยว ผมเสียเวลาไปครึ่งวันเพื่อตามหาร้านขายเลนส์มือสอง เดินหาอยู่ 3-4 ร้าน ก้อพบกับเลนส์ที่ในฝันอย่าง AFS24-70nano แต่สุดท้ายไปได้ 17-55 f2.8 แทน เนื่องจากสู้ราคาเจ้านาโนไม่ไหวจิง ๆ
ที่แรกมุ่งหน้าไปสู่ที่ที่รู้จักกันดี นั่นคือปราสาทโอซาก้า (รู้จักเพราะอยู่ในหนังสือเรียน) สวนบริเวณรอบ ๆ กว้างใหญ่มาก มีคูน้ำรอบปราสาทขนาดใหญ่ ผมว่าเมื่อก่อนนี้คงงยิ่งใหญ่มากแน่ ๆ
ปราสาทโอซาก้า ก้อเหมือนปราสาทอื่น ๆ ในญี่ปุ่น ที่ถูกเผาทำลายไปจากการทำสงครามระหว่างตระกูล แต่ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้วทุกที่ ข้างในปราสาทผมไม่ได้ขึ้นครับ ทั้ง ๆ ที่มีบัตรเข้า แต่รู้สึกว่าคงมีแต่ของ เลยไปต่อที่อื่นดีก่า
อาหารประจำเมืองนี้คือไอ้เจ้าขนมครกปลาหมึก โรยหน้าด้วยปลาหมึกแผ่นบาง ๆ โดนลมปลิวหายหมด ไม่รู้ทำไมมันนิยมจั๊ง กัดไปแมร่งมีแต่แป้ง ปลาหมึกตัวเท่าไข่มดแดง ชุดนึงไม่ถูกด้วยนะ (เกือบ200บาทอะ) แต่ก้อเอ้า
หลังจากนั่นเดินไปพิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตญี่ปุ่น อยู่ไม่ไกล ข้างใน มีพวกเครื่องใช้ ข้าวของ แล้วก้อจำลองวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นให้ดู
จากนั้น ผมเดินทางไปต่อไปวัดชิเทนโนจิแล้วก้อเดินเที่ยวบริเวณรอบ ๆ ซึ่งมีพวกเปิดท้ายขายของด้วย
เวลาเดินเที่ยวในญี่ปุ่นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องน้ำดื่มนะครับ ตู้หยอดเหรียญแมร่งมีเยอะสาด บนภูเขา บ้านนอก สถานีรถไฟ ข้างทาง นี่ถ้ามันตั้งในห้องน้ำได้ คงตั้งอะ
เดินไปเดินมา ก้อมาถึงหอคอยดูวิว ย่านเทนโนจิปาร์ค ผมมีบัตรแต่มะได้ขึ้นอิกแล้ว ตอนกะลังต่อแถวอยู่ ยืนมาได้ 15 นาทีแระ พนักงานประกาศว่า เวลารอตอนนี้ประมาณชั่วโมงครึ่งนะฮ้าบ ในใจคิด (สาดดด เมริงไม่มาบอกกรูตอนถึงคิวเลยละ)
งั้นเข้าโฮสเทลเลยละกัน (จิง ๆ อยากเข้านานแล้ว รอเวลานี้แหละ) โฮลเทลผมอยู่แถวย่าน โดบุสซึเอ็นมาเอะ(ย่านเป้าหมาย)
อาบน้ำแต่งตัวใหม่ซะหน่อย เนื่องจากเดินมาท้างวัน ห้องอาบน้ำเป็นแบบรวมซะด้วย ผมชอบนะ การมาญี่ปุ่นที่ชอบอีกอย่างนึงคือ การได้แก้ผ้าอาบน้ำ โดยไม่มีใครมาสนใจผม สบายใจดีอะ นอนแช่น้ำร้อนสบายใจเบย อิอิ
และแล้วก้อถึงเวลาที่ผู้ชายทุกคนอยากรู้ครับ ลายแทงมหาสมบัติ
คำเตือน : บทความต่อจากนี้ สงวนให้แก่ผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปีแล้วเท่านั้น น้อง ๆ นู๋คนไหนไม่ถึง กรุณาข้าม
ป.ล. ผมมะได้เอากล้องไป เลยไม่มีรูปครับ เค้าไม่ให้ถ่ายด้วย
บริเวณที่เราจะไปกัน ต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีโอบุสซึเอ็นมาเอะ แล้วเดินออกทางออกที่ 2 ครับ เมื่อออกมา จะเห็นร้านสะดวกซื้อแฟมิลี้มาร์ทอยู่ตรงหัวมุมตึก
ก้อหาซื้อไรกินเพื่อเพิ่มพลังก้อได้ครับ จากนั้นเดินเข้าไปในซอยตรงแฟมิลีมาร์ทนั่นแหละ เข้าไปไกลพอสมควร ราว ๆ 300 เมตรได้ ก้อจะเจอทางแยกซ้ายมือ ก้อเดินออกไปตามถนนครับ ตรงไปอีกร้อยเมตรก้อจะเจอกับผู้ชายหื่นมากมาย เดินกันให้วุ่น
มีร้านค้าตั้งเรียงรายนับร้อย ลักษณะร้านให้นึกถึงห้องแถวเตี้ย ๆ สไตล์ญี่ปุ่น แนวโรงเตียมหนังจีนรึหนังซามูไรอะ จะมีผู้หญิงสวยมากนั่งส่งยิ้มหวานให้ (ย้ำว่าสวยมว้าก) ถ้านึกไม่ออกว่าสวยขนาดไหน ให้ลองนึกหน้านางเอกหนังเอวีได้เลยครับ เดินดูให้ทั่ว ๆ ถูกใจคนไหนรีบเข้าไปเลยครับ ไม่ต้องรีรอ แต่ว่าถ้าพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เค้าอาจจะไม่รับนะครับ แล้วบางร้านถ้าบอกว่าเป็นคนต่างชาติเค้าก้อไม่ค่อยโอเคครับ ต้องถามก่อนเข้า นอกจากมีญิ๋งสวยนั่งอยู่แล้ว จะมีป้าแก่ ๆ นั่งคุมอยู่ด้วย คอยเจรจากับจับเวลา
หลังจากได้คนที่ถูกใจแล้ว เดินเข้าไปเล๊ย ญิ๋งสาวก้มคับนับทักทายด้วยความเรียบร้อย (ตื่นเต้นมาก ไม่เคยได้สวยขนาดนี้) เค้าก้อจะพาคุณขึ้นไปข้างบน แล้วเสริฟน้ำชาให้ หลังจากนั้นก้อจะเลือกว่าต้องการกี่นาที ถูกสุดก้อ 20 นาที 16000 เยน แพงสุดก้อชั่วโมงนึง แต่ผมจำราคาไม่ได้ หลังจากจ่ายตังค์เส็ด ก้อเริ่มกันเลย ผมคงไม่ต้องเล่าต่อแล้วนะครับ ติดเรทเกินไปอะ
หลังจากตัวปลิว (ตังค์หมด) ก้อกลับที่พัก รีบตื่นไปเที่ยวพรุ่งนี้กันต่อดีกว่า
เช้านี้ผมเดินทางไปแถวย่านโอซาก้าพอร์ท เพื่อไปอะควาเรี่ยม กับยูนิเวอร์แซล แต่ยูนิเวอร์แซลไม่ได้เข้าครับ ฝนตก
เช้านี้แวะกินข้าวแถว ๆ ทางเข้าไปอะควาเรี่ยม ราคาไม่แพงอะ 400 เยนก้อมี
อควาเรี่ยมที่นี้ค่าเข้าชมประมาณ 2500 เยน เหมือนจะแพง แต่คุ้มโคตร ดีกว่าเมืองไทยเยอะ ผมหวังว่าซักวันจะไปทุกที่ให้ครบ
เพราะแต่ละที่มีการออกแบบต่างกัน ที่โอซาก้าเอง เป็นเหมือนหลอดแก้วขนาดยักษ์แล้วเป็นทางเดินวนไต่ระดับลงไปเรื่อย ๆ
อยุ่ในนั่นมีความสุขทั้งวันอะ
จากนั้นเดินไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าขนาดยัก เรื่องขึ้นกระเช้าเนี่ย ไม่ได้ตื่นเต้นไรหรอก แต่ไอ้สาวที่นั่งกระเช้าก่อนหน้าเนี่ย สาวเกาหลี สวยฉริบหายอะ เห็นสาวยุ่นว่าสวยแล้ว เจอเกาหลีเข้าไป แมร่งถึงกับช็อค อยากไปเกาหลีเรยทีเดียว
ช่วงบ่ายผมไปต่อย่านธุรกิจนัมบะ เดินทางโดยรถไปใต้ดินครับ รถไฟที่โอซาก้าเองวุ่นวายไม่ต่างจากโตเกียว แต่ถ้าดูแผนที่เป็น ไม่ยากนะ
ระหว่างกะลังรออยู่ เจอลูกเสื้อญี่ปุ่น น่ารักดีอะ แต่งตัวแนวสาด แปลกตาดี
ย่านนี้รวมร้านต่าง ๆ มากมาย ของเล่น การ์ตูน เครื่องสำอาง ร้านหนังโป๊ เซ็กช้อป ของสะสม หนัง เพลง
แน่นอนฮะ ผมมาที่นี้เพื่อเซ็กทอย ทั้งใช้เองและของฝาก 55+
ใครมาที่นี้ ต้องลองมาเข้าร้านหนังโป๊ดูนะครับ แล้วจะรู้ว่าสวรรค์มันมีจิง คุณจะบอกว่าในเน็ตมีให้ดาวน์โหลดเยอะแยะไป แต่อยากให้มาดูด้วยตาในร้านครับ มันมหาศาลมาก ดู 24 ชั่วโมงจนตาย ก้อไม่มีวันหมดนะครับ ในร้านเป็นตึก5ชั้น แต่ละชั้นพื้นที่เท่าสนามบาส
ชั้นแรกเป็นหนังสือและการ์ตูนโป๊ ชั้น2-4 เป็นหนังล้วน ๆ ระหว่างเดิน มีเดโมเปิดให้ดูด้วยนะค้าบ แทบมะอยากไปไหนเรย ชั้น5 เป็นเซ็กทอย
ตอนผมเลือกของอยู่ มีคู่แฟนกัน กะลังดูพวกยาปลุกเซ็กกันอยู่ อิจฉาฉิหายเบย คราวหน้าจะควงแฟนมาด้วยมั้ง 55
มีของทุกอย่างเอาไว้สนองตัณหาบ้ากามอย่างผม อิอิ
สิ่งที่ผมรู้สึกดีอีกอย่างที่ญี่ปุ่นคือ ทุก ๆ สิ่งของ ร้านค้า ย่านที่ไป อะไรก้อตามที่เป็นอบายมุข ที่เค้าห้ามอายุต่ำว่า 18 หรือ20 ก้อดี ก้อจะไม่มีเด็กเข้ามาให้เห็นนะครับ ทั้ง ๆ ที่ร้านก้อไม่ได้มีคนคอยดูคอยห้าม บุหรี่หยอดเหรียญ เหล้าหยอดเหรียญ ก้อไม่มีเด็กซื้อ
ผมนับถือความซื่อสัตย์ ความเคารพกฏคนญี่ปุ่นจิง ๆ ผมอยากให้บ้านเราเป็นแบบนี้บ้าง สังคมคงดีขึ้นเยอะ บ้านเราก้อคงจะน่าอยู่สุด ๆ
ไหน ๆ ก้อเล่าความประทับใจแระ อีกอย่างคือ ที่ญี่ปุ่นคนขับรถต้องเกรงใจคนเดินเท้าครับ
ผมไม่เคยต้องมองรถก่อนข้ามเลย รถต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายมองคน ถ้าเห็นคนรอข้าม รถเค้าก้อจะหยุดให้ไปก่อน
ผมไปพวกเมืองที่เจริญแล้ว ที่ไหน ๆ ก้อเป็นแบบนี้ อยากให้บ้านเราเป็นแบบนี้บ้างจัง
ถึงบ้านเราไม่มีใครทำ แต่ผมก้อจะทำ อย่างน้อยผมก้อเปนส่วนหนึ่งในสังคม เผื่อวันนึงมันจะได้เจริญ ๆ ขึ้นมาบ้าง
มาถึงเมืองโอซาก้า สิ่งสุดท้ายที่ต้องเห็นกับตาตัวเองก้อคือ ไอ้ป้ายไฟรูปกูลิโกะนี่แหละ ใครมาแมร่งก้อถ่าย
ถ้ากรูมาแล้วไม่ถ่าย เด๋วเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง 55+ จัดไปรูปเดียวก่อนกลับ ไม่งั้นหลับไม่ลงคืนนี้
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะฮ๊าบ ไร้สาระไปบ้าง ไม่ต้องเครียดนะ เอาไรมากกะคนอย่างผม
โปรดติดตามตอนต่อไปกับ จากบ้านมาไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่ 3 คานาซาว่า ชิรากาว่าโก๊ะ ทาคายาม่า
http://ppantip.com/topic/31281923
[CR] จากบ้านไปไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่2 โอซาก้า เมืองหลวงแห่งคันไซ
เป็นเพียงแค่สิ่งที่ผมอยากเล่าให้ฟังกับประสบการณ์ที่ได้เดินทางไป ได้พบ ได้เจอเรื่องราวต่าง ๆ
แล้วก็อยากแชร์ภาพถ่ายให้ดู คิดซะว่าอ่านเล่น ๆ ยามว่างแล้วกันนะครับ
เนื้อหา ภาษา ไม่เหมาะแก่เยาวชน นะครับ กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับลม...เอ่ย..รับชม ด้วย
ความเดิมตอนที่แล้ว
จากบ้านไปไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่ 1 เกียวโต เมืองหลวงเก่าโลกจารึก
http://ppantip.com/topic/31232290
หลังจากที่เดินทางมาถึงญี่ปุ่น ผ่านสัปดาห์แรกของการทำงาน และไปเที่ยวเกียวโตกลับมา
ภาษาญี่ปุ่นก้อยังคงง้อย-เหมือนเดิม อ่านไรก้อไม่ออก ไปไหนมาไหน ก้อต้องคอยบอกคนญี่ปุ่นว่า เอ่อ....วาตาชิวะ โยเมไน่ (กรูอ่านไม่ออก)
จะอ่านออกได้ไง แมร่งเล่นมีแต่ตัวคันจิ คันจิระดับมัธยมปลายต้องเรียนสามพันตัว นี่กรูเรียนมาสามร้อยตัว (จำได้30ตัว) คงเทียบเท่าเด็กแบเบาะซินะ 55+
การมาเที่ยวโอซาก้า ผมไม่ได้วางแผนว่าจะมาในสัปดาห์ที่2 แต่เนื่องจากความหื่นกระหายส่วนตัวล้วน ๆ ทำให้ต้องมา อุตสาห์ได้ลายแทงจากคนญี่ปุ่นมาทั้งที คราวนี้ล่ะ จะได้มาถึงญี่ปุ่นจิง ๆ ซะที 55+ **รีวิวนี้ หื่นหน่อยนะครับ สำหรับผู้ชาย, ญ ท่านใดไม่ต้องการรับรู้ ก้อข้าม ๆ ไปละกันนะ**
คราวนี้ซื้อตั๋วรถไฟเย็นวันศุกร์เหมือนเดิม แต่ไม่ได้นั่งชินคังเซ็นแล้ว เนื่องจากต้องเซฟเงินทุกบาททุกสตางต์ไว้สำหรับตามล่าลายแทง ออกจากเมืองคาริยะ ตอน 5:40 แล้วไปต่อรถไฟอีกขบวนที่นาโกย่าเดินทางสู่โอซาก้า
ไปถึงสาย ๆ กำลังดี ทัวริสเซ็นเตอร์เปิดพอดี เดินไปเก็บแผนที่ แล้วตะลุยกันเล๊ยยย
อ่อ ลืมบอก สามารถซื้อตั๋วเดย์พาสรถเมย์ รถไฟ รวมถึงบัตรเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ ได้เลย ราคา 2500 เยน มั้ง
กว่าจะเริ่มออกเที่ยว ผมเสียเวลาไปครึ่งวันเพื่อตามหาร้านขายเลนส์มือสอง เดินหาอยู่ 3-4 ร้าน ก้อพบกับเลนส์ที่ในฝันอย่าง AFS24-70nano แต่สุดท้ายไปได้ 17-55 f2.8 แทน เนื่องจากสู้ราคาเจ้านาโนไม่ไหวจิง ๆ
ที่แรกมุ่งหน้าไปสู่ที่ที่รู้จักกันดี นั่นคือปราสาทโอซาก้า (รู้จักเพราะอยู่ในหนังสือเรียน) สวนบริเวณรอบ ๆ กว้างใหญ่มาก มีคูน้ำรอบปราสาทขนาดใหญ่ ผมว่าเมื่อก่อนนี้คงงยิ่งใหญ่มากแน่ ๆ
ปราสาทโอซาก้า ก้อเหมือนปราสาทอื่น ๆ ในญี่ปุ่น ที่ถูกเผาทำลายไปจากการทำสงครามระหว่างตระกูล แต่ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้วทุกที่ ข้างในปราสาทผมไม่ได้ขึ้นครับ ทั้ง ๆ ที่มีบัตรเข้า แต่รู้สึกว่าคงมีแต่ของ เลยไปต่อที่อื่นดีก่า
อาหารประจำเมืองนี้คือไอ้เจ้าขนมครกปลาหมึก โรยหน้าด้วยปลาหมึกแผ่นบาง ๆ โดนลมปลิวหายหมด ไม่รู้ทำไมมันนิยมจั๊ง กัดไปแมร่งมีแต่แป้ง ปลาหมึกตัวเท่าไข่มดแดง ชุดนึงไม่ถูกด้วยนะ (เกือบ200บาทอะ) แต่ก้อเอ้า
หลังจากนั่นเดินไปพิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตญี่ปุ่น อยู่ไม่ไกล ข้างใน มีพวกเครื่องใช้ ข้าวของ แล้วก้อจำลองวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นให้ดู
จากนั้น ผมเดินทางไปต่อไปวัดชิเทนโนจิแล้วก้อเดินเที่ยวบริเวณรอบ ๆ ซึ่งมีพวกเปิดท้ายขายของด้วย
เวลาเดินเที่ยวในญี่ปุ่นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องน้ำดื่มนะครับ ตู้หยอดเหรียญแมร่งมีเยอะสาด บนภูเขา บ้านนอก สถานีรถไฟ ข้างทาง นี่ถ้ามันตั้งในห้องน้ำได้ คงตั้งอะ
เดินไปเดินมา ก้อมาถึงหอคอยดูวิว ย่านเทนโนจิปาร์ค ผมมีบัตรแต่มะได้ขึ้นอิกแล้ว ตอนกะลังต่อแถวอยู่ ยืนมาได้ 15 นาทีแระ พนักงานประกาศว่า เวลารอตอนนี้ประมาณชั่วโมงครึ่งนะฮ้าบ ในใจคิด (สาดดด เมริงไม่มาบอกกรูตอนถึงคิวเลยละ)
งั้นเข้าโฮสเทลเลยละกัน (จิง ๆ อยากเข้านานแล้ว รอเวลานี้แหละ) โฮลเทลผมอยู่แถวย่าน โดบุสซึเอ็นมาเอะ(ย่านเป้าหมาย)
อาบน้ำแต่งตัวใหม่ซะหน่อย เนื่องจากเดินมาท้างวัน ห้องอาบน้ำเป็นแบบรวมซะด้วย ผมชอบนะ การมาญี่ปุ่นที่ชอบอีกอย่างนึงคือ การได้แก้ผ้าอาบน้ำ โดยไม่มีใครมาสนใจผม สบายใจดีอะ นอนแช่น้ำร้อนสบายใจเบย อิอิ
และแล้วก้อถึงเวลาที่ผู้ชายทุกคนอยากรู้ครับ ลายแทงมหาสมบัติ
คำเตือน : บทความต่อจากนี้ สงวนให้แก่ผู้ที่มีอายุเกิน 18 ปีแล้วเท่านั้น น้อง ๆ นู๋คนไหนไม่ถึง กรุณาข้าม
ป.ล. ผมมะได้เอากล้องไป เลยไม่มีรูปครับ เค้าไม่ให้ถ่ายด้วย
บริเวณที่เราจะไปกัน ต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีโอบุสซึเอ็นมาเอะ แล้วเดินออกทางออกที่ 2 ครับ เมื่อออกมา จะเห็นร้านสะดวกซื้อแฟมิลี้มาร์ทอยู่ตรงหัวมุมตึก
ก้อหาซื้อไรกินเพื่อเพิ่มพลังก้อได้ครับ จากนั้นเดินเข้าไปในซอยตรงแฟมิลีมาร์ทนั่นแหละ เข้าไปไกลพอสมควร ราว ๆ 300 เมตรได้ ก้อจะเจอทางแยกซ้ายมือ ก้อเดินออกไปตามถนนครับ ตรงไปอีกร้อยเมตรก้อจะเจอกับผู้ชายหื่นมากมาย เดินกันให้วุ่น
มีร้านค้าตั้งเรียงรายนับร้อย ลักษณะร้านให้นึกถึงห้องแถวเตี้ย ๆ สไตล์ญี่ปุ่น แนวโรงเตียมหนังจีนรึหนังซามูไรอะ จะมีผู้หญิงสวยมากนั่งส่งยิ้มหวานให้ (ย้ำว่าสวยมว้าก) ถ้านึกไม่ออกว่าสวยขนาดไหน ให้ลองนึกหน้านางเอกหนังเอวีได้เลยครับ เดินดูให้ทั่ว ๆ ถูกใจคนไหนรีบเข้าไปเลยครับ ไม่ต้องรีรอ แต่ว่าถ้าพูดญี่ปุ่นไม่ได้ เค้าอาจจะไม่รับนะครับ แล้วบางร้านถ้าบอกว่าเป็นคนต่างชาติเค้าก้อไม่ค่อยโอเคครับ ต้องถามก่อนเข้า นอกจากมีญิ๋งสวยนั่งอยู่แล้ว จะมีป้าแก่ ๆ นั่งคุมอยู่ด้วย คอยเจรจากับจับเวลา
หลังจากได้คนที่ถูกใจแล้ว เดินเข้าไปเล๊ย ญิ๋งสาวก้มคับนับทักทายด้วยความเรียบร้อย (ตื่นเต้นมาก ไม่เคยได้สวยขนาดนี้) เค้าก้อจะพาคุณขึ้นไปข้างบน แล้วเสริฟน้ำชาให้ หลังจากนั้นก้อจะเลือกว่าต้องการกี่นาที ถูกสุดก้อ 20 นาที 16000 เยน แพงสุดก้อชั่วโมงนึง แต่ผมจำราคาไม่ได้ หลังจากจ่ายตังค์เส็ด ก้อเริ่มกันเลย ผมคงไม่ต้องเล่าต่อแล้วนะครับ ติดเรทเกินไปอะ
หลังจากตัวปลิว (ตังค์หมด) ก้อกลับที่พัก รีบตื่นไปเที่ยวพรุ่งนี้กันต่อดีกว่า
เช้านี้ผมเดินทางไปแถวย่านโอซาก้าพอร์ท เพื่อไปอะควาเรี่ยม กับยูนิเวอร์แซล แต่ยูนิเวอร์แซลไม่ได้เข้าครับ ฝนตก
เช้านี้แวะกินข้าวแถว ๆ ทางเข้าไปอะควาเรี่ยม ราคาไม่แพงอะ 400 เยนก้อมี
อควาเรี่ยมที่นี้ค่าเข้าชมประมาณ 2500 เยน เหมือนจะแพง แต่คุ้มโคตร ดีกว่าเมืองไทยเยอะ ผมหวังว่าซักวันจะไปทุกที่ให้ครบ
เพราะแต่ละที่มีการออกแบบต่างกัน ที่โอซาก้าเอง เป็นเหมือนหลอดแก้วขนาดยักษ์แล้วเป็นทางเดินวนไต่ระดับลงไปเรื่อย ๆ
อยุ่ในนั่นมีความสุขทั้งวันอะ
จากนั้นเดินไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าขนาดยัก เรื่องขึ้นกระเช้าเนี่ย ไม่ได้ตื่นเต้นไรหรอก แต่ไอ้สาวที่นั่งกระเช้าก่อนหน้าเนี่ย สาวเกาหลี สวยฉริบหายอะ เห็นสาวยุ่นว่าสวยแล้ว เจอเกาหลีเข้าไป แมร่งถึงกับช็อค อยากไปเกาหลีเรยทีเดียว
ช่วงบ่ายผมไปต่อย่านธุรกิจนัมบะ เดินทางโดยรถไปใต้ดินครับ รถไฟที่โอซาก้าเองวุ่นวายไม่ต่างจากโตเกียว แต่ถ้าดูแผนที่เป็น ไม่ยากนะ
ระหว่างกะลังรออยู่ เจอลูกเสื้อญี่ปุ่น น่ารักดีอะ แต่งตัวแนวสาด แปลกตาดี
ย่านนี้รวมร้านต่าง ๆ มากมาย ของเล่น การ์ตูน เครื่องสำอาง ร้านหนังโป๊ เซ็กช้อป ของสะสม หนัง เพลง
แน่นอนฮะ ผมมาที่นี้เพื่อเซ็กทอย ทั้งใช้เองและของฝาก 55+
ใครมาที่นี้ ต้องลองมาเข้าร้านหนังโป๊ดูนะครับ แล้วจะรู้ว่าสวรรค์มันมีจิง คุณจะบอกว่าในเน็ตมีให้ดาวน์โหลดเยอะแยะไป แต่อยากให้มาดูด้วยตาในร้านครับ มันมหาศาลมาก ดู 24 ชั่วโมงจนตาย ก้อไม่มีวันหมดนะครับ ในร้านเป็นตึก5ชั้น แต่ละชั้นพื้นที่เท่าสนามบาส
ชั้นแรกเป็นหนังสือและการ์ตูนโป๊ ชั้น2-4 เป็นหนังล้วน ๆ ระหว่างเดิน มีเดโมเปิดให้ดูด้วยนะค้าบ แทบมะอยากไปไหนเรย ชั้น5 เป็นเซ็กทอย
ตอนผมเลือกของอยู่ มีคู่แฟนกัน กะลังดูพวกยาปลุกเซ็กกันอยู่ อิจฉาฉิหายเบย คราวหน้าจะควงแฟนมาด้วยมั้ง 55
มีของทุกอย่างเอาไว้สนองตัณหาบ้ากามอย่างผม อิอิ
สิ่งที่ผมรู้สึกดีอีกอย่างที่ญี่ปุ่นคือ ทุก ๆ สิ่งของ ร้านค้า ย่านที่ไป อะไรก้อตามที่เป็นอบายมุข ที่เค้าห้ามอายุต่ำว่า 18 หรือ20 ก้อดี ก้อจะไม่มีเด็กเข้ามาให้เห็นนะครับ ทั้ง ๆ ที่ร้านก้อไม่ได้มีคนคอยดูคอยห้าม บุหรี่หยอดเหรียญ เหล้าหยอดเหรียญ ก้อไม่มีเด็กซื้อ
ผมนับถือความซื่อสัตย์ ความเคารพกฏคนญี่ปุ่นจิง ๆ ผมอยากให้บ้านเราเป็นแบบนี้บ้าง สังคมคงดีขึ้นเยอะ บ้านเราก้อคงจะน่าอยู่สุด ๆ
ไหน ๆ ก้อเล่าความประทับใจแระ อีกอย่างคือ ที่ญี่ปุ่นคนขับรถต้องเกรงใจคนเดินเท้าครับ
ผมไม่เคยต้องมองรถก่อนข้ามเลย รถต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายมองคน ถ้าเห็นคนรอข้าม รถเค้าก้อจะหยุดให้ไปก่อน
ผมไปพวกเมืองที่เจริญแล้ว ที่ไหน ๆ ก้อเป็นแบบนี้ อยากให้บ้านเราเป็นแบบนี้บ้างจัง
ถึงบ้านเราไม่มีใครทำ แต่ผมก้อจะทำ อย่างน้อยผมก้อเปนส่วนหนึ่งในสังคม เผื่อวันนึงมันจะได้เจริญ ๆ ขึ้นมาบ้าง
มาถึงเมืองโอซาก้า สิ่งสุดท้ายที่ต้องเห็นกับตาตัวเองก้อคือ ไอ้ป้ายไฟรูปกูลิโกะนี่แหละ ใครมาแมร่งก้อถ่าย
ถ้ากรูมาแล้วไม่ถ่าย เด๋วเค้าจะหาว่ามาไม่ถึง 55+ จัดไปรูปเดียวก่อนกลับ ไม่งั้นหลับไม่ลงคืนนี้
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะฮ๊าบ ไร้สาระไปบ้าง ไม่ต้องเครียดนะ เอาไรมากกะคนอย่างผม
โปรดติดตามตอนต่อไปกับ จากบ้านมาไกล สู่ดินแดนอาทิตอุทัย ตอนที่ 3 คานาซาว่า ชิรากาว่าโก๊ะ ทาคายาม่า
http://ppantip.com/topic/31281923