หากการรวมตัวอันมหึมาของมวลชนคือไฟที่ถูก “จุดติด” ประชาธิปัตย์ก็คงเป็นได้แค่เพียง “ผู้มาทีหลัง” แล้วระดมสาดน้ำมันใส่กองเพลิงให้ลุกโชนโดยไม่ใส่ใจว่าไฟจะลุกลามเผาไหม้เลยจุดประสงค์อันแรกเริ่มหรือไม่?
ประชาธิปัตย์เคยประพฤติมาอย่างไรในอดีตปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น คือขาดจุดยืนที่หนักแน่น ไหลตามกระแส เมือวานยึดมั่นระบบรัฐสภา วันนี้ออกมาริมฟุตบาท แล้วพรุ่งนี้??? ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำลงไปก็เพียงเพื่อจะได้มีโอกาสฟอร์มรัฐบาล โดยไม่ใส่ใจว่าได้ทำลายระบบ ข้ามขั้นตอน โละกติกา ในระบอบประชาธิปไตยไปมากน้อยเพียงไร นี่ยังไม่นับรวมพฤติ กรรมและจริยธรรมส่วนบุคคลที่แม้ชาวบ้านทั่วไปรู้สึกละอายที่จะประพฤติ
การยกตัวเองเป็นเสมือนหนึ่งพรรค “ผู้ดี” ช่วยสร้างภาพพจน์ให้ประชาธิปัตย์ได้อย่างมากก็แค่สังคมส่วนใหญ่ในเมืองกรุงที่ส่วนใหญ่ยังสลัดค่านิยมระบบชนชั้นไม่หลุด ในขณะเดียวกันความเป็นผู้ดี(จอมปลอม)กลับทำให้ระยะห่างระหว่างประชาธิปัตย์กับคนรากหญ้าซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่เพิ่มมากขึ้น(“ผู้ดี” กับ “รากหญ้า” กลายเป็นของแสลงต่อกันและกันโดยอัตโนมัติ) การใส่แหวนหมั้นให้ยายเนียมที่อุบลราชธานีของหัวหน้าพรรคฯ เป็นเพียงฉากละครหวังเรียกคะแนนแบบหลวมๆ ที่ใช้เวลาแสดงไม่ถึงสิบนาที หลังจากนั้นก็ให้ยายเนียมม่ายขันหมาก!!
ประชาธิปัตย์รู้ดีและตระหนักดีว่า.....หากสามารถเจาะฐานเสียงทางภาคอีสานได้ โอกาสที่เข้ามาเป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยนั้นย่อมมีมากกว่าที่เป็นเป็นอยู่ แต่....ในเมื่อประกาศตัวเองเป็น “ผู้ดี” ไปเสียแล้ว ครั้นจะไปคลุกคลีตีโมงกับรากหญ้าก็เกรงว่าจะเสียฐานคะแนนในเมืองกรุงฯ จึงแสดงความจริงใจต่อคนภูมิภาคนี้แบบกระท่อนกระแท่น ในขณะที่คนอีสานและรากหญ้าทั่วไปต้องการ “ความจริงใจ” เมื่อ “ให้ใจ” มาเพียงน้อยนิด ก็ย่อม “ได้ใจ” กลับไปเพียงน้อยนิด (อันนี้เป็นสัจจธรรม ไม่ใช่ความโง่เขาหรือไร้การศึกษาแต่อย่างไร)
หากประชาธิปัตย์เรียนรู้การ “ให้ใจ” ของคนอย่าง ป๋าเปรม พลเอกชวลิต พลเอกชาติชาย ต่อคนอีสาน แล้วจะเห็นว่าท่านเหล่านั้นให้เต็มร้อย(หรือเฉียดๆ ร้อยเลย) พลโทเปรมเป็นคนใต้แท้ๆ...คนอีสานนิยมชมชอบตอนเป็นแม่ทัพภาคที่สอง เขาก็ตอบแทนด้วยการย้ายสำมะโนครัวมาที่โคราชขอเป็นเขยอีสานเขาว่าอย่างนั้น พลเอกชาติชาย...ก็ขอเป็นเขยโคราช จะว่าไปแล้ว.....แกนนำเสื้อแดงอย่างนัฐวุฒิ จตุพร วีระกานต์ ล้วนแต่เป็นคนใต้ แต่เขาเหล่านั้นแสดงความจริงใจต่อกันแค่ไหน ก็ได้ใจกันไปเท่านั้น.....ง่ายๆ แค่นั้นเอง!! แต่ถ้ามามัวเก้กฟอร์มเป็นผู้ดี....ก็ได้คะแนนจากผู้ดีไป สมน้ำสมเนื้อดีแล้วนี่ครับ
อวด ตนว่าเลิศล้ำ.....................ลอยสวรรค์
ดี หมดทุกสิ่งอัน..................... อวดโอ้
อวด ดีแต่ชั่วฉัน......................ปกปิดมิดแฮ
เด่น กว่าใครเพราะโม้.............ไม่รู้เงาหัวฯ
.....เหมือนอีแรงด่ากาว่าชั้นต่ำ......
ประชาธิปัตย์เคยประพฤติมาอย่างไรในอดีตปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น คือขาดจุดยืนที่หนักแน่น ไหลตามกระแส เมือวานยึดมั่นระบบรัฐสภา วันนี้ออกมาริมฟุตบาท แล้วพรุ่งนี้??? ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำลงไปก็เพียงเพื่อจะได้มีโอกาสฟอร์มรัฐบาล โดยไม่ใส่ใจว่าได้ทำลายระบบ ข้ามขั้นตอน โละกติกา ในระบอบประชาธิปไตยไปมากน้อยเพียงไร นี่ยังไม่นับรวมพฤติ กรรมและจริยธรรมส่วนบุคคลที่แม้ชาวบ้านทั่วไปรู้สึกละอายที่จะประพฤติ
การยกตัวเองเป็นเสมือนหนึ่งพรรค “ผู้ดี” ช่วยสร้างภาพพจน์ให้ประชาธิปัตย์ได้อย่างมากก็แค่สังคมส่วนใหญ่ในเมืองกรุงที่ส่วนใหญ่ยังสลัดค่านิยมระบบชนชั้นไม่หลุด ในขณะเดียวกันความเป็นผู้ดี(จอมปลอม)กลับทำให้ระยะห่างระหว่างประชาธิปัตย์กับคนรากหญ้าซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่เพิ่มมากขึ้น(“ผู้ดี” กับ “รากหญ้า” กลายเป็นของแสลงต่อกันและกันโดยอัตโนมัติ) การใส่แหวนหมั้นให้ยายเนียมที่อุบลราชธานีของหัวหน้าพรรคฯ เป็นเพียงฉากละครหวังเรียกคะแนนแบบหลวมๆ ที่ใช้เวลาแสดงไม่ถึงสิบนาที หลังจากนั้นก็ให้ยายเนียมม่ายขันหมาก!!
ประชาธิปัตย์รู้ดีและตระหนักดีว่า.....หากสามารถเจาะฐานเสียงทางภาคอีสานได้ โอกาสที่เข้ามาเป็นรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยนั้นย่อมมีมากกว่าที่เป็นเป็นอยู่ แต่....ในเมื่อประกาศตัวเองเป็น “ผู้ดี” ไปเสียแล้ว ครั้นจะไปคลุกคลีตีโมงกับรากหญ้าก็เกรงว่าจะเสียฐานคะแนนในเมืองกรุงฯ จึงแสดงความจริงใจต่อคนภูมิภาคนี้แบบกระท่อนกระแท่น ในขณะที่คนอีสานและรากหญ้าทั่วไปต้องการ “ความจริงใจ” เมื่อ “ให้ใจ” มาเพียงน้อยนิด ก็ย่อม “ได้ใจ” กลับไปเพียงน้อยนิด (อันนี้เป็นสัจจธรรม ไม่ใช่ความโง่เขาหรือไร้การศึกษาแต่อย่างไร)
หากประชาธิปัตย์เรียนรู้การ “ให้ใจ” ของคนอย่าง ป๋าเปรม พลเอกชวลิต พลเอกชาติชาย ต่อคนอีสาน แล้วจะเห็นว่าท่านเหล่านั้นให้เต็มร้อย(หรือเฉียดๆ ร้อยเลย) พลโทเปรมเป็นคนใต้แท้ๆ...คนอีสานนิยมชมชอบตอนเป็นแม่ทัพภาคที่สอง เขาก็ตอบแทนด้วยการย้ายสำมะโนครัวมาที่โคราชขอเป็นเขยอีสานเขาว่าอย่างนั้น พลเอกชาติชาย...ก็ขอเป็นเขยโคราช จะว่าไปแล้ว.....แกนนำเสื้อแดงอย่างนัฐวุฒิ จตุพร วีระกานต์ ล้วนแต่เป็นคนใต้ แต่เขาเหล่านั้นแสดงความจริงใจต่อกันแค่ไหน ก็ได้ใจกันไปเท่านั้น.....ง่ายๆ แค่นั้นเอง!! แต่ถ้ามามัวเก้กฟอร์มเป็นผู้ดี....ก็ได้คะแนนจากผู้ดีไป สมน้ำสมเนื้อดีแล้วนี่ครับ
อวด ตนว่าเลิศล้ำ.....................ลอยสวรรค์
ดี หมดทุกสิ่งอัน..................... อวดโอ้
อวด ดีแต่ชั่วฉัน......................ปกปิดมิดแฮ
เด่น กว่าใครเพราะโม้.............ไม่รู้เงาหัวฯ