สวัสดีครับชาวรัชดา วันนี้ก็มีรีวิวสั้นๆ มาให้อ่านกันเล่นๆ กับรถคันใหม่ของผมที่เพิ่งจะรับมาได้สัปดาห์เดียว เจ้ารถคันใหม่ที่ว่านี้ก็คือ "เจ้าส้มเช้ง" ซึ่งก็ตามเดิม รีวิวของผมจากผู้ใช้งานจริงๆ ก็คงจะว่ากันไปตามความรู้สึกส่วนตัวของผมด้วย ถ้าอ่านแล้วไม่ถูกใจอย่างไร ผมก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ
จากที่ขับกระบะสี่ตูยกสูงอยู่พักหนึ่งสลับกับเก๋งฮุนไดติดแก๊ส ก็รู้สึกเริ่มอยากได้ ECO Car ขึ้นมาสักคัน เอาไว้ขับไปทำงาน ซึ่งก็เคยดูทั้ง นิสสันมาร์ช อัลเมร่า มิตซู มิราจ แอทราจ ก็ยังไม่โดนใจในส่วนของรูปร่างของตัวรถ มันยังไม่ใช่ ส่วนฮอนด้าบริโอ้ อันนั้นไม่ผ่านตั้งแต่แว๊บแรกที่มองเห็นรูปลักษณ์ภายนอก ส่วนโตโยต้ายาริสที่ใครหลายๆคนรอคอย แต่ผมถ้าเป็นโตโยต้าแล้วขอบายโดยไม่ต้องคิด สุดท้ายก็เลยไปดู Suzuki Swift ที่ศูนย์แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เห็นราคาแล้ว เห็นสเปคแล้ว รู้สึกได้ทันทีว่า มันแพงกว่ามิตซูนะ ในราคาพอๆกัน ถ้าซื้อมิตซูได้ทั้งเกียร์ออโต้ ได้ทั้ง ABS ไหนจะถุงลมคู่หน้าอีก แต่สิ่งที่เป็นจุดตัดสินใจคือ รูปลักษณ์ หน้าตาภายนอก คือถ้าไม่ชอบ ไม่หลง ไม่รัก คงไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน ต่อให้เธอนั้นงามจากภายในก็ตาม ฮ่าๆๆๆ ก็เลยเอาก็เอา First Impression มันบอกเลยว่า ชอบแล้ว รักแล้ว แพงก็เอา รถคันแรกไม่ได้ลด ก็จะเอา ประกันไม่แถมก็จะเอา แต่ประเด็นที่ต้องตัดสินใจคือ จะเอาเกียร์ออโต้ หรือธรรมดา สีแดงหรือสีน้ำเงินดี
ก็เลยขอเซลล์ทดลองขับสักหน่อย ก็ได้ลองตัว GLX พอขึ้นถนนใหญ่ได้ จอดรอรถว่างสักหน่อย จากนั้นก็ใส่ D แล้วกระทืบมิด รอบขึ้นไปค้างที่ 6000 RPM แล้วความเร็วก็ค่อยๆไหลขึ้นทีละนิดๆ สรุปได้เลยตอนนั้นว่า เฮ้ย ไมมันอืดอย่างงี้ ไม่ได้อารมสปอร์ต ฉุดกระชากลากถูกหลังติดเบาะเลย ขอเอาเกียร์ธรรมดาละกัน รถติดในเมืองไม่เป็นอุปสรรค กลับไปนอนคิดอยู่ 2 วัน แดงหรือน้ำเงิน แดงหรือน้ำเงิน
สุดท้าย ได้สีส้มมาเฉย ฮ้าาๆๆๆๆ
ออกจากศูนย์มาด้วยอันที่ว่าเป็นล้อกะทะหน้าแคบๆ ใส่ฝาครอบลายเห่ยๆ มาให้ มันขับแล้วรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก ขอแวะไปร้านยางก่อนกลับบ้านแล้วกัน จัดขอบ 17 ลายที่มันแหล่มๆ หน่อย ก็เลยได้ชุดนี้มา จบที่ราคา 24000 หักเทิร์นล้อเดิมแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าจะหลุด Concept Eco Car ไปหน่อยนะ แล้ว????? แบบนี้จะประหยัดเหรอ จะวิ่งออกเหรอ ณ ตอนนั้น ตอบได้ว่า ไม่รู้ จะเปลืองก็ยอม จะอืดก็ไหว ปลอบใจตัวเองไว้ก่อนๆ ก็เลยได้ลายนี้มา แต่ว่าล้างยากชะมัด
หน้าตารถภายนอก อาจจะคุ้นเคยกันดี แต่คิดว่าหลายๆคน อาจจะยังไม่เคยเห็นภายในกันเท่าไหร่ ก็ขอลงรูปที่เป็นภายในแล้วกันเนาะ วัสดุที่ใช้กับคอนโซลภายใน ผมว่ามันดูดีนะ ทั้งการขึ้นรูป การประกอบ เนื้องานออกมาเนียน ดูสมกับราคาที่แพงกว่าคู่แข่ง
แผงประตูด้านข้างก็เส้นสายรับกับคอนโซลหน้าได้ดี
วิทยุก็ยังเป็นแบบเดียวที่ใส่ใน GLX แต่แอร์เปลี่ยนจากออโต้ เป็นแบบหมุนธรรมดา
ส่วนเรือนไมล์หน้าปัทม์สวยดี แต่ว่าทำไมต้องเอาเลขหมุนไปตามโค้งด้วย มันต้องได้เอียงคอตามนะ เวลาจะดู 555+
นี่ถ้าเป็นหน้าปัทม์แบบเรืองแสงเหมือนๆกับ Isuzu D-Max คงจะสวยกว่านี้ แต่ก็นะ นี่มัน ECO Car ราคา 4 แสนกว่าๆ ได้แค่นี้ก็ใช้ไปเถอะ
ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เล็กไปหน่อย แต่ก็นะ รถท้ายตัดแบบนี้จะให้กว้างก็คงทำยาก แต่เนื่องจากเรื่องของการออกแบบกันชนให้สูง ทำให้ประตูท้ายบานเล็กลงไปและเวลาเอาของใส่ ก็ลำบากนิดหน่อย กระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว ก็ใส่ได้ แต่ตอนที่ใส่ลงไป อาจจะต้องพลิกมุมนิดนึง ถ้าจะเอาใส่แบบตรงๆ ไม่ต้องคิดไร มันทำไม่ได้
เบาะนั่งตอนหน้า นั่งสบายดีครับ รูปทรงเบาะก็แนวๆสปอร์ตหน่อย ขับได้นานๆ ไม่เมื่อย พื้นที่วางขาก็สบายๆ ปรับได้เต็มที่ แต่เพื่อนผมตัวสูง 185 ได้มั่ง นั่งแล้วดูเหมือนพนักพิงจะสั้นไปหน่อย แนะให้ไปขี่ BB แทน
ส่วนเบาะหลัง ออกแนวพนักพิงชันไปหน่อย แต่พื้นที่วางขามีพื้นที่ให้ขยับได้พอสมควร ถ้าเทียบกับฟอร์ดเฟียสต้าของเพื่อนผมที่เคยนั่งแล้ว ผมว่าเจ้าส้มเช้งยังมีพื้นที่ขาให้เยอะกว่า ขยับได้เยอะกว่า โดยที่ปรับเบาะด้านหน้าให้นั่งสบายๆ เหมือนกัน แต่ทั้งนี้แล้ว ถ้านั่งไกลๆ ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ครับ
คราวนี้มาถึงเรื่องของการขับขี่ หลากหลายคำถามตามมามากมาย จากคนที่รู้ว่าผมซื้อ Eco Car เครื่อง 1.25 คือ วิ่งทางไกลไหวเหรอ ขึ้นดอยได้ป่าว ขับเชียงใหม่ไปนครศรีจะถึงไหม บอกได้คำเดียว ไปได้หมดที่มีถนนหนะ ก็เลยซิ่งขึ้นดอยอินทนนท์ ลองดูซิ จะไหวไหม ถามว่าอัตราเร่งขึ้นดอยเป็นไง ในความรู้สึกผมแล้ว ขึ้นได้สบายๆ เลย ขับขึ้นทางชันๆได้จนถึงยอดดอยโดยที่ไม่ต้องใช้เกียร์ 1 ช่วยเลย ช่วงที่ชันๆ ก่อนถึงพระมหาธาตุ ก็ใช้แค่เกียร์ 2 ขับเลี้ยงรอบไว้ไม่เกิน 3000 RPM ไปได้เรื่อยๆ แรงก็ไม่ตก มั่นใจได้เลยว่าเรื่องขึ้นดอย ไม่มีปัญหาแน่ ต่อให้นั่งเต็ม 4 คนก็ขึ้นได้สบายๆ
พวงมาลัยมันคมดีแฮะ ต่างจากรถอื่นๆที่เคยขับ น้ำหนักของแป้นคลัชนุ่มกำลังดี นุ่มกว่า All new d-max นิดหน่อย น้ำหนักแป้นเบรคก็โอเค ผมว่าในส่วนนี้ ถ้าชินกับคันอื่นๆที่ผมใช้อยู่ พูดได้เลยว่าแทบไม่ต้องปรับตัว
คันเกียร์เข้าง่ายมากๆ ลงล็อคกรึบๆ เลย และอย่างนึงที่ผมรู้สึกว่าชอบมากคือ เวลาเปลี่ยนเกียร์ขึ้น ช่วงที่กดคลัช เปลี่ยนเกียร์นั้น คันเร่งเหมือนจะมารอที่รอบเริ่มของเกียร์ถัดไป ทำให้ขับได้ต่อเนื่องไม่รู้สึกวูบหรือรอรอบมากมายนัก คันเร่งไฟฟ้านี้ ทำมาได้ดีทีเดียว เข้าใจนิสัยคนชอบขับแนวลากๆ เกรียนๆ ฮ่าๆๆ
การเข้าโค้งอย่าได้สาดโค้งแรงๆ เพราะมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้ คงเป็นเพราะการเซ็ตช็อคอัพมาให้นั่งแบบนุ่มนวล หากสาดโค้งแรงๆ ก็อาจจะมีย้วยๆบ้าง ให้ลุ้นว่าจะรอดหรือจะร่วงบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว ที่เคยลองขับ Eco Car เจ้าอื่นกับช่วงล่างเดิมๆ ในการเข้าโค้ง Swift ชนะเลิศ ครับ
การเก็บเสียงห้องโดยสาร ผมว่ามันโอเคมากๆ ทำได้ดีเหมาะสมกับค่าตัว ถ้าไม่ใส่กันสาด แล้วใส่ล้อเดิมๆที่ติดรถมา เงียบได้อีก เสียงเครื่องเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารนิดหน่อย ให้รู้สึกถึงความสปอร์ตนิดๆ เวลาลากขึ้นไป 5 - 6 พันรอบ
แล้วเรื่องความประหยัดละ??? ใส่ล้อ 17 จะเหลือเท่าไหร่กัน
ถังแรกเติมที่ ODO 50 km เต็มถังแล้ววิ่งจนหมด ไฟน้ำมันเตือนและเติมกลับเต็มถังอีกทีที่ ODO 691 km
ระยะทางที่วิ่งไป 641 km เส้นทางที่ใช้คือ เชียงใหม่ - อ.ฝาง - เชียงใหม่ - ดอยอินทนนท์ - เชียงใหม่ และก็ขับวนไปๆ มาๆ ในเมืองเชียงใหม่
เติม E20 ลิตรละ 33.93 บาท จำนวน 39.2 ลิตร จำนวนเงิน 1330 บาท
คำนวณเอง สรุปออกมาเป็น 16.35 km/l หรือ 2.07 บาท/กิโลเมตร
บนหน้าจอของรถโชว์ 16.60 km/l แตกต่างกันนิดหน่อย
ประหยัดหรือเปล่า ????? ลองคิดดูเองครับ สำหรับผมแล้ว ยังรับได้ถ้าไม่ต่ำกว่า 16 km/l
จบแล้วครับ รีวิวสั้นๆ จากผู้ใช้งาน หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะครัชชชชช
[CR] รีวิวจากการใช้งานจริง Suzuki Swift GL M/T
จากที่ขับกระบะสี่ตูยกสูงอยู่พักหนึ่งสลับกับเก๋งฮุนไดติดแก๊ส ก็รู้สึกเริ่มอยากได้ ECO Car ขึ้นมาสักคัน เอาไว้ขับไปทำงาน ซึ่งก็เคยดูทั้ง นิสสันมาร์ช อัลเมร่า มิตซู มิราจ แอทราจ ก็ยังไม่โดนใจในส่วนของรูปร่างของตัวรถ มันยังไม่ใช่ ส่วนฮอนด้าบริโอ้ อันนั้นไม่ผ่านตั้งแต่แว๊บแรกที่มองเห็นรูปลักษณ์ภายนอก ส่วนโตโยต้ายาริสที่ใครหลายๆคนรอคอย แต่ผมถ้าเป็นโตโยต้าแล้วขอบายโดยไม่ต้องคิด สุดท้ายก็เลยไปดู Suzuki Swift ที่ศูนย์แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เห็นราคาแล้ว เห็นสเปคแล้ว รู้สึกได้ทันทีว่า มันแพงกว่ามิตซูนะ ในราคาพอๆกัน ถ้าซื้อมิตซูได้ทั้งเกียร์ออโต้ ได้ทั้ง ABS ไหนจะถุงลมคู่หน้าอีก แต่สิ่งที่เป็นจุดตัดสินใจคือ รูปลักษณ์ หน้าตาภายนอก คือถ้าไม่ชอบ ไม่หลง ไม่รัก คงไม่มีความสุขที่จะอยู่ด้วยกัน ต่อให้เธอนั้นงามจากภายในก็ตาม ฮ่าๆๆๆ ก็เลยเอาก็เอา First Impression มันบอกเลยว่า ชอบแล้ว รักแล้ว แพงก็เอา รถคันแรกไม่ได้ลด ก็จะเอา ประกันไม่แถมก็จะเอา แต่ประเด็นที่ต้องตัดสินใจคือ จะเอาเกียร์ออโต้ หรือธรรมดา สีแดงหรือสีน้ำเงินดี
ก็เลยขอเซลล์ทดลองขับสักหน่อย ก็ได้ลองตัว GLX พอขึ้นถนนใหญ่ได้ จอดรอรถว่างสักหน่อย จากนั้นก็ใส่ D แล้วกระทืบมิด รอบขึ้นไปค้างที่ 6000 RPM แล้วความเร็วก็ค่อยๆไหลขึ้นทีละนิดๆ สรุปได้เลยตอนนั้นว่า เฮ้ย ไมมันอืดอย่างงี้ ไม่ได้อารมสปอร์ต ฉุดกระชากลากถูกหลังติดเบาะเลย ขอเอาเกียร์ธรรมดาละกัน รถติดในเมืองไม่เป็นอุปสรรค กลับไปนอนคิดอยู่ 2 วัน แดงหรือน้ำเงิน แดงหรือน้ำเงิน
สุดท้าย ได้สีส้มมาเฉย ฮ้าาๆๆๆๆ
ออกจากศูนย์มาด้วยอันที่ว่าเป็นล้อกะทะหน้าแคบๆ ใส่ฝาครอบลายเห่ยๆ มาให้ มันขับแล้วรู้สึกสะเทือนใจยิ่งนัก ขอแวะไปร้านยางก่อนกลับบ้านแล้วกัน จัดขอบ 17 ลายที่มันแหล่มๆ หน่อย ก็เลยได้ชุดนี้มา จบที่ราคา 24000 หักเทิร์นล้อเดิมแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าจะหลุด Concept Eco Car ไปหน่อยนะ แล้ว????? แบบนี้จะประหยัดเหรอ จะวิ่งออกเหรอ ณ ตอนนั้น ตอบได้ว่า ไม่รู้ จะเปลืองก็ยอม จะอืดก็ไหว ปลอบใจตัวเองไว้ก่อนๆ ก็เลยได้ลายนี้มา แต่ว่าล้างยากชะมัด
หน้าตารถภายนอก อาจจะคุ้นเคยกันดี แต่คิดว่าหลายๆคน อาจจะยังไม่เคยเห็นภายในกันเท่าไหร่ ก็ขอลงรูปที่เป็นภายในแล้วกันเนาะ วัสดุที่ใช้กับคอนโซลภายใน ผมว่ามันดูดีนะ ทั้งการขึ้นรูป การประกอบ เนื้องานออกมาเนียน ดูสมกับราคาที่แพงกว่าคู่แข่ง
แผงประตูด้านข้างก็เส้นสายรับกับคอนโซลหน้าได้ดี
วิทยุก็ยังเป็นแบบเดียวที่ใส่ใน GLX แต่แอร์เปลี่ยนจากออโต้ เป็นแบบหมุนธรรมดา
ส่วนเรือนไมล์หน้าปัทม์สวยดี แต่ว่าทำไมต้องเอาเลขหมุนไปตามโค้งด้วย มันต้องได้เอียงคอตามนะ เวลาจะดู 555+
นี่ถ้าเป็นหน้าปัทม์แบบเรืองแสงเหมือนๆกับ Isuzu D-Max คงจะสวยกว่านี้ แต่ก็นะ นี่มัน ECO Car ราคา 4 แสนกว่าๆ ได้แค่นี้ก็ใช้ไปเถอะ
ห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เล็กไปหน่อย แต่ก็นะ รถท้ายตัดแบบนี้จะให้กว้างก็คงทำยาก แต่เนื่องจากเรื่องของการออกแบบกันชนให้สูง ทำให้ประตูท้ายบานเล็กลงไปและเวลาเอาของใส่ ก็ลำบากนิดหน่อย กระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว ก็ใส่ได้ แต่ตอนที่ใส่ลงไป อาจจะต้องพลิกมุมนิดนึง ถ้าจะเอาใส่แบบตรงๆ ไม่ต้องคิดไร มันทำไม่ได้
เบาะนั่งตอนหน้า นั่งสบายดีครับ รูปทรงเบาะก็แนวๆสปอร์ตหน่อย ขับได้นานๆ ไม่เมื่อย พื้นที่วางขาก็สบายๆ ปรับได้เต็มที่ แต่เพื่อนผมตัวสูง 185 ได้มั่ง นั่งแล้วดูเหมือนพนักพิงจะสั้นไปหน่อย แนะให้ไปขี่ BB แทน
ส่วนเบาะหลัง ออกแนวพนักพิงชันไปหน่อย แต่พื้นที่วางขามีพื้นที่ให้ขยับได้พอสมควร ถ้าเทียบกับฟอร์ดเฟียสต้าของเพื่อนผมที่เคยนั่งแล้ว ผมว่าเจ้าส้มเช้งยังมีพื้นที่ขาให้เยอะกว่า ขยับได้เยอะกว่า โดยที่ปรับเบาะด้านหน้าให้นั่งสบายๆ เหมือนกัน แต่ทั้งนี้แล้ว ถ้านั่งไกลๆ ก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ครับ
คราวนี้มาถึงเรื่องของการขับขี่ หลากหลายคำถามตามมามากมาย จากคนที่รู้ว่าผมซื้อ Eco Car เครื่อง 1.25 คือ วิ่งทางไกลไหวเหรอ ขึ้นดอยได้ป่าว ขับเชียงใหม่ไปนครศรีจะถึงไหม บอกได้คำเดียว ไปได้หมดที่มีถนนหนะ ก็เลยซิ่งขึ้นดอยอินทนนท์ ลองดูซิ จะไหวไหม ถามว่าอัตราเร่งขึ้นดอยเป็นไง ในความรู้สึกผมแล้ว ขึ้นได้สบายๆ เลย ขับขึ้นทางชันๆได้จนถึงยอดดอยโดยที่ไม่ต้องใช้เกียร์ 1 ช่วยเลย ช่วงที่ชันๆ ก่อนถึงพระมหาธาตุ ก็ใช้แค่เกียร์ 2 ขับเลี้ยงรอบไว้ไม่เกิน 3000 RPM ไปได้เรื่อยๆ แรงก็ไม่ตก มั่นใจได้เลยว่าเรื่องขึ้นดอย ไม่มีปัญหาแน่ ต่อให้นั่งเต็ม 4 คนก็ขึ้นได้สบายๆ
พวงมาลัยมันคมดีแฮะ ต่างจากรถอื่นๆที่เคยขับ น้ำหนักของแป้นคลัชนุ่มกำลังดี นุ่มกว่า All new d-max นิดหน่อย น้ำหนักแป้นเบรคก็โอเค ผมว่าในส่วนนี้ ถ้าชินกับคันอื่นๆที่ผมใช้อยู่ พูดได้เลยว่าแทบไม่ต้องปรับตัว
คันเกียร์เข้าง่ายมากๆ ลงล็อคกรึบๆ เลย และอย่างนึงที่ผมรู้สึกว่าชอบมากคือ เวลาเปลี่ยนเกียร์ขึ้น ช่วงที่กดคลัช เปลี่ยนเกียร์นั้น คันเร่งเหมือนจะมารอที่รอบเริ่มของเกียร์ถัดไป ทำให้ขับได้ต่อเนื่องไม่รู้สึกวูบหรือรอรอบมากมายนัก คันเร่งไฟฟ้านี้ ทำมาได้ดีทีเดียว เข้าใจนิสัยคนชอบขับแนวลากๆ เกรียนๆ ฮ่าๆๆ
การเข้าโค้งอย่าได้สาดโค้งแรงๆ เพราะมันหวิวๆ ยังไงไม่รู้ คงเป็นเพราะการเซ็ตช็อคอัพมาให้นั่งแบบนุ่มนวล หากสาดโค้งแรงๆ ก็อาจจะมีย้วยๆบ้าง ให้ลุ้นว่าจะรอดหรือจะร่วงบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว ที่เคยลองขับ Eco Car เจ้าอื่นกับช่วงล่างเดิมๆ ในการเข้าโค้ง Swift ชนะเลิศ ครับ
การเก็บเสียงห้องโดยสาร ผมว่ามันโอเคมากๆ ทำได้ดีเหมาะสมกับค่าตัว ถ้าไม่ใส่กันสาด แล้วใส่ล้อเดิมๆที่ติดรถมา เงียบได้อีก เสียงเครื่องเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารนิดหน่อย ให้รู้สึกถึงความสปอร์ตนิดๆ เวลาลากขึ้นไป 5 - 6 พันรอบ
แล้วเรื่องความประหยัดละ??? ใส่ล้อ 17 จะเหลือเท่าไหร่กัน
ถังแรกเติมที่ ODO 50 km เต็มถังแล้ววิ่งจนหมด ไฟน้ำมันเตือนและเติมกลับเต็มถังอีกทีที่ ODO 691 km
ระยะทางที่วิ่งไป 641 km เส้นทางที่ใช้คือ เชียงใหม่ - อ.ฝาง - เชียงใหม่ - ดอยอินทนนท์ - เชียงใหม่ และก็ขับวนไปๆ มาๆ ในเมืองเชียงใหม่
เติม E20 ลิตรละ 33.93 บาท จำนวน 39.2 ลิตร จำนวนเงิน 1330 บาท
คำนวณเอง สรุปออกมาเป็น 16.35 km/l หรือ 2.07 บาท/กิโลเมตร
บนหน้าจอของรถโชว์ 16.60 km/l แตกต่างกันนิดหน่อย
ประหยัดหรือเปล่า ????? ลองคิดดูเองครับ สำหรับผมแล้ว ยังรับได้ถ้าไม่ต่ำกว่า 16 km/l
จบแล้วครับ รีวิวสั้นๆ จากผู้ใช้งาน หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะครัชชชชช