"107 นัดก็ไม่เลวนะ สำหรับใครสักคนที่ไม่ได้เป็นระดับท๊อป ว่ามั้ยครับ?" เจอร์ราร์ดเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
"ผมไม่ได้หวังเรื่องจำนวนนัดมากไปกว่านี้แล้ว ตอนที่ผมติดทีมชาติครั้งแรก ผมหวังแค่ว่า 'สัก 50 นัด หรือ สัก 10 ประตูก็ดีแล้ว' แต่ เฮ้ .. ตอนนี้ผมมาถึงนัดที่ 107 แล้วนะ เป็นอะไรที่เยี่ยมยอดจริงๆ และผมภาคภูมิใจกับมันมาก กับการได้อยู่ในรายชื่อเหล่านั้น
ผมไม่ได้ มองไปถึงขั้นชิลตัน หรือ เบคแฮม ตอนนี้แค่ต้องผ่านบ็อบบี้ มัวร์ไปให้ได้ก่อน กับสิ่งที่ผ่านมาที่เขาได้ทำไว้ นั่นมันเหลือเชื่อมากๆ เราต่างกลับบ้านพร้อมกับความภาคภูมิใจ
การได้รับเสียงปรบมือที่บ้าน (อังกฤษ) มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก และหนทางเดียวที่มันจะเกิดขึ้นได้คือเราต้องชนะ และไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายให้ได้ มันไม่เกี่ยวกับผม ไม่ว่าจะผ่านชิลตันหรือเบคแฮมหรือ บ็อบบี้ มัวร์ ผมไม่ใช่คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบนั้น
ความไฝ่ฝันของผมมันก็แค่ : ผมจะทำอย่างไรให้ทีมผ่านไปถึงรอบ 4 ทีมได้นะ? ผมไม่ได้คิดเรื่องว่าหลังจากบอลโลก จะเกิดอะไรขึ้น เกือบตลอดเวลา ผมใช้เวลาคิดแต่ว่า ผมจะสนุกกับบอลโลกให้เต็มที่ ผมจะหาทางพาทีมไปบราซิลให้ได้ มันเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ตอนนี้เป้าหมายมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ผมคิดว่า : เห้ย เราจะทำอะไรที่นั่นได้บ้าง?"
ระหว่างนั้น เจอร์ราร์ดก็ได้แสดงความเห็นต่อความเห็นในหนังสือชัวประวัติของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสันเป็นครั้งแรก
"ฟังนะครับ เขามีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นได้เต็มที่อยู่แล้ว ผมชื่นชมเขานะ เขาเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก ตลอดการค้าแข้งของผม ผมได้รับคำสรรเสริญเยินยอมามากมาย รวมทั้งจากเซอร์อเล็กด้วย ผมเคยได้รับคำชมแบบที่แทบไม่น่าเชื่อจากเขาเลยล่ะ เขาเคยอยากซื้อตัวผมด้วยซ้ำไป อย่างน้อยก็ครั้งนึงหล่ะ อ่ะ ต้อง 2 ครั้งสิ
สำหรับ ผมนะ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือสิ่งที่ แบรนเดน รอดเจอร์สและ รอย ฮอดจ์สัน คิดเกี่ยวกับตัวผม ผมคิดว่าพวกเขากรุณาต่อผมมาก ซึ่งนั่นแหละเป็นสิ่งที่ผมต้องกังวลถึง"
รอดเจอร์สให้ทีมของพวก เขาหยุดพัก แต่เจอร์ราร์ดกลับเลือกที่จะส่งรายงานเกี่ยวกับงานของเขาเสมอ และเขาก็เป็นคนเดียวภายในทีมที่ทำเช่นนั้น เขาเคยมีปัญหาเกี่ยวกับสะโพกเมื่อนานมาแล้ว และแม้มันจะได้รับการรักษาดูแลอย่างดีแล้ว แต่มันก็ไม่เคยกลับมาดีเยี่ยมอีกเลย ขณะที่ในปีหน้า เขาจะอายุ 34 เจอร์ราร์ดยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสนามได้อย่างดีเยี่ยม
"ผมจัดการชีวิตตัวเองทั้งในและนอกสนามอย่างดี ผมอยู่ท่ามกลางทีมแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ผมบอกพวกเขาเสมอว่า ตราบใดที่คุณทำให้ผมฟิตและสุขภาพดีพร้อม ผมก็รับมือกับลิเวอร์พูลและทีมชาติอีงกฤษได้เสมอ บอกมาได้เลย ไม่มีปัญหา
ประสบการณ์กับฟุตบอล และ ชีวิตของผม ทำให้เราเรียนรู้ที่จะจัดการกับมัน คุณรู้ดีว่าคุณต้องรับมือกับความพ่ายแพ้ และฟอร์มแย่ๆอยู่เสมอ
แต่ เมื่อผมกลับไปบ้าน ผมจะปรับสวิชต์ตัวเองในแบบที่ผมต้องการ เมื่อผมเปิดประตูเข้าบ้านไป ผมก็กลายเป็นมิกกี้เมาส์ของลูกๆ หรือไม่ก็ร้องเล่น เต้นรำกับพวกเธอ
เมื่อออกจากลานจอดรถในเมลวูด (สนามซ้อมของลิเวอร์พูล) ผมพยายามทำตัวให้เหมือนเป็นคนละคนกับบนสนาม ผมพยายามออกห่างจากมันให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้น คุณจะมีจุดจบแบบ คาราเกอร์เอาได้ .. หมกมุ่นไปนะ!!"
ถึงอย่างนั้น เราต่างรู้ดีว่าพวกเขาทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมามากแค่ไหน แม้เจอร์ราร์ดไม่ได้คิดว่า เขาคล้ายกับคาราเกอร์ในด้านนั้น แต่เขาทั้งคู่ก็เป็นประเภทที่ เชื่อมโยงถึงกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว และสำหรับเจอร์ราร์ด เพื่อนร่วมทีมเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเขาเสมอ
"มันเหมือนฝัน ความฝันที่สมบูรณ์แบบ"
เจอร์ราร์ดพูดถึง คู่หู SAS ซัวเรซและสเตอร์ริดจ์
"ผมเคยร่วมงานกับกองหน้าหลายๆคน และตอนนี้เรามีเขา 2 คนที่นี่และมีนยอดเยี่ยมมากๆ ด้วยความเคารพเลย ตอนแรกผมพูดไว้ว่า ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเวิร์ึคหรือเปล่าสำหรับพวกเขา แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันก็ 'คลิ๊ก' ทั้งที่เราไม่ได้ซ้อมด้วยกันมากนัก ผมตื่นเต้นจริงๆ และคิดว่ามันจะต้องดีอย่างมากแน่นอน
แดเนี่ยลกำลังเติบโต เป็นนักฟุตบอล เขายอดเยี่ยมสำหรับลิเวอร์พูล ขณะที่ลิเวอร์พูลก็ยอดเยี่ยมสำหรับเขาด้วย ถ้าเขาได้รับคำแนะนำจากคนที่ถูกต้อง เขาก็จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว"
เจอร์ราร์ดกลับมากังวลถึงเรื่องของฟุตบอลโลกอีกครั้ง
"มันเป็นเรื่องของความเป็นจริงแล้วตอนนี้ ไม่มีใครบ่น ก่นด่า ในสิ่งที่เราไม่ไ่ด้เป็นหรอกครับ นั่นถือเป็นการช่วยทีมนะ
'ความคาดหวัง' ไม่ใช่เรื่องบ้าบอไร้สาระ มันเป็นเรื่องของความเป็นจริงล้วนๆ เราไม่ใช่ทีมที่น่าโปรดปรานที่สุดในตอนนี้ แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ที่บราซิล เกิดมันคลิ๊กขึ้นมา ใครจะรู้ล่ะ จริงไหม?"
ซัวเรซ : ตอนผมเป็นเด็ก ผมเห็นเขาในทีวี เล่นบอลกับเขาในเพลย์สเตชั่น แต่ตอนนี้ผมได้เล่นบอลกับเขาจริงๆแล้ว และในห้องแต่งตัวเขาเป็นคนที่ช่วยเหลือทุกๆคน เขาเป็นกัปตันที่สุดยอดจริงๆครับ
เจอร์ราร์ด : ทุกคนรู้ดีว่าผมยกย่องหลุยส์ขนาดไหน เราโชคดีที่มีเขาอยู่ด้วย ผมว่าตอนนี้เขาอยู่อันดับต้นๆของโลก ไม่ 4 ก็ 5 เลยล่ะ
5 กองหน้าที่เจอร์ราร์ดชอบที่สุดตั้งแต่เคยร่วมงานด้วย
1. Luis Suarez
2. Fernando Torres
3. Robbie Fowler
4. Michael Owen
5. Nicolas Anelka
5 นัดกับทีมชาติอังกฤษทั่เจอร์ราร์ดชอบที่สุด
1. Germany 5-1 (World Cup qualifier, Munich, September 2001)
2. Poland 2-0 (World Cup qualifier, Wembley, October 2013)
3. Turkey 2-0 (Euro 2004 qualifier, April 2003, Sunderland)
4. Greece 2-2 (World Cup qualifier, October 2001, Old Trafford)
5. Croatia 4-2 (Euro 2004, June 2004, Lisbon)
สุดยอด 5 ความทรงจำในฟุตบอลโลก
1. Paul Gascoigne’s tears (Italia 90)
2. Diego Maradona’s genius (Mexico 86)
3. Zinedine Zidane’s red mist (Germany 2006)
4. France conquering the world (France 1998)
5. Romario and Bebeto dazzling (USA 1994)
5 นักเตะที่ดีที่สุดที่เคยปะทะด้วย
1. Lionel Messi
2. Cristiano Ronaldo
3. Zinedine Zidane
4. Thierry Henry
5. Andres Iniesta
แปลแบบรวบรัด ปรับสำนวนเล็กน้อยจาก บทสัมภาษณ์ :
STEVEN GERRARD EXCLUSIVE: It's not about getting more caps than Beckham or Moore... I just want to make the country proud again
http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-2501321/Steven-Gerrard-exclusive-I-want-make-England-proud-again.html?ico=sport^headlines
[Liverpool] Steven Gerrard : กัปตันแห่งทีมชาติอังกฤษ
"107 นัดก็ไม่เลวนะ สำหรับใครสักคนที่ไม่ได้เป็นระดับท๊อป ว่ามั้ยครับ?" เจอร์ราร์ดเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
"ผมไม่ได้หวังเรื่องจำนวนนัดมากไปกว่านี้แล้ว ตอนที่ผมติดทีมชาติครั้งแรก ผมหวังแค่ว่า 'สัก 50 นัด หรือ สัก 10 ประตูก็ดีแล้ว' แต่ เฮ้ .. ตอนนี้ผมมาถึงนัดที่ 107 แล้วนะ เป็นอะไรที่เยี่ยมยอดจริงๆ และผมภาคภูมิใจกับมันมาก กับการได้อยู่ในรายชื่อเหล่านั้น
ผมไม่ได้ มองไปถึงขั้นชิลตัน หรือ เบคแฮม ตอนนี้แค่ต้องผ่านบ็อบบี้ มัวร์ไปให้ได้ก่อน กับสิ่งที่ผ่านมาที่เขาได้ทำไว้ นั่นมันเหลือเชื่อมากๆ เราต่างกลับบ้านพร้อมกับความภาคภูมิใจ
การได้รับเสียงปรบมือที่บ้าน (อังกฤษ) มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มาก และหนทางเดียวที่มันจะเกิดขึ้นได้คือเราต้องชนะ และไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายให้ได้ มันไม่เกี่ยวกับผม ไม่ว่าจะผ่านชิลตันหรือเบคแฮมหรือ บ็อบบี้ มัวร์ ผมไม่ใช่คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบนั้น
ความไฝ่ฝันของผมมันก็แค่ : ผมจะทำอย่างไรให้ทีมผ่านไปถึงรอบ 4 ทีมได้นะ? ผมไม่ได้คิดเรื่องว่าหลังจากบอลโลก จะเกิดอะไรขึ้น เกือบตลอดเวลา ผมใช้เวลาคิดแต่ว่า ผมจะสนุกกับบอลโลกให้เต็มที่ ผมจะหาทางพาทีมไปบราซิลให้ได้ มันเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ตอนนี้เป้าหมายมันก็เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้ผมคิดว่า : เห้ย เราจะทำอะไรที่นั่นได้บ้าง?"
ระหว่างนั้น เจอร์ราร์ดก็ได้แสดงความเห็นต่อความเห็นในหนังสือชัวประวัติของ เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสันเป็นครั้งแรก
"ฟังนะครับ เขามีสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นได้เต็มที่อยู่แล้ว ผมชื่นชมเขานะ เขาเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก ตลอดการค้าแข้งของผม ผมได้รับคำสรรเสริญเยินยอมามากมาย รวมทั้งจากเซอร์อเล็กด้วย ผมเคยได้รับคำชมแบบที่แทบไม่น่าเชื่อจากเขาเลยล่ะ เขาเคยอยากซื้อตัวผมด้วยซ้ำไป อย่างน้อยก็ครั้งนึงหล่ะ อ่ะ ต้อง 2 ครั้งสิ
สำหรับ ผมนะ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือสิ่งที่ แบรนเดน รอดเจอร์สและ รอย ฮอดจ์สัน คิดเกี่ยวกับตัวผม ผมคิดว่าพวกเขากรุณาต่อผมมาก ซึ่งนั่นแหละเป็นสิ่งที่ผมต้องกังวลถึง"
รอดเจอร์สให้ทีมของพวก เขาหยุดพัก แต่เจอร์ราร์ดกลับเลือกที่จะส่งรายงานเกี่ยวกับงานของเขาเสมอ และเขาก็เป็นคนเดียวภายในทีมที่ทำเช่นนั้น เขาเคยมีปัญหาเกี่ยวกับสะโพกเมื่อนานมาแล้ว และแม้มันจะได้รับการรักษาดูแลอย่างดีแล้ว แต่มันก็ไม่เคยกลับมาดีเยี่ยมอีกเลย ขณะที่ในปีหน้า เขาจะอายุ 34 เจอร์ราร์ดยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสนามได้อย่างดีเยี่ยม
"ผมจัดการชีวิตตัวเองทั้งในและนอกสนามอย่างดี ผมอยู่ท่ามกลางทีมแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ผมบอกพวกเขาเสมอว่า ตราบใดที่คุณทำให้ผมฟิตและสุขภาพดีพร้อม ผมก็รับมือกับลิเวอร์พูลและทีมชาติอีงกฤษได้เสมอ บอกมาได้เลย ไม่มีปัญหา
ประสบการณ์กับฟุตบอล และ ชีวิตของผม ทำให้เราเรียนรู้ที่จะจัดการกับมัน คุณรู้ดีว่าคุณต้องรับมือกับความพ่ายแพ้ และฟอร์มแย่ๆอยู่เสมอ
แต่ เมื่อผมกลับไปบ้าน ผมจะปรับสวิชต์ตัวเองในแบบที่ผมต้องการ เมื่อผมเปิดประตูเข้าบ้านไป ผมก็กลายเป็นมิกกี้เมาส์ของลูกๆ หรือไม่ก็ร้องเล่น เต้นรำกับพวกเธอ
เมื่อออกจากลานจอดรถในเมลวูด (สนามซ้อมของลิเวอร์พูล) ผมพยายามทำตัวให้เหมือนเป็นคนละคนกับบนสนาม ผมพยายามออกห่างจากมันให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้น คุณจะมีจุดจบแบบ คาราเกอร์เอาได้ .. หมกมุ่นไปนะ!!"
ถึงอย่างนั้น เราต่างรู้ดีว่าพวกเขาทั้งคู่ผ่านอะไรด้วยกันมามากแค่ไหน แม้เจอร์ราร์ดไม่ได้คิดว่า เขาคล้ายกับคาราเกอร์ในด้านนั้น แต่เขาทั้งคู่ก็เป็นประเภทที่ เชื่อมโยงถึงกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว และสำหรับเจอร์ราร์ด เพื่อนร่วมทีมเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเขาเสมอ
"มันเหมือนฝัน ความฝันที่สมบูรณ์แบบ"
เจอร์ราร์ดพูดถึง คู่หู SAS ซัวเรซและสเตอร์ริดจ์
"ผมเคยร่วมงานกับกองหน้าหลายๆคน และตอนนี้เรามีเขา 2 คนที่นี่และมีนยอดเยี่ยมมากๆ ด้วยความเคารพเลย ตอนแรกผมพูดไว้ว่า ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเวิร์ึคหรือเปล่าสำหรับพวกเขา แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันก็ 'คลิ๊ก' ทั้งที่เราไม่ได้ซ้อมด้วยกันมากนัก ผมตื่นเต้นจริงๆ และคิดว่ามันจะต้องดีอย่างมากแน่นอน
แดเนี่ยลกำลังเติบโต เป็นนักฟุตบอล เขายอดเยี่ยมสำหรับลิเวอร์พูล ขณะที่ลิเวอร์พูลก็ยอดเยี่ยมสำหรับเขาด้วย ถ้าเขาได้รับคำแนะนำจากคนที่ถูกต้อง เขาก็จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว"
เจอร์ราร์ดกลับมากังวลถึงเรื่องของฟุตบอลโลกอีกครั้ง
"มันเป็นเรื่องของความเป็นจริงแล้วตอนนี้ ไม่มีใครบ่น ก่นด่า ในสิ่งที่เราไม่ไ่ด้เป็นหรอกครับ นั่นถือเป็นการช่วยทีมนะ
'ความคาดหวัง' ไม่ใช่เรื่องบ้าบอไร้สาระ มันเป็นเรื่องของความเป็นจริงล้วนๆ เราไม่ใช่ทีมที่น่าโปรดปรานที่สุดในตอนนี้ แต่เมื่อไปถึงที่นั่น ที่บราซิล เกิดมันคลิ๊กขึ้นมา ใครจะรู้ล่ะ จริงไหม?"
ซัวเรซ : ตอนผมเป็นเด็ก ผมเห็นเขาในทีวี เล่นบอลกับเขาในเพลย์สเตชั่น แต่ตอนนี้ผมได้เล่นบอลกับเขาจริงๆแล้ว และในห้องแต่งตัวเขาเป็นคนที่ช่วยเหลือทุกๆคน เขาเป็นกัปตันที่สุดยอดจริงๆครับ
เจอร์ราร์ด : ทุกคนรู้ดีว่าผมยกย่องหลุยส์ขนาดไหน เราโชคดีที่มีเขาอยู่ด้วย ผมว่าตอนนี้เขาอยู่อันดับต้นๆของโลก ไม่ 4 ก็ 5 เลยล่ะ
5 กองหน้าที่เจอร์ราร์ดชอบที่สุดตั้งแต่เคยร่วมงานด้วย
1. Luis Suarez
2. Fernando Torres
3. Robbie Fowler
4. Michael Owen
5. Nicolas Anelka
5 นัดกับทีมชาติอังกฤษทั่เจอร์ราร์ดชอบที่สุด
1. Germany 5-1 (World Cup qualifier, Munich, September 2001)
2. Poland 2-0 (World Cup qualifier, Wembley, October 2013)
3. Turkey 2-0 (Euro 2004 qualifier, April 2003, Sunderland)
4. Greece 2-2 (World Cup qualifier, October 2001, Old Trafford)
5. Croatia 4-2 (Euro 2004, June 2004, Lisbon)
สุดยอด 5 ความทรงจำในฟุตบอลโลก
1. Paul Gascoigne’s tears (Italia 90)
2. Diego Maradona’s genius (Mexico 86)
3. Zinedine Zidane’s red mist (Germany 2006)
4. France conquering the world (France 1998)
5. Romario and Bebeto dazzling (USA 1994)
5 นักเตะที่ดีที่สุดที่เคยปะทะด้วย
1. Lionel Messi
2. Cristiano Ronaldo
3. Zinedine Zidane
4. Thierry Henry
5. Andres Iniesta
แปลแบบรวบรัด ปรับสำนวนเล็กน้อยจาก บทสัมภาษณ์ :
STEVEN GERRARD EXCLUSIVE: It's not about getting more caps than Beckham or Moore... I just want to make the country proud again
http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-2501321/Steven-Gerrard-exclusive-I-want-make-England-proud-again.html?ico=sport^headlines