คืนไร้จันทร์ ที่อ่าวฮาลอง
ลม หนาว กระหน่ำตีความในใจของใครบางคน ให้กระจุยกระจาย
เหงาไหม? ลมหนาวโบยตีถาม
“ไม่” คนเหงาตอบ
“อย่าปากแข็ง” ลมหนาวปลอบ
ดูเหมือนไม้นวมจะได้ผล แฮะ
ว่าแล้ว เรื่องเล่ากระท่อนกระแท่น ก็ค่อยๆ แย้มพรายออกมา
ไม่คิดเลยว่า ความหนาว ของอ่าวฮาลองจะหอบเอาความเหงามาเยือนเราเข้าได้
..........................................................
ฮาลองเบย์ ดึงดูดเราได้ด้วยภาพงามๆจากตากล้องทั่วสารทิศ
หมู่เกาะน้อยใหญ่ที่งดงามทั้งยามฟ้ากระจ่างและ ยามอาทิตย์อัสดง
อีกทั้งมงกุฎอันประดับด้วยเพชรเม็ดงามของความเป็นมรดกโลกช่างยั่วใจคนจร
แม้ไม่ใช่คนรักผืนน้ำนัก แต่นั่นล่ะ หากพอมีเวลา ฉันก็ไม่อยากพลาด
จึงตกลงจับจ่ายใช้สอยไปไม่กี่เหรียญ เป็นค่าเดินทางไปกลับ พร้อมตั๋วเรือ อาหารและที่พัก 1 คืน บนเกาะกัตบา
ค่าหัวนี้ จ่ายสำหรับร่วมเดินทางกับขบวนใหญ่
แต่กลายเป็นว่า ขบวนใหญ่นั้นมีผู้ร่วมทาง เพียง6 คน
เอ หรือฮาลองเบย์ จับใจไม่จริง?
ขบวนทัวร์น้อยๆ ถูกหมางเมิน ไม่มีที่นั่ง เพื่อนร่วมทางบางคนตาละห้อย
จำใจสาวเท้าก้าวตามกันขึ้นไปบนดาดฟ้าเรืออย่างเงียบๆ
ดูเหมือนความอบอุ่นในห้องโดยสารข้างล่าง มันทำเอาคนขี้หนาวบางคน อาลัยอาวรณ์
ฉันมองเห็น ที่นอนยางถูกวางพิงอยู่หน้าห้องกัปตัน เลยจัดการดึงลงมาเป็นเบาะนั่งเอ้เต้
นุ่มก้นใช้ได้ และหลังก็พิงฝา เหยียดขาได้สบายพอใช้ เสียแต่ลมหนาวกรูเกรียวเหลือทน
แม้แดดจะเจิดจ้า แต่ว่าลมหนาวก็กรูเข้าใส่ปานกัน
คู่หูตบเบาะเชื้อเชิญสองสาวออสซี่เพื่อนร่วมทัวร์มานั่งเรียง
ส่วนหนุ่มใหญ่จากแดนอาทิตย์อุทัย เดินผ่านไปที่หัวเรือ จุดบุหรี่ และนั่งโต้ลมหนาวอย่างเงียบงัน
ฉันจำได้ว่า เขานั่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งถึงเกาะกัตบาในเวลาหลายชั่วโมงต่อมา
อา! คนอะไรช่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียบ้างเลย
ริคกี้ หนุ่มสเปนเดินห่อตัวมายืนใก้ลๆ มองฉันตาปรอย
อดอมยิ้มไม่ได้ มารยาทน่าคบหาอย่างนี้
คงกล่าวหาว่าฉันหลีหนุ่มไม่ได้นะ
เมื่อฉันเอ่ยปากเชื้อเชิญให้หนุ่มสเปนลงมานั่งเคียง
เรานั่งเรียงกันหน้าสลอนอย่างเงียบๆพักใหญ่
ปล่อยให้หัวเรือบ่ายหน้าเข้าหาความงดงามอันสันโดษของอ่าวฮาลอง
คนจรอย่างฉันได้มีเวลาอันเป็นส่วนตัวที่สุดก็ตรงนี้
ดูเหมือนความเวิ้งว้าง จะดึงเราเข้าสู่ความคิดคำนึงส่วนตัว
และ...จ่อมจมอยู่อย่างนั้น
............................................................
รอยยิ้มริมทาง.....เราดื่มแสงดาวที่อ่าวฮาลอง.....