**ไม่กล้าถามในแฟนเพจ**เกี่ยวกับบิวตี้บล็อกเกอร์คนนึงค่ะ

จะว่าล่อเป้าก็ได้นะคะ แต่คนนี้เราติดตามอยู่ ชอบเธอนะ แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้เราก็เลยข้องใจนิดหน่อยว่าทำแบบนี้เหมาะสมแล้วหรอ
คือ เมื่อสักพักมาแล้ว เธอคนนี้ได้สินค้ามาทดลองจากทางแบรนด์ เป็นอายรีมูฟเวอร์ พอเข้าตาแล้วแสบต้องไปล้างตาที่โรงพยาบาล เรื่องค่าเสียหายเธอบอกว่า

ไม่ได้ซื้อค่ะ เขาส่งให้มาลองใช้ 2 ตัว ตัวแรก ครีมทาตัวที่เป็นเหมือน bb เราว่ามันไม่ดี เลยไม่รีวิว ส่วนไอ้ตัวนี้ เพิ่งหยิบมาลองดู แค่ทารอบดวงตา ตรงมาสคาร่าแบบที่เขาเคลม มาสคาร่า ?? มันอยู่ใกล้ตานิ ?? ถูกป่ะ ไหลเข้าตาโดยพลัน เอ่อ ถามหน่อย ถ้ามันเข้าตาอิชั้นแล้วเป็นขนาดนี้ คนอื่น ใช้แล้วจะเป็นไงคะ คือจะให้ สคบ ตรวจสอบสารนะคะ เผื่อเป็นอันตรายต่อคนอื่น อิชั้นไม่มาเสียเวลาร้องเรียกค่าเสียหายค่ะ ประกันจ่ายหมด เงินแค่นี้คุ้มไหม ถ้าตาบอด ?? แล้วอีกข้อนึง สมมติว่า คุณไปซื้อของมาใช้ ใช้แล้ว ป่วย หนัก เป็นพิษต่อร่างกาย คุณจะร้องเรียนป่ะ ?? หรือทำใจ ก็อิชั้นโง่ไปซื้อ ของเขามาใช้เอง ตลกอ่ะ แล้วจะมี สคบ เพื่อออ ???

ประกันจ่าย
แต่พอมาเมื่อวาน เธอโพสใส่ในไทม์ไลน์ของแฟนเพจเธอ เกี่ยวกับค่าเสียหาย แบบนี้
ตอน .. ตาเจ็บ เข้าโรงพยาบาล

เราพยายามไกล่เกลี่ยให้แบรนด์เขายังอยู่ได้
เราไม่ได้เรียกค่าเสียหายอะไร
แนะนำให้ทำเรื่องหนังสือขอโทษและชี้แจง
ซึ่งมันนานมาก ที่เราลืมเรื่องค่ารักษาพยาบาลไป
3,500 บาท ซึ่งมันไม่ได้มากมายอะไร
มานึกได้เมื่อคืน ก็เลยส่งเลขที่บัญชีไปให้

ปรากฎว่าเราต้อง ส่งเอกสารมากมายไปก่อน
ถึงจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้
จริงๆตัวเงินมันไม่เยอะหรอกค่ะ
แต่ความรับผิดชอบคุณไม่มีเลยต่างหาก


เราว่าเธอเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ใครจะกล้าเข้าไปตำหนิเธอได้ จะหน้าไมค์หลังไมค์หรือบนไทม์ไลน์ของตัวเองก็คงไม่พ้นโดนครอปมาประจาน ถ้าไม่คิดจะเอาค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่แรก (แถมประกันจ่ายด้วย) คุณก็ไม่ควรพลิกลิ้นแบบนี้ไม่ใช่หรอคะ แล้วเอกสารที่ต้องส่งก็เป็นขั้นตอนการทำงานนี่นา ตัวผลิตภัณฑ์มีปัญหาสมควรโดนกล่าวหาน่ะใช่อยู่ แต่คุณเองก็ไม่ใช่ว่าน่ายกย่องเลยกับเรื่องนี้ แลดูไม่จริงใจอย่างที่บอกว่าตัวเองเป็นค่ะ

ปล.เราขี้ขลาดค่ะ ตามเหตุผลที่ได้กล่าวไว้ ถ้าเราติดต่อโดยตรงเราว่าเฟซบุคเราอยู่ไม่สุขแน่ๆ (จากการที่ได้ติดตามคุณมาเราสัมผัสได้ว่าเรื่องน่าจะเป็นไปแบบไหน) เพราะงั้นถ้าคุณบังเอิญผ่านมาได้อ่านแล้วอยากจะชี้แจงในเพจของคุณหรือในนี้เราก็ยินดีค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 44
ก็ขอชี้แจงแล้วกันนะคะ
ครั้งเดียวจบ พูดตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม และ จะไม่ขอเข้ามาชี้แจงอะไรอีก

นานมาแล้วตั้งแต่กลางปีที่แบรนด์นี้ส่งของมาให้ดิฉัน
มี 2 อย่าง คือ บีบีทาตัว และ cleansing oil
เคยหยิบบีบี มาลอง หอมมากแต่ไม่ชอบเพราะมันติดเสื้อผ้า
เราก็ไม่ได้รีวิวให้ เพราะมันกลางๆ ไม่ได้ใช้ดีอะไร
เพราะดิฉันคิดว่า มันเป็นสิทธิ์ของเราใช่มั้ย ที่จะเลือกรีวิวแต่ของดีๆ ให้คนที่ติดตาม
ซึ่งเจ้าของแบรนด์อินบ็อคมาถามอยู่หลายครั้ง

เมื่อวันเกิดเหตุคืนวันที่ 20  ตุลาคม ดิฉันจะไปอาบน้ำ
เห็นวางอยู่ และยังไม่ได้ลอง ซึ่งคิดว่า ถ้าตัวนี้ใช้ดี ก็คงรีวิว ให้ เห็นเขาเคยถามมา
และคิดว่าอ่านฉลากอย่างถี่ถ้วน ว่าใช้รอบดวงตาได้ รวมไปถึงมาสคาร่า
ก็เลยเอามาเช็ดมาสคาร่าใต้ตาดู  ทั้งสองข้าง
ปรากฎว่ามันเข้าตา แสบมาก ตาพร่าเบลอและมองไม่ค่อยเห็น มีอาการแพ้แสง
จึงรีบไปปฐมพยาบาลตัวเองเบื้องต้นโดยการเอาน้ำกิน ล้างตาอยู่ 5-6 ขวด
อาการยังไม่ดีขึ้น แต่ดิฉันมีสติ จึงคว้า กุญแจรถตอนตี 1 ปลุกแม่ให้ขับรถให้
และรีบไปโรงพยาบาลกรุงเทพ เพื่อล้างตา โดยหยิบผลิตภัณฑ์ไปด้วย
ซึ่งคุณหมอก็ได้ บีบยาชา ใส่ในลูกตา ใช้น้ำเกลือ 2   ขวด ใหญ่ๆ ล้างตา ข้างละลิตร
แต่ดิฉันหน้ามึนคะ หยิบโทรศัพท์มาถ่ายภาพไว้ ว่า เกิดเหตุนี้ขึ้นจริง
ซึ่งทีมแพทย์เวร ได้นำขวดมาดูแล้วให้ความเห็นกันว่า
ทำไมถึงใช้กับดวงตาได้ ใส่สารอะไรมานะ แล้วบอกว่าใช้รอบดวงตา ล้างมาสคาร่า ได้
แต่พอเข้าตาแล้วทำตาเกือบบอด
คุณหมอบอกว่า ถ้าดิฉันไม่ปฐมพยาบาลตัวเองเบื้องต้น
ดิฉันอาจจะเสียดวงตาไปแล้ว อาจจะตาบอดชั่วคราว และเขียนเรื่องให้ดิฉันมาพบกับ
แพทย์จักษุอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น

พอดิฉันได้ยินดังนั้น เป็นใคร ใครก็ของขึ้นมั้งคะ คือ ฉลากมันไม่เคลียร์
รุ่งเช้าเลยลงในเพจ เพื่อให้ทราบกันว่าดิฉันเกือบตาบอด
และคิดว่า ถ้าเขาไม่ออกมารับผิดชอบ คงส่งไปให้ สคบ ตรวจสอบ
เพราะดิฉันก็โทรเข้าไปแล้ว  ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ให้นำผลิตภัณฑ์ เข้ามาคุย
พร้อมปรึกษาทนาย ที่เป็นแฟนเพจด้วยอีกทางนึง

เช้าวันนั้น เจ้าของแบรนด์อินบ็อคมา ว่าอยากรับผิดชอบให้ทำอย่างไร
ดิฉันก็เลยให้เบอร์ไป บอกค่อยโทรมาคุยสักช่วงบ่าย 3  เพราะจะเป็นช่วงที่ดิฉันพบหมอเสร็จพอดี

ดิฉันไปหาหมอ หมอบอกว่า กระจกตาอักเสบ แต่ได้รับการล้างตาแล้ว ดีที่ปฐมพยาบาลทัน
อีก  1 สัปดาห์ก็หาย
ให้หยอดตา กินยา และพัก

แต่ดิฉันต้องไปขอนแก่นค่ะคุณ ต้องทำงานไปคุมงานช่างที่ไซต์อีก
งานก็ต้องทำ อะไรก็ต้องไป และดิฉันมีอาการแพ้แสงอยู่ตลอดเวลา น้ำตาไหล แต่งหน้าไม่ได้
อันนี้เครียดมาก

พอ บ่าย 3 เจ้าของแบรนด์ก็โทรมาหาดิฉันถามว่าจะให้รับผิดชอบอย่างไร
เขาก็เป็นแบรนด์เล็กๆ พร้อมบอกว่า เขาก็เคยเอามาลองใช้รอบดวงตา
ปรากฎว่าแสบเหมือนกัน แต่ไม่ได้เข้าตาเยอะเหมือนดิฉัน
ทไดิฉันสตั๊นไป 5 วิ ( คิดในใจ แล้วยังเอามาขายหรอว่ะ )

เราไม่รู้ว่าจะเรียกค่าเสียหายแบบไหน เพราะยังไม่เคย มีเหตุการณ์นี้ เลยโทรไปหาแฟน
แฟนเลยบอกว่า หนูสงสารเขาไหม หรือหนูอยากได้เงิน

ซึ่งดิฉันคิดในใจ ว่าประกันก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลหมด เงินก็ไม่ได้อยากได้
เพราะไม่รู้จะเรียกเท่าไร แถมอิชั้นเป็นคนไปหยิบมันมาใช้เองอีก
แต่ดิฉันไม่อยากให้คนอื่นเป็นอันตรายเหมือนกัน

แฟนเลยบอกว่าให้เขาทำหนังสือขอโทษมา ทำทีว่าออกมารับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล
  2 ครั้ง 3500 บาท รอบล้างตา 3000 รอบ 2    ห้าร้อยกว่าบาท
ซึ่งบิลใบเสร็จ ก็ให้ประกันไปหมดแล้ว แต่ดิฉันขอใบรับรองแพทย์มา  1 ชุด

จากนั้นก็เลยโทรไปหาเขาแนะนำว่าให้ทำหนังสือ และรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลมาแล้วกัน
แบรนด์จะได้ไม่เสียหายมาก
ซึ่งเขาก็ยังพูดกับดิฉันว่า ถ้าดิฉันเรียกเขา  2  หมื่น เขาจะหาเงินจากไหนมาจ่าย
ซึ่งดิฉันก็แอบคิดในใจว่า แบรนด์เขาคงขายไม่ดีหรือเปล่า เงินหมุนเวียนคงน้อย
เลยยิ่งสงสารเขาไปอีก ก็เลยแนะนำเขาว่า ถ้าอยากขายได้ ก็เปลี่ยนฉลากซะ
อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

เวลาผ่านไป 1-2 วัน เขาก็ส่งจดหมายมา และดิฉันก็ลงให้ ซึ่งได้บอกเขาไปในไลน์
ว่าลงให้แล้วนะคะ โดยแบบไม่ได้คิดอะไร ซึ่งอาจเป็นความสะเพร่าของดิฉันเอง
ที่ไม่ได้อ่านแบบถี่ถ้วน ว่าเขาจะเอาเอกสารอะไรบ้าง
ซึ่งนึกว่าให้ถ่ายแค่รูปหรือแนบไฟล์ส่งเมลล์จะได้ไม่ยุ่งยาก และเขาก็ไม่ได้ติดต่อมาอีก

หลายสัปดาห์ผ่านไป เมื่อ สองสามวันก่อน ดิฉันเพิ่งมานึกได้ ว่ายังไม่ได้ส่งเลข บัญชีให้เขา
เลยส่งไป เขาก็ส่งกลับมาว่าต้องส่งไปรษณ๊ย์เอกสารไปให้ที่บริษัทเขา
เพราะเขาต้องทำเรื่องเบิกจ่าย

ฟิลล์ในหัวเลยเข้ามาอีก ทำไมเรื่องมันเยอะขนาดนี้ ซึ่งตอนแรกเราไม่คิดว่าเขาจะให้ส่งไปรษณีย์
และมันดูวุ่นวาย แล้วเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย มีแต่มาคอมเมนท์ อะไรกันในเพจอิชั้น
ขนาดที่เอาไลน์ขึ้นมาโพสท์อีก งง ค่ะ
แต่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว ดิฉันไม่ต้องการค่ะ

และดิฉันคิดว่าการที่ตาเกือบบอด ดิฉันเจ็บตาเป็นอาทิตย์ ยังจำความเจ็บปวดนี้ได้ดี

ขอชี้แจงแค่นี้

ขอบคุณค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 76
ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ชอบ ไม่ได้ตาม beauty blogger คนไหนเลย  แต่ beauty blogger เค้าก็เป็นแค่คนๆนึง มีถูกใจเราบ้าง ไม่ถูกใจเราบ้าง  ไปติดตามเค้าเพราะอยากได้เทคนิคเมคอัพจากเค้า แต่มานั่งนินทานิสัยส่วนตัวเค้า???  คือพื้นที่ส่วนตัวเค้าเค้าจะโพสต์อะไรก็เรื่องของเค้า ถ้าไม่ชอบก็เลิกตามดีกว่ามั้ย ไม่ใช่ยังตามอยู่ แต่เก็บนู่นนิดนี่หน่อย รอวันที่ใครซักคนมาตั้งกระทู้ตำหนิ (ด้วยเรื่องอะไรก็ได้ในโลกนี้) แล้วรีบมาคอมเมนต์ด่า ไม่ชอบมานานแล้ว หน้าตาน่ากลัว ฯลฯ  เพราะรู้ว่ากระทู้แบบนี้จะต้องไม่มีใครด่ากลับ มีแต่คนที่แอบมุมมืดรอด่าเหมือนกัน มาสมทบ มากดถูกใจ

เห็นพฤติกรรมนี้ในห้องแป้งมานานแล้ว  และเป็นตัวอย่างนิสัยอันน่ารังเกียจของผู้หญิงกลุ่มนึงที่ชัดเจนมาก
ความคิดเห็นที่ 12
เริ่มเยอะ -..-

ส่วนตัวไม่ค่อยชอบค่ะ
แต่งตัวแนวเดิม แต่หน้าแนวเดิม ถ่ายรูปมุมเดิมตลอด

เมื่อก่อนเคยติดตาม แล้วกดเลิกติดตามไป เพราะส่วนใหญ่จะเห็นแต่อะไรเดิมๆ -..-
ความคิดเห็นที่ 53
อืม   ถ้าบอกว่าเข้าตานี่ คือว่าคุ้นๆนะคะ  
เราเห็นกระทู้เมื่อไม่นานมานี้มีคนมาถามเรื่องลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ เข้าตาแล้วตาอักเสบ ลูกค้าจะเอาเรื่องจะฟ้อง ทำยังไง ท้อแล้ว
เห็นว้าผลิตภัณฑ์กำลังจะวางขายที่ห้างด้วย   น่าจะใช่เคสเดียวกันไหมคะ

เรื่องเอกสารที่ต้องส่ง อาจจะไม่เข้าใจตรงกันว่าให้ส่งอย่างไร  เลยทำให้เกิดปัญหา
คุณป่านก็ใจเย็นๆสักนิด เรื่องค่าเสียหายถ้าจ่ายจริงๆมันต้องมีหลักฐาน เพื่อเอามาหักเป็นค่าใช้จ่าย มันมีผลกับการทำบัญชี
เอาเงินไปจ่ายอะไรเท่าไร  เผื่อเจอสรรพากรมาตรวจมาถามจะได้เอาให้เค้าดูได้ ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์เลยต้องขอแบบน่าเชื่อถือนิดถึง

เรื่องอื่นๆเราเฉยๆ่อ่ะนะ  ไม่ชอบก็ไปตามเค้าทำไมล่ะคะ  ไปตามเค้าแล้วเอามาว่าซะงั้น  >>>  เรายังไม่ตามเลย  ไม่ตามใครสักคน
เรื่องแต่งหน้า แต่งตัว ถ่ายรูป  มันก็เรื่องของเค้าไหมอ่ะคะ   คนเรามีสไตล์ของตัวเอง ทำไมต้องไปว่าเค้าด้วย
สาวๆหลายคนบ้าแฟชั่น อะไรมาก็แต่งตามหมด ไม่ได้ดูเลยว่ามันเหมาะกับตัวเองหรือเปล่า  
พอเห็นคนอื่นที่เค้าแต่งแบบสไตล์ของตัวเองก็ไปค่อนขอดเค้าว่าน่าเบื่อ   
แล้วเรื่องลักษณะปาก ตา หรือคิ้ว หรือพูดแบบแนะนำก็โอเค แต่มาบอกปากไม่สวย ปากย่น  เราว่ามันเกินไปไหมคะ
เค้าต้องไปศัลยกรรมปากเต่งตึงมาให้พวกคุณดูไหมคะ ถึงจะพอใจ ปากธรรมชาติเค้าเป็นแบบนั้น ทำไมต้องไปว่าเค้าด้วยอ่ะ
หลายๆคนในกระทู้นี้ก็ร้าย จิกกัดไม่แพ้คุณป่านเลยนะคะ อ่านๆแล้วเห็นนิสัยได้ดีเลยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องค่าเสียหาย แม้ประกันจะจ่ายไปแล้ว  เค้าจะเรียกก็ได้ เราว่าเรื่องปกติ
แม้เค้าจะเคยออกปากว่าไม่เอาค่าเสียหายก็ตาม  แต่หากเค้าแพ้เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้จริง  มันก็เป็นสิทธิ์ที่เค้าควรได้รับนะคะ  

แต่เรื่องต้องส่งเอกสารมากมายไปให้เจ้าของผลิตภัณฑ์ก่อน คือมันก็ต้องส่งอ่ะค่ะ
อยู่ๆจะมาพูดปากเปล่าว่าฉันแพ้ๆ ไม่มีหลักฐานใดๆ ใครเค้าจะจ่ายให้คุณล่ะคะ
จะเอาค่าเสียหาย ก็ต้องส่งหลักฐานว่าคุณแพ้จริง มีเอกสารยืนยันให้ไปเจ้าของผลิตภัณฑ์
ไม่ใช่ว่าไม่ส่งเพราะขี้เกียจ ยุ่งยากเสียเวลา พอเค้าไม่จ่ายก็มาเขียนด่าดราม่าใส่    
ทุกอย่างมันต้องมีขั้นตอนกระบวนการ  จะมาเอาตามใจฉันอย่างเดียวมันก็ไม่ถูก
ความคิดเห็นที่ 66
เราไม่ได้อะไรกับเขาหรือใครนะ
แต่เราไม่ชอบพฤติกรรมแบบนี้เลย
พอมีใครจุดประเด็นอะไรมาสักคน  คนต่อไปจะขุดมาสาวไส้ทุกเรื่อง แม่แต่เรื่องแฟนเก่า เรื่องโน่น เรื่องนี่สารพัด ถ้าจะไม่พอใจเรื่องเคลมค่ารักษาก็คุยกันประเด็นนี้ดีกว่า
พฤติกรรมนี้เหมือนเวลาประชุมในที่ทำงานเลย พออยู่ในที่ประชุม ไม่พูด พอออกมาข้างนอก มีใครสักคนจุดประเด็นเรื่องในแง่ลบขึ้นมา

พูดกันมากกว่าเข้าที่ประชุม ชั้นรู้สึกได้  มันต้องเป็นอย่างนี้ ใช่แล้ว ต้องอย่างนั้น อย่างนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่