ไม่มีหนี้สิน ก็ไม่มีทรัพย์สิน จริงหรือ ?

คือ ก่อนอื่นขอเล่า พื้นเพ เราก่อนนะคะ เราเกิดครอบครัวกลางๆ ฐานะพอใช้ พ่อแม่ไม่มีหนี้สินอะไร มีผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เกือบหมดแล้ว
ตั้งแต่เราเกิดจนเรียนจบ ป.ตรี พ่อแม่ส่งเสียตลอด

เราเรียนจบมา เกือบ 2 ปี  แต่ก่อนรายได้ไม่ถึง 20000 จนเราย้ายงานที่ใหม่ต้นปีนี้ ที่ทำงานตอนนี้ รายได้รวมทั้งหมด ประมาณ 35000-40000 ทุกเดือน.

ไม่มีภาระใช้จ่ายอะไร ไม่ต้องส่งให้พ่อแม่

ทีนี้พี่ที่ทำงานซื้อรถกัน คือ ผ่อน เดือนละ เกือบ 20000  ซึ่งเรามองว่าเยอะ แต่คิดอีกด้านถ้าเราไม่มีหนี้ตรงนี้ทุกเดือน เราจะบังคับตัวเองให้เก็บเงินได้มั้ย

คำตอบ คือ ไม่ได้ ทุกวันนี้มีเงินเก็บแค่ 30000 บาท  ที่เราจะถามคือ

1. เราเอาเงินไปผ่อนรถ คอนโด หรือทรัพย์สินอื่นๆดีมั้ย คือชีวิตเราไม่เคยมีหนี้ เราเลยกลัวการเป็นหนี้มากๆ กลัววันนึงเราเบื่อการทำงานแล้วยังต้องทน เพราะมีหนี้

2.คือที่ทำงานของเรามีหอพักให้ เสียแค่เดือนละ 1000  น้ำไฟฟรี  อยู่ในที่ทำงานเลย จึงตัดเรื่องการเดินทางไป เราจึงไม่คิดซื้อรถ แต่เผื่อวันหน้ามีเหตุต้องใช้ล่ะ

3.คือ เราเป็น ผญ ทั่วไป รักสวยรักงาม ชอบซื้อเสื้อผ้า คสอ รองเท้า และไปเสริมสวยตามคลินิกมากๆ ซึ่งเราก็พยายามจำกัดงบส่วนนี้ เราควรจะจัดการยังไงดี

4 อยากถามที่ซื้อรถหรือผ่อนคอนโด ว่ามีค่าใช้จ่ายจุกจิกเยอะไป ถ้าย้อนกลับไปคุณจะซื้อหรือไม่

ปล ขอแท็กห้องแป้งด้วยนะคะ

เราลืมไป เราซื้อประกันสุขภาพให้แม่ 24000. ซื้อประกันสะสมทรัพย์ให้ตัวเอง 30000. และ LTF 5000  ด้วยค่ะ ถึงว่าเงินหายไปไหน 555
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
เราว่าคุณไม่ก่อหนี้น่ะดีแล้วค่ะ เพราะอ่านแล้วทั้งรถและที่อยู่ ยังไม่มีความจำเป็นต้องซื้อในตอนนี้

สิ่งที่คุณขาดไปคือเงินออมค่ะ แนะนำให้ตั้งเป้าหมายว่าสิ้นปีเราต้องการมีเงินเท่าไรแล้วหารเป็นเดือนออกมาเลย
เช่น 1 ปี ต้องการมีเงินเก็บ 150000 บาท แต่ละเดือนต้องเก็บให้ได้ 12500 บาท
ดังนั้นเวลาเงินเดือนออก ถ้าเงินเดือน 35000 - 12500 = แต่ละเดือนห้ามใช้เกิน 22500 บาทโดยเด็ดขาด

แต่ละเดือนอาจยืดหยุ่นได้นิดหน่อย แต่พอครึ่งปีต้องมาประเมินว่าเงินออมเกินครึ่งนึงของเป้าหมายรึยัง
ถ้าเกินดุลแปลว่าเรามีวินัยดีมาก ถ้าขาดดุลแปลว่าเรายังไม่มีวินัยที่ดี ก็ต้องพยายามเก็บให้มากขึ้นกว่าเดิมในอีก 6 เดือนถัดไป
จบ 12 เดือน (อาจมีโบนัสสิ้นปีเป็นตัวช่วยทำยอดอีกแรง) ถ้าทำได้ตามเป้า เงินที่เกินเป้าหมายอาจเอาไปซื้อรางวัลให้ตัวเองเช่นของแบรนด์เนม
แต่ห้ามเกินในส่วนเงินออมนะคะ ใช้เฉพาะที่เป็นส่วนเกินดุลเท่านั้น เป็นการให้รางวัลสำหรับการมีวินัยในตนเอง
ถ้าขาดดุลห้ามซื้อ เป็นการฝึกตัวเอง

เราทำแบบนี้ค่ะ แต่ก่อนเราเงินเดือนยังไม่เยอะ เป้าหมายเราคือปีละ 1 แสนบาทค่ะ ปีแรกๆสรุปเราขาดดุล เก็บได้ 98000
มาเริ่มเท่าดุลในปีที่ 2 (ยอดรวม2ปี ต้องเป็น2แสนนะคะ)และเกินดุลในปีที่ 3 ค่ะ เป้าหมายในการเก็บเงินคือซื้อรถเงินสด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5-6 ปี ระหว่างเก็บเงิน เราจะได้ตัวช่วยเก็บเงินคือ ดอกเบี้ย และเงินที่งอกเงยจากการซื้อกองทุนพวกตราสารหนี้ ตราสารทุนด้วยค่ะ

พอจะถอนมาซื้อรถหมดนี่ใจหายเหมือนกัน แบบว่าเงินที่เพียรเก็บมาหลายปีมันไปหมดเลย
ซึ่งถ้าเมืองไทยระบบขนส่งมวลชนดี ไปไหนง่ายคงไม่ต้องซื้อ
เราอยู่ต่างจังหวัด รถสาธารณะมันไม่ได้พาไปไหนง่ายๆอ่ะคะ ถ้าอยู่กรุงเทพเราคงขึ้นแท็กซี่ รถไฟฟ้า รถเมล์ รถตู้ ได้

ผู้หญิงมักเสียเงินไปกับ เสื้อผ้า หน้า ผม เราเข้าใจค่ะ แต่ไม่ต้องซื้อบ่อยขนาดนั้นก็ได้ เปลี่ยนเป็นใช้ของเก่าให้หมดค่อยซื้อ
ใช้จนพังแล้วค่อยซื้อ ให้คิดซ้ำหลายๆทีแล้วค่อยซื้อ ว่าเราอยากได้มากๆจริงๆหรือเปล่า และรอบคอบในการใช้เงินมากขึ้น อย่าซื้อเรื่อยเปื่อย
มีเงินในบัญชี ตอนหลังอยากซื้ออะไรขึ้นมา ตอนนั้นมันก็ง่ายแล้วอ่ะค่ะ ไม่ว่าจะยานพาหนะหรือที่อยู่อาศัย
มีเป้าหมาย มีวินัยในตัวเอง ทำได้แน่นอนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่