ตำนานของผมไม่มีใครลบได้

กระทู้สนทนา


ผู้ชายคนนี้ คืออดีตนักฟุตบอลที่หลายๆ คนยกย่องให้เป็นสุดยอดกองหน้าหลายเลข 1 ของโลกในวงการลูกหนังสมัยใหม่ (น่าจะเก่งกว่า เปเล่ ด้วยซ้ำ) แถมยังเป็นเจ้าของสถิติทำประตูในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย มากสุดตลอดกาลที่จำนวน 15 ตุงด้วย

ใช่ครับ เขาคนนี้คือ โรนัลโด้ ตำนานยอดดาวยิงแห่งบราซิล ผู้ซึ่งสมัยเป็นนักเตะนั้นฝีเท้าเก่งกาจราวกับเป็นปรากฏการณ์ของวงการฟุตบอลเลยทีเดียว ดังที่เจ้าตัวได้รับฉายาสุดเก๋ว่า "เอล ฟีโนมีโน่"
  
        จากวันแรกที่ได้การเป็นนักฟุตบอลอาชีพจนถึงทุกวันนี้ก็ร่วมๆ 20 ปีแล้ว ที่ โรนัลโด้ เป็นที่รู้จักกันดีในวงการลูกหนัง และถึงแม้เจ้าตัวแขวนเกือกไปตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แต่ความยอดเยี่ยมและความเป็นตำนานของเขายังไม่มีใครลืม ไม่ว่าจะเป็นการเล่นให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน รวมถึงกับทีมชาติบราซิลที่เจ้าตัวคว้าแชมป์โลกได้ถึง 2 ครั้ง
  
        ล่าสุด FIFA.com มีโอกาสได้คุยกับตำนานร่างอวบวัย 37 กะรัตผู้นี้ ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตของเขา รวมถึงศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ที่กำลังจะระเบิดขึ้นบนแผ่นดินเกิดในช่วงกลางปีหน้า


Q : โรนัลโด้, ถึงปีนี้ก็ครบ 20 ปีแล้ว ที่คุณได้ลงเล่นนัดแรกในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ คุณยังจำวันนั้นได้มั๊ย?
R9 : มันยาวนานมาแล้ว! แต่ผมก็ยังจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ราวกับเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง ผมจำได้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ผมจำความรู้สึกได้ตอนที่ผมก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพที่ ครูไซโร่ ผมฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลเสมอ และมันก็ให้ความรู้สึกที่ตื่นเต้นมากๆ ตอนที่ผมรู้ว่า มันเกิดขึ้นจริงแล้ว มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก ขา, แขน, มือของผมสั่นไปหมดในวันนั้น แต่เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น อาการตื่นเต้นของผมก็ค่อยๆ ลดลง

Q : คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ตอนที่โค้ชบอกว่า คุณมีชื่ออยู่ในทีม?
R9 : ผมรู้สึกประหม่า และหัวใจเต้นแรงมาก แต่ในเวลาเดียวกัน ผมก็รู้สึกว่า มันเป็นเรื่องที่ดี เพราะการได้ลงเล่นมันเป็นสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด หลังจากนั้นผมก็สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่มักจะรู้สึกประหม่าก่อนเกมอยู่แล้ว แต่สุดท้ายมันก็ผ่านพ้นไป คุณจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างทันทีเมื่ออยู่ในเกม

Q : วันนั้นคุณบอกใครเป็นคนแรก?
R9 : ในยุคสมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ ผมจำได้ว่า เพื่อนๆ ของผมส่วนใหญ่ที่ เบนโต ริเบโร่ (อยู่แถวๆ ชานเมืองของนคร ริโอ เด จาเนโร) ไม่มีโทรศัพท์บ้านด้วยซ้ำ ผมจำได้ว่า ผมได้บอกกับครอบครัวของผม จากนั้นก็ไปบอกกับเพื่อนอีกสองคน ทุกๆ คนต่างรู้สึกตื่นเต้น เกมในวันนั้นไม่มีการถ่ายทอดสดทางทีวี พ่อของผมก็เลยต้องเดินทางออกไปยังอีกส่วนหนึ่งของเมือง ขึ้นไปบนภูเขา คือตอนนั้นพ่อของผมมีวิทยุคลื่นความถี่สูง และเขาก็หมุนคลื่นไปยังสถานีที่มาจาก เบโล โฮริซอนเต้ ซึ่งอยู่ห่างจาก ริโอ เด จาเนโร ราว 450 กิโลเมตร เพื่อฟังบรรยายเกมแบบสดๆ ตอนนั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก

Q : ตอนนี้ชีวิตของคุณเปลี่ยนไปมาก คุณจำได้มั๊ยว่า เงินค่าเหนื่อยก้อนแรกที่ได้ คุณนำไปใช้อะไร?
R9 : ผมจำได้ว่า ผมเอาเงินทั้งหมดที่ได้ไปให้คุณแม่ เพราะย้อนกลับไปวันนั้นในบ้านที่ เบนโต ริเบโร่ พ่อแม่, พี่น้องของผมมีเตียงนอนหมด แต่ผมต้องนอนบนโซฟา และแม่ของผมก็ซื้อโซฟาที่สามารถแปลงเป็นที่นอนได้ ซึ่งถือเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยมมาก และผมก็จะได้มีที่นอนที่ดีกว่าเดิมเสียที

Q : สมัยนั้นคุณเคยทำอะไรแผลงๆ บ้างหรือเปล่า?
R9 : ไม่มีเลย ซึ่งก็ต้องขอบคุณระเบียบวินัยที่ผมมี ทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนั้นเป็นไปตามที่ผมต้องการหมด มันดีกว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า ผมจะไปได้ไกลแบบนี้ ผมฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลมาตลอด ซึ่งชีวิตนักกีฬาของผมถือว่าสมบูรณ์แบบทีเดียว

Q : สมบูรณ์แบบ แต่มันไม่ใช่เรี่องง่ายเลยนะ เพราะคุณต้องย้ายไปเล่นที่ ฮอลแลนด์ ตั้งแต่อายุยังน้อยมากๆ ตอนนั้นคุณมีประสบการณ์อย่างไรบ้างกับการอยู่ไกลจากบ้าน และมันยากลำบากเพียงใดกับการที่จะต้องติดต่อกับทางครอบครัว?
R9 : มันยากทีเดียว ตอนนั้นผมเพิ่งอายุ 17 ปีเท่านั้น ที่ ฮอลแลนด์ แตกต่างกับ บราซิล มาก พูดง่ายๆ อุณหภูมิเปลี่ยนจาก 30 องศา เป็น 0 องศา เลยทีเดียว ผมเจอปัญหาหนักมากเพราะมันหนาว มันเย็นเยือกหมดเลยทั้งเท้า, ขา, มือ, คอ และ หู ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมจะอาศัยอยู่ที่เมืองเย็นๆ แบบนี้ได้ เรื่องอาหารก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา ผมพูดภาษาดัตช์ไม่เป็น มันก็เลยเป็นปัญหายามสั่งอาหารจากเมนู การเรียนภาษามันเป็นอะไรที่ยากมาก ซึ่งมันต้องใช้เวลานานถึงสองปีเลยทีเดียว และตอนนี้ผมก็แทบจะลืมหมดแล้ว ผมไม่ได้พูดภาษาดัตช์นานมาก แต่ผมก็สนุกกับเกมในสนาม ซึ่งโดยรวมแล้วมันก็คุ้มค่ากับการทุ่มเททีเดียว

Q : ผู้เล่นกองหน้าคนไหนที่คุณยกย่องในยุคนั้น?
R9 : จริงๆ แล้ว ซิโก้ คือไอดอลของผม แต่ถ้าในฐานะกองหน้าล่ะก็ ยุคนั้นต้องเป็น (มาร์โก) แวน บาสเท่น เขาคือหนึ่งในบรรดาสุดยอดศูนย์หน้าอย่างแท้จริง

Q : เหตุการณ์ใดที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น? ขอแค่เหตุการณ์เดียวนะ...
R9 : มันยากนะ หากจะเลือกแค่เหตุการณ์เดียว ผมคงต้องบอกว่า ทุกๆ การตัดสินใจที่ผมทำลงไป ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหมด และเป็นการตัดสินใจที่ถูกที่ถูกเวลาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกย้ายไป ครูไซโร่, พีเอสวี, บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ และสโมสรอื่นๆ ที่ผมเคยเล่น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ

Q : ทีมไหนที่คุณอยากเล่นให้เป็นพิเศษ?
R9 :  ไม่มีทีมไหนเป็นพิเศษนะ ใจจริงผมอยากจะลองไปค้าแข้งที่ อังกฤษ บ้าง แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น

Q : คุณเคยเป็นสตาร์ที่ บาร์เซโลน่า แต่คุณก็เคยเล่นให้ เรอัล มาดริด เช่นกัน นอกจากนี้คุณยังเคยเล่นให้กับทั้ง อินเตอร์ และ เอซี มิลาน ด้วย เพราะฉะนั้นจึงมีแฟนบอลหลายล้านคนที่รักคุณ แต่ก็มีหลายคนเช่นกันที่ไม่เป็นอย่างนั้น...
R9 :  ก็อย่างที่นักเขียนชาวบราซิเลียน (เนลสัน โรดริเกซ) เคยพูดเอาไว้ว่า หากทุกคนเห็นพ้องแบบเดียวกันหมด มันคงเป็นอะไรที่โง่มาก เพราะฉะนั้นผมไม่เป็นกังวลหรอก หากจะทำให้ใครบางคนไม่พอใจ ตราบใดที่ผมทำให้คนส่วนใหญ่แฮปปี้ (หัวเราะ)

Q : หลังจากปีแรกที่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ คุณก็คว้าแชมป์ เวิลด์ คัพ ได้ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยที่ไม่ต้องย่างเท้าแตะพื้นสนามเลยแม้แต่วินาที ตอนนั้นคุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับนักเตะอย่าง โรมาริโอ, ดุงก้า และ เบเบโต้?
R9 : การได้ใช้เวลาร่วมกับ โรมาริโอ, เบเบโต้, ดุงก้า, ไร, เลโอนาร์โด้ เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก พวกเขาเป็นนักเตะที่ผมเคยดูทางทีวี และรู้สึกยกย่องพวกเขา ผมจำได้เป็นอย่างดีตอนซ้อม ซึ่งผมได้เรียนรู้วิธีการเคลื่อนไหวของ โรมาริโอ และ เบเบโต้ มันเป็นการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่มาก

Q : ศึก เวิลด์ คัพ 2014 ที่ บราซิล ใกล้เข้ามาแล้ว คุณมองทีมชาติของคุณอย่างไรบ้าง? คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ มันไม่เหมือนกับ เวิลด์ คัพ นะ...
R9 :  ใช่ มันไม่เหมือนกัน แต่ทีมเราก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยมแล้วในศึก คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ที่ผ่านมา บราซิล พัฒนาขึ้นมาก ซึ่งมันทำให้ชาวบราซิเลียนทุกคนแอบหวังได้ว่า เราอาจจะเป็นแชมป์โลกได้ที่บ้านของพวกเราเอง ผมคิดว่า เรามีโอกาสดีทีเดียว

Q : ทีมไหนที่เป็นเต็งแชมป์ เวิลด์ คัพ หนนี้?
R9 :  สเปน และ เยอรมนี ต่างเป็นทีมที่ได้ลุ้น แต่ บราซิล ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งเพียงใด และเราจะได้เล่นที่บ้านตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นผมจึงต้องบอกว่า ทีมเต็งแชมป์ก็มี บราซิล, เยอรมนี และ สเปน นี่แหละ

Q : คุณรู้หรือเปล่าว่า ตอนนี้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ เหลืออีกแค่ประตูเดียวเท่านั้น ก็จะทาบสถิติทำประตูมากสุดในศึก เวิลด์ คัพ ของคุณแล้ว?
R9 :  รู้สิ หลายๆ คนก็พูดกัน ซึ่งผมก็เชื่อว่า สถิติมันมีไว้ทำลายอยู่แล้ว ผมไม่กังวลหรอกในเรื่องนี้ เพราะสักวันมันก็ต้องมีคนมาทำลายมันอยู่แล้ว ผมสร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยการทำประตู ซึ่งผมไม่มีทางลืมมันหรอก ประวัติศาสตร์ส่วนตัวของผม และทั้ง 15 ประตูในศึก เวิลด์ คัพ ที่ผมทำได้มันจะไม่ถูกลบออกไปจากความทรงจำแน่นอน ถ้าเขาทำประตูแซงหน้าผมได้ ผมก็จะแสดงความยินดีกับเขา ผมยกย่องเขาอยู่แล้ว แต่เขาจะไม่มีทางขโมยประตูของผมและประวัติศาสตร์ของผมได้หรอก

Q : ถ้าเขาทำได้ มันก็จะถือเป็นการแก้แค้นของชาวเยอรมัน หลังจากที่คุณเคยทำลายสถิติของ แกร์ด มุลเลอร์ ได้ที่ เยอรมนี...
R9 : บางทีสถิติตรงนี้อาจจะกลับไปอยู่ที่ เยอรมนี อีกก็ได้ แต่เรื่องนี้มันเป็นสถิติที่สร้างความภาคภูมิใจส่วนบุคคล ไม่ได้นำมาซึ่งชัยชนะของทีม แน่นอนว่า สิ่งนี้มันสามารถช่วยทีมได้ แต่การได้แชมป์กันเป็นทีมถือเป็นสิ่งที่สำคัญกว่านะ

Q : คำถามสุดท้ายแล้วนะ จากประสบการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา อะไรคือสิ่งที่คุณจะแนะนำให้กับ โรนัลโด้ เมื่อปี 1993?
R9 : ผมก็จะบอกกับเขาว่า ต้องรู้จักอดทน, ต้องมีความทะเยอทะยาน และมีระเบียบวินัย ซึ่งสำหรับผมแล้ว ผมแทบไม่เปลี่ยนเลยตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมปฏิบัติทุกอย่างในทิศทางเดิมเสมอ


เครติต โดยhttp://www.siamsport.co.th/Column/131025_124.html
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่