คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
1. บริษัทอีสต์อินเดียของทั้งอังกฤษทั้งเนเธอร์แลนด์นั้นเป็นบริษัทที่ได้สัมปทานการค้าขายกับอินเดีย(ตะวันออก)แต่เพียงผู้เดียวครับ นั่นคือการซื้อขายสินค้ากับอินเดียและประเทศอื่นทางตะวันออกนั้นต้องทำผ่านบริษัทนี้เท่านั้น บริษัทนี้ก็เป็นบริษัทปกตินะครับคือมีการระดมทุนจากการขายหุ้น แล้วก็ต้องทำกำไรจากการค้าขายแล้วนำกำไรมาปันส่วนให้ผู้ถือหุ้น
ในช่วงแรกประเทศแม่ไม่ค่อยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับบริษัทเท่าไหร่ อาจจะให้ความช่วยเหลือบ้างในเรื่องการป้องกันภัยจากโจรสลัด บริษัทจะทำการสัญญาการค้ากับคู่ค้าเอง(รัฐต่างๆ ในอินเดีย) โดยจะมีการขอตั้งสถานีการค้า ถ้าบริษัทต่อรองเก่งอาจจะได้สิทธิการซื้อขายสินค้าบางประเภทของรัฐนั้นแต่เพียงผู้เดียวก็ได้ ราชาผู้ปกครองรัฐในอินเดียนั้นมักจะต้องการสินค้าบางอย่างจากประเทศตะวันตก (อาวุธ สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำด้วยเงิน ผ้า) ซึ่งบริษัทสามารถจัดหาให้ได้ ทำให้บริษัทสามารถต่อรองสัญญาการค้าที่ได้เปรียบได้ง่าย
2. บริษัทเหล่านี้รบกันเองด้วยครับ คือในดินแดนฝั่งตะวันออกของโลกมันห่างไกลจากประเทศแม่ การค้าขายก็เชือดเฉือนกันในการแข่งกันหาคู่ค้า มันก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง มีการว่าจ้าง privateer (โจรสลัดที่ถูกกฎหมาย) ในการปล้นเรือของบริษัทคู่แข่งก็มี ห้ามเรือบริษัทคู่แข่งเข้าเทียบท่าสถานีของตนก็มี หรือถ้าหนักหน่อยอาจจะมีการเข้าโจมตียึดครองสถานีการค้าของอีกบริษัทเลยก็ได้ โดยประเทศแม่ไม่เข้ามาเกี่ยวข้องเลย สองบริษัทที่รบกันหนักหนาสาหัสมากก็คือบริษัทของเนเธอร์แลนด์ (VOC) กับบริษัทของโปรตุเกส โดยโปรตุเกสตั้งฐานอยู่ที่กัวในอินเดียและเนเธอร์แลนด์อยู่ที่บาตาเวีย(จาการ์ต้า)ในอินโดนีเซีย อีกคู่ก็คืออังกฤษกับฝรั่งเศส ถ้าประเทศแม่รบกันเองแล้วด้วยยิ่งเป็นโอกาสที่บริษัทจะกำจัดคู่แข่งทางการค้าโดยมีกองทหารของประเทศแม่มาช่วยด้วย
3. ตั้งบริษัทมาเพื่อค้าขายกับอินเดียโดยเฉพาะครับ
สินค้าที่ตะวันตกสนใจจากอินเดียคือชา เครื่องลายคราม เครื่องเทศ ฝ้ายดิบ สินค้าที่อินเดียสนใจจากตะวันตกก็พวกผ้า อาวุธ เครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ ในช่วง 100-150 ปีแรกบริษัทไม่มีนโยบายเข้ายึดครองอินเดียนะครับ ค้าขายอย่างเดียว แต่ต้องป้องกันตัวหรือใช้กำลังกำจัดบริษัทคู่แข่งและโจรสลัด ทำให้บริษัทมีกองทัพเรือและกองทัพบกของตนเองด้วย พอบริษัทเติบโตขึ้นก็ต้องมีกองทัพจำนวนมากขึ้นด้วย บางครั้งประเทศแม่มีการศึกก็ยังมายืมกำลัง(โดยเฉพาะเรือ)ของบริษัทเลย
ในช่วงแรกประเทศแม่ไม่ค่อยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับบริษัทเท่าไหร่ อาจจะให้ความช่วยเหลือบ้างในเรื่องการป้องกันภัยจากโจรสลัด บริษัทจะทำการสัญญาการค้ากับคู่ค้าเอง(รัฐต่างๆ ในอินเดีย) โดยจะมีการขอตั้งสถานีการค้า ถ้าบริษัทต่อรองเก่งอาจจะได้สิทธิการซื้อขายสินค้าบางประเภทของรัฐนั้นแต่เพียงผู้เดียวก็ได้ ราชาผู้ปกครองรัฐในอินเดียนั้นมักจะต้องการสินค้าบางอย่างจากประเทศตะวันตก (อาวุธ สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำด้วยเงิน ผ้า) ซึ่งบริษัทสามารถจัดหาให้ได้ ทำให้บริษัทสามารถต่อรองสัญญาการค้าที่ได้เปรียบได้ง่าย
2. บริษัทเหล่านี้รบกันเองด้วยครับ คือในดินแดนฝั่งตะวันออกของโลกมันห่างไกลจากประเทศแม่ การค้าขายก็เชือดเฉือนกันในการแข่งกันหาคู่ค้า มันก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง มีการว่าจ้าง privateer (โจรสลัดที่ถูกกฎหมาย) ในการปล้นเรือของบริษัทคู่แข่งก็มี ห้ามเรือบริษัทคู่แข่งเข้าเทียบท่าสถานีของตนก็มี หรือถ้าหนักหน่อยอาจจะมีการเข้าโจมตียึดครองสถานีการค้าของอีกบริษัทเลยก็ได้ โดยประเทศแม่ไม่เข้ามาเกี่ยวข้องเลย สองบริษัทที่รบกันหนักหนาสาหัสมากก็คือบริษัทของเนเธอร์แลนด์ (VOC) กับบริษัทของโปรตุเกส โดยโปรตุเกสตั้งฐานอยู่ที่กัวในอินเดียและเนเธอร์แลนด์อยู่ที่บาตาเวีย(จาการ์ต้า)ในอินโดนีเซีย อีกคู่ก็คืออังกฤษกับฝรั่งเศส ถ้าประเทศแม่รบกันเองแล้วด้วยยิ่งเป็นโอกาสที่บริษัทจะกำจัดคู่แข่งทางการค้าโดยมีกองทหารของประเทศแม่มาช่วยด้วย
3. ตั้งบริษัทมาเพื่อค้าขายกับอินเดียโดยเฉพาะครับ
สินค้าที่ตะวันตกสนใจจากอินเดียคือชา เครื่องลายคราม เครื่องเทศ ฝ้ายดิบ สินค้าที่อินเดียสนใจจากตะวันตกก็พวกผ้า อาวุธ เครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ ในช่วง 100-150 ปีแรกบริษัทไม่มีนโยบายเข้ายึดครองอินเดียนะครับ ค้าขายอย่างเดียว แต่ต้องป้องกันตัวหรือใช้กำลังกำจัดบริษัทคู่แข่งและโจรสลัด ทำให้บริษัทมีกองทัพเรือและกองทัพบกของตนเองด้วย พอบริษัทเติบโตขึ้นก็ต้องมีกองทัพจำนวนมากขึ้นด้วย บางครั้งประเทศแม่มีการศึกก็ยังมายืมกำลัง(โดยเฉพาะเรือ)ของบริษัทเลย
แสดงความคิดเห็น
บริษัทอีสต์อินเดียมีความสำคัญกับประเทศอังกฤษแค่ไหน (และเป็นตัวแทนการค้าของชาติตะวันตกได้เลยหรือเปล่า)
1. ความสำคัญ(หรือนโยบาย)ของบริษัทอีสต์อินเดียที่ประเทศอังกฤษตั้งไว้ในการค้าขายเป็นยังไงครับ (บริษัทอีสต์อินเดียสามารถเป็นตัวแทนการค้าแทนชาติตะวันตกได้เลยหรือเปล่า)
2. เห็นช่วงล่าอาณานิคมในประเทศอินเดียและสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 ในประเทศจีนแล้ว ยังมีครั้งไหน(หรือประเทศไหน)ที่บริษัทอีสต์อินเดียมีบทบาทแบบเป็น"หน้าประวัติศาสตร์"อีกบ้าง (ขอครั้งใหญ่ๆเลย)
และ 3. ทำไมต้องตั้งชื่อมีคำว่า"อินเดีย"ด้วย หรือประเทศอังกฤษ(ชาติตะวันตก)เริ่มทำการค้าขายกับประเทศอินเดียเป็นที่แรก