ย้อนรอยโศกนาฏกรรมรัก 'เอ็กซ์ - หมอนิ่ม' รักในรอยแค้น..ยอมความไม่ได้?




19 ต.ค. 56 'เอ็กซ์ - จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม' อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทยถูกคนร้ายลอบยิงเสียชีวิต สื่อทุกแขนงต่างประโคมข่าวครึกโครม สังคมให้ความสนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างมาก ด้านครอบครัวรวมถึงผู้ใกล้ชิดพากันร่ำไห้แด่การจากไป และเรียกร้องความเป็นธรรมต่อการสูญเสียในครั้งนี้ โดยเฉพาะ 'หมอนิ่ม - พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ' ผู้เป็นภรรยา ที่ต้องสูญเสียสามีในเหตุการณ์ลอบยิง ใครจะเข้าใจมากกว่าตัวเธอเองว่าต้องแบกรับความเสียใจมากเพียงใด?
       
        ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีทางกฎหมาย ในเวลาไม่ถึง 1 เดือน คดีคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จับกุมมือปืนได้ทันควัน ขณะที่คนร้ายซักทอดผู้อยู่เบื้องหลังในคดีอุกฉกรรจ์ว่าเป็นคนใกล้ตัวผู้ตาย สุรางค์ ดวงจินดา แม่ของหมอนิ่ม และ หมอนิ่ม ภรรยา เนื่องจากปมขัดแย้งภายในครอบครัว (ประเด็นผู้ตายทำร้ายร่างกายภรรยา) หากเป็นเช่นนั้นจริง.. คดีดังกล่าวคงเป็นโศกนาฏกรรมเป็นบทเรียนล้ำค่าของสังคม
       
        ท่ามกลางความรักและความขัดแย้ง
        ย้อนกลับไปเมื่อปี 2550 ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เอ็กซ์ - จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม (เสียชีวิตอายุ 40 ปี) และ หมอนิ่ม - พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ปัจจุบัน อายุ 36 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คน ด.ญ.ชมชนก วัย 4 ขวบ และ ด.ช.ปรกรักษา วัย 1 ขวบ
       
        หมอนิ่ม เคยบอกเล่าผ่านสื่อฯ ว่าพบกับสามีครั้งแรกที่ร้านทำเล็บ และแอบปลื้มเขามาตลอดตั้งแต่ตอนให้สัมภาษณ์รายการเจาะใจเธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่เท่มาก หลังจากนั้นก็คบหากันก่อนตัดสินใจสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน และซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน หมอนิ่ม เป็นหมอทางด้านเสริมความงาม ส่วน เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เป็นนักกีฬาทีมชาติฯ
       
        ข้อมูลเปิดเผยว่า ช่วงหลังๆ ชีวิตของรักของทั้งคู่อาจไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่นัก ด้วยนิสัยส่วนตัวของ เอ็กซ์ - จักรกฤษณ์ เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง อารมณ์ร้อน ซึ่งเมื่อช่วงกลางปี 2556 ก็มีข้อพิพาทลุกลามเป็นคดีความกับภรรยา
       
        หมอนิ่ม และแม่ของเธอ ร้องขอความช่วยเหลือไปทาง ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งความดำเนินคดี เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ในข้อหาใช้ความรุนแรงกับคนในครอบครัว ข้อเท็จจริงเปิดเผยว่าแม้เอ็กซ์จะรักภรรยาของตนมาก แต่กลับมีปากเสียงรุนแรง ถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้ายภรรยามาตลอด
       
        นอกจากข้อหาดังกล่าว เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ยังถูกแจ้งความเพิ่มในข้อหาเกี่ยวเนื่องกับสารเสพติดและถูกจำคุกในที่สุด อดีตนักกีฬาทีมชาติเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนขณะเกิดปมขัดแย้งกับภรรยาในเวลานั้น ได้ขอความช่วยเหลือประสิทธิ์ธานมูลนิธิปวีณาฯ ตัดทอนข้อความบางส่วน ความว่า
       
        “ผมอยากพูดถึงภรรยาที่อยู่ด้วยกันมา 7 ปี อยากให้นางปวีณาที่เป็นตัวแทนผู้หญิงทุกคน เป็นคนกลางระหว่างผมกับภรรยาให้เกิดความปรองดอง แม้จะต้องคุกเข่าคลานไปกราบผมก็ยอม พร้อมรับผิดทุกอย่าง พร้อมจะให้ครอบครัวกลับเป็นเหมือนเดิม อยู่ที่นางปวีณาว่าจะให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือจะทำให้ครอบครัวแตกแยก ชีวิตที่ผ่านมาให้อภัยทุกคน ไม่ขอสร้างความแตกแยก”
       
        คดีความดังกล่าวจบลงด้วยดีจากการช่วยเป็นกาวใจของทางมูลนิธิปวีณาฯ เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ขอคืนดีภรรยาสำเร็จ ได้รับการประกันตัวออกมา
       
        ปมปัญหาถัดมาหลัง เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ได้รับการประกัน เขากลับเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับภรรยาของตน ในข้อหาลักทรัพย์ ที่ทำการฝากไว้ที่ธนาคารกสิกรไทย มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท ทางด้าน หมอนิ่ม ถึงขั้นต้องยื่นหนังสือต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของสิทธิคุ้มครองชั่วคราว เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยและวิตกว่าจะถูกสามีคุกคาม ฯลฯ
       
        การสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว
        ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างระหองระแหง หลังผ่านพ้นคดีความที่ทั้งคู่ต่างฟ้องร้องกัน เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ และ หมอนิ่ม พยายามปรับตัวสานความสัมพันธ์เพื่อคำว่า 'ครอบครัว' แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันกับผู้เป็นสามีเสียก่อน
       
        19 ต.ค. 56 เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ ถูกคนร้ายลอบยิง 3 นัด ขณะขับรถปอร์เช่สีดำเพื่อไปทานมื้อค่ำกับลูกๆ และภรรยา และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สร้างความเสทือนใจแก่บุคคลใกล้ชิด และเป็นที่สนใจในสังคมอย่างมาก ด้านเจ้าหน้าที่ฯ เร่งทำการสืบสวนสอบสวน และตั้งข้อสันนิฐานปมการสังหารใน 3 ประเด็นหลัก เรื่องพระเครื่อง, ยาเสพติด และความขัดแย้งภายในครอบครัว
       
        อย่างไรก็ตาม หลังการจากไปของสามี หมอนิ่ม เปิดใจว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวค่อยข้างดีขึ้นมาก ด้านเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ เคยบอกตนว่ามีคนจ้องปองร้าย พร้อมกำชับให้ตนกับลูกระวังตัวให้ดีจึงจ้างบอดีการ์ดมาดูแลความปลอดภัย
       
        24 ต.ค 56 วันพระราชทานเพลิงศพ ของ จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม ด้าน หมอนิ่ม เปิดใจทั้งน้ำตาด้วยความรู้สึกโศกเศร้าต่อการจากไปของสามี ทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กำลังดีขึ้นเป็นลำดับ หมอนิ่ม บอกว่า เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ มักจะฝากฝังและเป็นสิ่งที่ห่วงมากที่สุดคือลูกสาวและลูกชายทั้งสอง ว่าให้เลี้ยงดูให้ดีที่สุด โดยเมื่อโตมามีความฝันอยากให้ลูกสาวคนโตเป็นแพทย์สาวเหมือนกับแม่ ส่วนลูกคนเล็กอยากให้เป็นตำรวจ หรือไม่ก็ทหารเหมือนพ่อ เพื่อที่จะได้ดูแลปกป้องครอบครัว
       
        พร้อมเปิดใจถึงเรื่องคดีความที่เจ้าหน้าที่ฯ ให้น้ำหนักในเรื่องปมความขัดแย้งครอบครัว เธอบอกว่าให้ปากคำกับทางตำรวจไปเรียบร้อยหมดแล้ว และเป็นเรื่องปกติของการสืบสวนที่ต้องตั้งข้อสงสัย และยังไม่ตัดประเด็นนี้ทิ้ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เราเคยมีปัญหาทะเลาะกันรุนแรง พร้อมยืนยันหลังจากนี้จะทำหน้าที่ภรรยาดูแลลูกทั้งสองให้ดีที่สุด
       
        "พี่เอ็กซ์รักลูกมาก ก่อนเกิดเหตุประมาณ 3 วัน ได้พูดกับน้องชม ลูกสาวคนโตว่า พระทุกองค์ที่ป๊ามีจะเป็นของลูกทั้งหมด ถ้าป๊าตายไป ซึ่งรู้สึกใจหายเลยว่าทำไมพี่เอ็กซ์ถึงพูดแบบนั้น เสมือนว่ากำลังรู้ตัวว่าตัวเองถูกปองร้ายอยู่ ในส่วนของคดีขอไม่พูดถึง ซึ่งต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจทำงาน" หมอนิ่ม เปิดใจทั้งน้ำตา



ความในใจ..ถึงสามีผู้จากไกล
        "อยากบอกกับพี่เอ็กซ์ว่า.. ไม่ต้องห่วงลูก จะดูแลลูก และตัวเองให้ดีที่สุด หลับให้สบายนะ" หมอนิ่ม เผยความนัยสุดท้ายถึงสามีผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
       
        "ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย มีแต่เพื่อนมาเตือนให้ระวังตัว ซึ่งพี่เอ็กซ์ก็ระวังตัวมาตลอดอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันนี้" หมอนิ่ม เคยพูดระหว่างพิธีรดน้ำศพสามีที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร
       
        อ้างอิงจากบทความเรื่อง 'ขอเก็บเธอไว้ เป็นความทรงจำที่ดีๆ จากใจหมอนิ่มถึงพี่เอ็กซ์' บอกเล่าความในใจของภรรยาผู้สูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง ความว่า ทั้งคู่กลับมาปรับความเข้าใจกันได้อีกครั้ง แม้หมอนิ่มจะยังคงขอแยกบ้านกันอยู่ก่อนก็ตาม อะไรๆ ดูเหมือนกำลังไปได้สวย อีกทั้งยังวางแผนกันว่าจะกลับไปอยู่บ้านเดียวกันหลังจากบ้านตกแต่งเสร็จ เพียงแค่ 1 อาทิตย์หลังวางแผน เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
       
        เมื่อเธอได้ข่าวร้ายที่สุดในชีวิต มีโทรศัพท์มาบอกว่า "พี่เอ็กซ์ถูกยิง" เธอรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที และพบเขาในสภาพไร้สติ เธอบอกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างของสามีออกจากรถ และพาขึ้นรถพยาบาลโดยที่เธอช่วยปั๊มหัวใจเขาไปตลอดทาง
       
        หมอนิ่มยอมรับว่าเป็นคนโกรธง่ายแต่หายเร็ว ตอนโมโหเขาก็ไม่อยากเห็นหน้าอยากไปให้ไกลๆ "แต่พอเขาจากไปจริงๆ มันคนละอารมณ์ รู้สึกแย่มาก ไม่อยากพูดอะไร เพราะที่ผ่านมาครอบครัวบอบช้ำมามาก อยากนึกถึงแต่เรื่องดีๆ ในความทรงจำของเรา เขาเป็นทั้งคนที่ให้ความรักกับเรามาก ให้ความเศร้ากับเรามาก และให้ลูกกับเรา"
       
        สำหรับเรื่องราวที่สามีเคยทำไม่ดีเอาไว้ หมอนิ่ม บอกว่าไม่ได้ถือโทษหรือผูกใจเจ็บ ทั้งยังยกโทษให้สามีมานานแล้ว ในวันนี้ถึงต้องดูแลลูกทั้ง 2 คน เพียงลำพัง ก็จะทำหน้าที่ภรรยาที่ดี และจดจำเขาแต่เรื่องดีๆ
       
        "ใช้ชีวิตร่วมกัน 6 ปี เขาเป็นคนมีอารมณ์หวานๆ พูดเพราะ เวลาเราโกรธ เขาจะมีวิธีทำให้เรายิ้มได้ในเวลาใกล้เคียงกัน เขามีเรื่องน่ารักๆ เยอะ อย่างถ้าซื้อของให้เรา เขาจะซื้อของที่ดีที่สุด สวยที่สุด เหมาะสมกับเราที่สุด หรือเวลาที่เขาเล่นกับลูก ก็เล่นกับลูกได้น่ารัก เช่น หลอกให้กินข้าว กินขนม เขาเป็นพ่อที่น่ารักเสมอ"
       
        …............................
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000140027

ปล   สั้นๆ      "คู่รักเวลาแต่งงานกัน ใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว  อย่า นำครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มาแต่งด้วยครับ ควรแยกออกมาดำเนินชีวิตเอง ไม่งั้น พังทุกครอบครัว ยิ่งเป็นคนดังด้วยยิ่งพังเร็ว"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่