ในวันพุธ (13) สาธารณรัฐมอลตาที่อยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ผ่านกฎหมายอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อพาสปอร์ตมอลตาในจำนวนเงินราว 650,000 ยูโร (ราว 27.5 ล้านบาท) และจะทำให้ชาวต่างชาติผู้นั้นสามารถถือหนังสือเดินทางของอียูและมีสิทธิ์ที่จะอาศัยและทำงานภายในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 28 ประเทศ
มอลตาซึ่งเป็นประเทศเกาะเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงแค่ 452,000 คน แห่งนี้เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและร่วมอยู่ในข้อตกลง “เชงเกนวีซ่า” รวมถึงยังสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า
โดยทางนายกรัฐมนตรีของมอลตา โจเซฟ มุสแคต กล่าวว่า แผนการนี้มีขึ้นเพื่อจะดึงดูด “เศรษฐีกระเป๋าหนัก” จากทั่วทุกมุมโลกที่มีเงินมากพอที่จะสามารถลงทุนในมอลตาได้ โดยคาดว่าเศรษฐีกระเป๋าหนักที่น่าสนใจจำนวน 45 คนจากทั่วโลก จะสนใจซื้อหนังสือเดินทางมอลตา และจะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้ถึง 30 ล้านยูโร (ราว 1,270 ล้านบาท)
โดยทางรัฐบาลมอลตามอบหมายให้บริษัท เฮนลีย์ และพาร์ทเนอร์ เป็นตัวแทนจัดการด้านเอกสาร และทางบริษัทคาดว่าจะสามารถหาลูกค้ากระเป๋าตุงได้จำนวน 300 คนต่อปี นอกจากนี้ลูกค้าที่ได้ซื้อพาสปอร์ตมอลตาไปแล้วจะยังสามารถซื้อสัญชาติมอลตาให้กับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาได้ทันทีด้วยตัวเลขแค่ 25,000 ยูโรต่อคน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านของมอลตาได้วิพากษ์นโยบายขายหนังสือเดินทางเพื่อหาเงินเข้าประเทศว่า ทางพรรคจะเริ่มต้นดำเนินการยกเลิกกฎหมายการลงทุนนี้ และจะทำการยกเลิกหนังสือเดินทางประเภทนี้ต่อไปในอนาคต และยังตั้งคำถามถึงกระบวนการขายหนังสือเดินทางว่า ไม่น่าจะมีความโปร่งใส เนื่องจากจะไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ซื้อสัญชาติเหล่านี้ แต่ทว่าทางด้านโฆษกสหภาพยุโรป มิเชล เซอร์โคน กล่าวว่า ประเทศมอลตาและประเทศสมาชิกอื่นๆ ในอียูมีเสรีภาพในการออกหนังสือเดินทางของตนเอง หรือจะออกหนังสือเดินทางให้กับบุคคลใดก็ได้
ไม่เพียงแต่มอลตาเท่านั้นที่มีการผ่อนปรนด้านการขอสัญชาติและการพำนักอาศัย ก่อนหน้านี้ ไซปรัสได้ประกาศให้สิทธิพิเศษการขอสัญชาติสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติที่ขาดทุนอย่างน้อย 3.2 ล้านดอลลาร์ ในวิกฤตแทรกแซงการเงินยุโรป โดยมาตรการนี้มีขึ้นเพื่อสกัดการไหลออกของนักลงทุนต่างชาติจากไซปรัส
และในอังกฤษ ชาวต่างชาติที่ไม่ได้มาจากชาติสมาชิกอียูก็สามารถขอสิทธิ์การพำนักได้โดยมีเงินลงทุนอย่างน้อย 1.6 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่สเปน รัฐบาลแดนกระทิงดุมีแผนที่จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติมีสิทธิ์พำนักได้หากพวกเขาซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าอย่างน้อย 215,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นการเติบโตภาคอสังหาริมทรัพย์ในสเปน
ที่มา
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000142034
“มอลตา” หาเงินเข้าประเทศ - ประกาศขาย “พาสปอร์ตอียู” แค่ 650,000 ยูโร
มอลตาซึ่งเป็นประเทศเกาะเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงแค่ 452,000 คน แห่งนี้เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและร่วมอยู่ในข้อตกลง “เชงเกนวีซ่า” รวมถึงยังสามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า
โดยทางนายกรัฐมนตรีของมอลตา โจเซฟ มุสแคต กล่าวว่า แผนการนี้มีขึ้นเพื่อจะดึงดูด “เศรษฐีกระเป๋าหนัก” จากทั่วทุกมุมโลกที่มีเงินมากพอที่จะสามารถลงทุนในมอลตาได้ โดยคาดว่าเศรษฐีกระเป๋าหนักที่น่าสนใจจำนวน 45 คนจากทั่วโลก จะสนใจซื้อหนังสือเดินทางมอลตา และจะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้ถึง 30 ล้านยูโร (ราว 1,270 ล้านบาท)
โดยทางรัฐบาลมอลตามอบหมายให้บริษัท เฮนลีย์ และพาร์ทเนอร์ เป็นตัวแทนจัดการด้านเอกสาร และทางบริษัทคาดว่าจะสามารถหาลูกค้ากระเป๋าตุงได้จำนวน 300 คนต่อปี นอกจากนี้ลูกค้าที่ได้ซื้อพาสปอร์ตมอลตาไปแล้วจะยังสามารถซื้อสัญชาติมอลตาให้กับสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาได้ทันทีด้วยตัวเลขแค่ 25,000 ยูโรต่อคน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านของมอลตาได้วิพากษ์นโยบายขายหนังสือเดินทางเพื่อหาเงินเข้าประเทศว่า ทางพรรคจะเริ่มต้นดำเนินการยกเลิกกฎหมายการลงทุนนี้ และจะทำการยกเลิกหนังสือเดินทางประเภทนี้ต่อไปในอนาคต และยังตั้งคำถามถึงกระบวนการขายหนังสือเดินทางว่า ไม่น่าจะมีความโปร่งใส เนื่องจากจะไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ซื้อสัญชาติเหล่านี้ แต่ทว่าทางด้านโฆษกสหภาพยุโรป มิเชล เซอร์โคน กล่าวว่า ประเทศมอลตาและประเทศสมาชิกอื่นๆ ในอียูมีเสรีภาพในการออกหนังสือเดินทางของตนเอง หรือจะออกหนังสือเดินทางให้กับบุคคลใดก็ได้
ไม่เพียงแต่มอลตาเท่านั้นที่มีการผ่อนปรนด้านการขอสัญชาติและการพำนักอาศัย ก่อนหน้านี้ ไซปรัสได้ประกาศให้สิทธิพิเศษการขอสัญชาติสำหรับนักลงทุนชาวต่างชาติที่ขาดทุนอย่างน้อย 3.2 ล้านดอลลาร์ ในวิกฤตแทรกแซงการเงินยุโรป โดยมาตรการนี้มีขึ้นเพื่อสกัดการไหลออกของนักลงทุนต่างชาติจากไซปรัส
และในอังกฤษ ชาวต่างชาติที่ไม่ได้มาจากชาติสมาชิกอียูก็สามารถขอสิทธิ์การพำนักได้โดยมีเงินลงทุนอย่างน้อย 1.6 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่สเปน รัฐบาลแดนกระทิงดุมีแผนที่จะอนุญาตให้ชาวต่างชาติมีสิทธิ์พำนักได้หากพวกเขาซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าอย่างน้อย 215,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นการเติบโตภาคอสังหาริมทรัพย์ในสเปน
ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000142034