ปกติจะไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้หรือตอบกระทู้ในพันทิปซักเท่าไหร่ มักจะใช้เป็นที่หาข้อมูลซะมากกว่า แล้วไม่ได้อาศัยอยู่ห้องใดเป็นหลักเป็นแหล่งนัก พันทิปดีตรงนี้ ที่มีข้อมูล/เรื่องราวต่าง ๆ หลากหลาย ช่วงหลังมานี้จะเข้าห้องไกลบ้านบ่อยเป็นพิเศษ เนื่องจากก่อนหน้านี้เตรียมตัวเพื่อมาเรียนที่ญี่ปุ่น 1 ปีค่ะ ก็พยายามหาข้อมูลต่าง ๆ แต่รู้สึกว่า ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ (หรือมีแต่เราไม่เห็นนะ?) พวกเรื่องเตรียมตัวก่อนมาเรียนทำนองนี้ ก็เลยคิดว่า บางเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อยจริง แต่ก็สำคัญเหมือนกันนะ ตอนนี้มาอยู่ได้เดือนกว่า ก็เลยคิดว่ามาแชร์ประสบการณ์บ้าง เผื่อมีคนที่เหมือนเราที่โบ๋เบ๋ข้อมูลตอนก่อนมามาก หรือเป็นข้อมูลสำหรับผู้กำลังจะมาเรียนที่ญี่ปุ่นเหมือนกันหรือจะไปประเทศอื่นแล้วมีเรื่องต้องเตรียมตัวคล้าย ๆ กัน ได้เป็นข้อมูลเบื้องต้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ^^
1. ของใช้ต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า ครีม สบู่ แชมพู อาหารแห้ง เครื่องปรุง ฯลฯ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนมาอยู่ต่างประเทศมักกังวลเรื่องน้ำหนักกระเป๋าทั้งตอนไป (และตอนกลับ ฮา..) ปกติก็จะได้กันคนละ 20 กก. ถ้าเป็นตั๋วนักเรียนก็ 30 กก. แต่ส่วนใหญ่มาเรียนกันก็เกินทั้งนั้น เพราะเราไม่ได้แบกแค่เสื้อผ้า มีของกิน ของใช้ และอื่น ๆ เพราะกลัวว่าที่ที่เราจะไปไม่มี จะบอกว่า "มาแต่ตัวทัวร์ยกแก๊ง" เถอะค่ะ สำหรับญี่ปุ่นเราว่ามีแทบทุกอย่างค่ะ เราเอากางเกงมา 3 เสื้อยืด 5 เดรส 2 เสื้อกันหนาว 2 ชุดนอน 2 ส่วนของกินก็เอามาแค่โจ๊ก มาม่า ผงโลโบ้ แล้วก็ของใช้นิดหน่อย เพราะเราไปวันแรก เราคงไม่ได้ไปซื้อของทันที เช่น สบู่ แชมพู แบ่งใส่ขวดเล็กมาใช้แค่อาทิตย์เดียว แล้วก็พวกผ้าขนหนู แค่นี้เลย แค่นี้ยังปาไป 28 กก. ค่ะ
1.1 พวกเสื้อผ้า ญี่ปุ่นมีร้าน 525 yen เยอะมาก หรือเทียบเท่าประมาณ 199 บ้านเราอ่ะค่ะ ร้านแถวบ้านเรามีเสื้อผ้า 210 yen ด้วย หรือประมาณ 60 กว่าบาท เราได้มาเป็นเดรสผ้าเดียวกับเสื้อ cardigan ค่ะ แล้วก็มีเสื้อ coat ตัวสั้นคอขน ตัวละ 997 yen หรือประมาณ 300 บาท
ส่วนร้าน brand ที่นี่ถามว่าถูกมั้ย Uniqlo มั่นใจว่าถูกกว่าที่ไทยแน่นอนค่ะ แม้จะราคาไม่ sale แต่ brand อื่นต้องเป็นราคา sale ซึ่ง sale ถูกจริงค่ะ เราชอบร้าน GU เป็น brand ลูกของ Uniqlo แต่เสื้อผ้าจะ fashion วัยรุ่นกว่า แล้วก็ราคาถูกกว่า (target ประมาณ H&M) เราได้เสื้อไหมพรมตัวละ 990 yen หรือประมาณ 300 บาท กางเกงขาสั้น 390 yen หรือประมาณ 120 บาท คนที่นี่นิยมใส่ถุงน่องและ legging กัน ก็ราคา 290-390 yen หรือประมาณ 100-120 บาท ซึ่งถ้าคุณไปซื้อถุงน่องเนื้อหนาที่ Platinum คุณต้องซื้อถึง 3 คู่ จึงจะได้ราคานี้
แล้วคุณอาจจะอยากตาม trend ที่นี่ บางทีใส่ไปแล้วอาจจะไม่มั่นใจ คือเราก็ไม่เข้าใจคนที่นี่นะคะ เราเป็นคนติดสีสันค่ะ มีเสื้อ cardigan 18 สี (อันนี้ก็เวอร์ไป แต่ก็เกือบ ฮา..) มาอยู่ที่นี่ คนญี่ปุ่นมีแต่สีดำ สีดำ สีดำ สูทดำ สูทดำ สูทดำ รองเท้าดำ รองเท้าดำ รองเท้าดำ ทั้งหญิงและชาย ถามว่าคนใส่สีสันมีมั้ย ก็มีค่ะ แต่ประมาณ 10%-20% ยิ่งตอนเช้าขึ้นรถไฟฟ้านะคะ ดำแทบจะทั้งคัน ฮา.. ฉะนั้น มาซื้อที่นี่ก็ได้ค่ะ คิดซะว่า เราอยู่นาน กว่าจะครบ 1 ปี ซื้อวันนี้ก็ได้ใส่คุ้มล่ะ
1.2 หอมปากหอมคอเรื่องเสื้อผ้ากันไปแล้ว มาถึงเรื่องของใช้นะคะ พวกบำรุงหน้า ถ้าไม่ใช่ brand ญี่ปุ่น หรือคุณมีของที่ใช้ติดอยู่แล้ว ก็แนะนำให้ซื้อมาค่ะ เพราะเรื่องหน้าตาเรื่องใหญ่ อย่างเราติดใช้ของพรเกษม แต่ถ้าเป็นของใช้อื่น ๆ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมทาตัว ฯลฯ ที่นี่มี convenience store เยอะมากค่ะ ร้านที่ขายเยอะ ๆ ชื่อว่า Matsumoto คล้าย ๆ super อุปกรณ์ประทินโฉมต่าง ๆ สบู่ Lux ก็มี แชมพู tsubaki ก็มี ฯลฯ เราก็ซื้อที่นี่
Tips: ซื้อแบบซอง refill จะถูกกว่าค่ะ แล้วไปซื้อขวดปั๊มที่ร้าน 100 yen ขวดละ 30 บาท เทียบราคาแล้วถูกกว่าซื้อสบู่เหลว แชมพู ครีมนวดผม ขวดพลาสติกเยอะเลยค่ะ
1.3 อาหารแห้ง ที่สนามบินเค้าจะตรวจกระเป๋าห้ามนำของสดเข้าอยู่แล้ว แต่พวกเครื่องปรุงอะไรนี้นำมาได้ แรก ๆ เราก็พยายามหาร้านขายของไทย โชคดีมีพี่ที่เค้าอยู่ที่นี่พาไป มีทั้งข้าวไทย ซอสพริก ซอสหอยนางรม ฯลฯ แต่จะบอกว่าข้าวไทยแพงกว่าข้าวญี่ปุ่นนะคะ เราทานข้าวญี่ปุ่นแล้วเฉย ๆ ไม่ได้ติดข้าวไทย เลยเลือกซื้อข้าวญี่ปุ่น เพราะถูกกว่าด้วย เราอาจจะซื้อเกรดต่ำหน่อยอ่ะนะคะ ที่ Super แถวบ้านข้าวญี่ปุ่น 2 กก. 790 yen แต่ร้านไทย 5 กก. 2400 yen ถ้าเทียบ 2 กก. ก็จะแพงกว่า 1/3 ส่วนซอสปรุงรส เราว่า Shoyu ที่ญี่ปุ่นรสชาติเหมือนซีอิ๊วขาวบ้านเราอ่ะค่ะ เราใช้ต้ม (ใช้ทำ Suki ญี่ปุ่น) ผัด (ผัดผักต่าง ๆ) ทอด (ไก่ Teriyaki ไก่กระเทียม) ก็ใช้ตัวนี้ผสมน้ำตาล ก็หวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อยดีค่ะ สำหรับเราที่เป็นคนไม่ค่อยทานเผ็ดมาก แค่มี Shoyu กับน้ำตาล ก็ทำอาหารได้หลายอย่างล่ะค่ะ
ส่วนพวกเครื่องปรุงพวกผงต่าง ๆ เจอน้อยมากค่ะ เคยเจอของคนอร์ ตกแล้วถุงละ 100 หรือ 200 yen หรือ 30-60 บาท นี่ล่ะค่ะ บ้านเรา 18 บาทมั้ง แล้วที่นี่มีแค่ 2-3 อย่าง เช่น ต้มยำ แกงเขียวหวาน แกงส้ม ที่ร้าน Don Gui (ไว้จะแนะนำร้านนี้อย่างละเอียดทีหลังนะคะ ขอเรียกว่าร้านสากกะเบือยันเรือรบค่ะ ฮา..) ฉะนั้น “ผง lobo อะไรทำนองนี้ แนะนำให้เตรียมมาค่ะ” (กรณีคุณทำกับข้าวไม่เก่งอย่างเรานะคะ)
1.4 อุปกรณ์ต่าง ๆ หม้อ กระทะ ตะหลิว ชาม กะละมัง ช้อนส้อม ฯลฯ มาซื้อที่นี่เถอะค่ะ ไม่ต้องแบกให้หนัก ร้าน 100 yen และร้าน Don Gui มีทุกอย่างให้คุณเลือกสรร แต่ถ้าเป็นของเล็ก ๆ แนะนำร้าน 100 yen ค่ะ ของใหญ่อย่างหม้อกับกระทะร้าน 100 yen คุณภาพอาจจะเสี่ยงต่อชีวิตได้ มาร้าน Don Gui แทน เราได้กระทะใบนึง 500 yen แต่ไม่มีหม้อ ไปดูหม้ออีกที เค้าขาย set หม้อ+กระทะ+ฝาแก้ว 1,480 yen ประมาณ 450 บาทอ่ะ คุณพระ! คุ้มมาก เพราะเราอยู่คนเดียว เอา size 18 นิ้วก็พอแล้วอ่ะค่ะ
1.5 ยา
ขอบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมากค่ะ คือที่ญี่ปุ่นเราทำบัตร health insurance ตอนมาถึงแล้วต้องทำ residence card เพื่อเวลาเราไปหาหมอ เราจะเสียแค่ 30% ค่ะ แต่ได้ยินมาว่าที่นี่หาหมอแพงมาก ยังไม่เคยลอง และไม่อยากลองนะคะ ฮา.. ก่อนมา มหาลัยก็มี Arrival Guide บอกเลยว่า “ยาประจำตัวที่คุณใช้น่ะ เอามาให้พร้อมนะ” เพราะบางอย่างคุณอาจหาที่นี่ไม่ได้
พี่ที่มาเรียนก่อนเราเค้าก็บอกว่า คนญี่ปุ่นเชื่อว่าหวัดหายเองได้ ฉะนั้นถ้าคุณไปห้องพยาบาล เค้าจะไม่ให้อะไรคุณ แล้วบอกให้กินน้ำเยอะ ๆ แต่ถ้าเป็นมากจริง ๆ ก็จะให้พาราคุณมา แต่จะบอกว่าพาราญี่ปุ่นเริ่ดมากนะคะ อันนี้ประสบมาด้วยตัวเอง (เดี๋ยวเอารูปให้ดูนะคะ) เรามาช่วง Fall อากาศ 11-19 องศา แล้วเราเป็นภูมิแพ้อากาศ เอายาแก้แพ้มา แต่มิได้นำพา ปวดหัว มีไข้ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ คือพร้อมทุกอย่าง ไปห้องพยาบาล เค้าบอกว่า พาราญี่ปุ่น weak กว่าประเทศ U นะ แล้วก็ให้ยามา 1 อย่าง บอกว่ายาตัวนี้กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ให้มาสำหรับ 2 วัน เฮ้ย ขอบอกว่ากินพาราไทยมา 4 วันไม่หายปวดหัว เจออันนี้ไปครั้งเดียวจอดเลยค่ะ อีก 3 วันอาการเราก็ดีขึ้น แต่ดันไปเจอฝน เลยกลับมาเป็นหนักอีก เค้าก็ให้ยาเหมือนเดิมมาอีก เค้าบอกว่าตัวนี้แก้ปวดหัว ลดไข้ น้ำมูก และไอ แบบ.. เฮ้ยยาวิเศษอ่ะ ฮา..
[[ เตรียมตัวอย่างไร เมื่อต้องมาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น ตอน เรื่องทั่วไป ]]
1. ของใช้ต่าง ๆ เช่น เสื้อผ้า ครีม สบู่ แชมพู อาหารแห้ง เครื่องปรุง ฯลฯ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนมาอยู่ต่างประเทศมักกังวลเรื่องน้ำหนักกระเป๋าทั้งตอนไป (และตอนกลับ ฮา..) ปกติก็จะได้กันคนละ 20 กก. ถ้าเป็นตั๋วนักเรียนก็ 30 กก. แต่ส่วนใหญ่มาเรียนกันก็เกินทั้งนั้น เพราะเราไม่ได้แบกแค่เสื้อผ้า มีของกิน ของใช้ และอื่น ๆ เพราะกลัวว่าที่ที่เราจะไปไม่มี จะบอกว่า "มาแต่ตัวทัวร์ยกแก๊ง" เถอะค่ะ สำหรับญี่ปุ่นเราว่ามีแทบทุกอย่างค่ะ เราเอากางเกงมา 3 เสื้อยืด 5 เดรส 2 เสื้อกันหนาว 2 ชุดนอน 2 ส่วนของกินก็เอามาแค่โจ๊ก มาม่า ผงโลโบ้ แล้วก็ของใช้นิดหน่อย เพราะเราไปวันแรก เราคงไม่ได้ไปซื้อของทันที เช่น สบู่ แชมพู แบ่งใส่ขวดเล็กมาใช้แค่อาทิตย์เดียว แล้วก็พวกผ้าขนหนู แค่นี้เลย แค่นี้ยังปาไป 28 กก. ค่ะ
1.1 พวกเสื้อผ้า ญี่ปุ่นมีร้าน 525 yen เยอะมาก หรือเทียบเท่าประมาณ 199 บ้านเราอ่ะค่ะ ร้านแถวบ้านเรามีเสื้อผ้า 210 yen ด้วย หรือประมาณ 60 กว่าบาท เราได้มาเป็นเดรสผ้าเดียวกับเสื้อ cardigan ค่ะ แล้วก็มีเสื้อ coat ตัวสั้นคอขน ตัวละ 997 yen หรือประมาณ 300 บาท
ส่วนร้าน brand ที่นี่ถามว่าถูกมั้ย Uniqlo มั่นใจว่าถูกกว่าที่ไทยแน่นอนค่ะ แม้จะราคาไม่ sale แต่ brand อื่นต้องเป็นราคา sale ซึ่ง sale ถูกจริงค่ะ เราชอบร้าน GU เป็น brand ลูกของ Uniqlo แต่เสื้อผ้าจะ fashion วัยรุ่นกว่า แล้วก็ราคาถูกกว่า (target ประมาณ H&M) เราได้เสื้อไหมพรมตัวละ 990 yen หรือประมาณ 300 บาท กางเกงขาสั้น 390 yen หรือประมาณ 120 บาท คนที่นี่นิยมใส่ถุงน่องและ legging กัน ก็ราคา 290-390 yen หรือประมาณ 100-120 บาท ซึ่งถ้าคุณไปซื้อถุงน่องเนื้อหนาที่ Platinum คุณต้องซื้อถึง 3 คู่ จึงจะได้ราคานี้
แล้วคุณอาจจะอยากตาม trend ที่นี่ บางทีใส่ไปแล้วอาจจะไม่มั่นใจ คือเราก็ไม่เข้าใจคนที่นี่นะคะ เราเป็นคนติดสีสันค่ะ มีเสื้อ cardigan 18 สี (อันนี้ก็เวอร์ไป แต่ก็เกือบ ฮา..) มาอยู่ที่นี่ คนญี่ปุ่นมีแต่สีดำ สีดำ สีดำ สูทดำ สูทดำ สูทดำ รองเท้าดำ รองเท้าดำ รองเท้าดำ ทั้งหญิงและชาย ถามว่าคนใส่สีสันมีมั้ย ก็มีค่ะ แต่ประมาณ 10%-20% ยิ่งตอนเช้าขึ้นรถไฟฟ้านะคะ ดำแทบจะทั้งคัน ฮา.. ฉะนั้น มาซื้อที่นี่ก็ได้ค่ะ คิดซะว่า เราอยู่นาน กว่าจะครบ 1 ปี ซื้อวันนี้ก็ได้ใส่คุ้มล่ะ
1.2 หอมปากหอมคอเรื่องเสื้อผ้ากันไปแล้ว มาถึงเรื่องของใช้นะคะ พวกบำรุงหน้า ถ้าไม่ใช่ brand ญี่ปุ่น หรือคุณมีของที่ใช้ติดอยู่แล้ว ก็แนะนำให้ซื้อมาค่ะ เพราะเรื่องหน้าตาเรื่องใหญ่ อย่างเราติดใช้ของพรเกษม แต่ถ้าเป็นของใช้อื่น ๆ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีมทาตัว ฯลฯ ที่นี่มี convenience store เยอะมากค่ะ ร้านที่ขายเยอะ ๆ ชื่อว่า Matsumoto คล้าย ๆ super อุปกรณ์ประทินโฉมต่าง ๆ สบู่ Lux ก็มี แชมพู tsubaki ก็มี ฯลฯ เราก็ซื้อที่นี่
Tips: ซื้อแบบซอง refill จะถูกกว่าค่ะ แล้วไปซื้อขวดปั๊มที่ร้าน 100 yen ขวดละ 30 บาท เทียบราคาแล้วถูกกว่าซื้อสบู่เหลว แชมพู ครีมนวดผม ขวดพลาสติกเยอะเลยค่ะ
1.3 อาหารแห้ง ที่สนามบินเค้าจะตรวจกระเป๋าห้ามนำของสดเข้าอยู่แล้ว แต่พวกเครื่องปรุงอะไรนี้นำมาได้ แรก ๆ เราก็พยายามหาร้านขายของไทย โชคดีมีพี่ที่เค้าอยู่ที่นี่พาไป มีทั้งข้าวไทย ซอสพริก ซอสหอยนางรม ฯลฯ แต่จะบอกว่าข้าวไทยแพงกว่าข้าวญี่ปุ่นนะคะ เราทานข้าวญี่ปุ่นแล้วเฉย ๆ ไม่ได้ติดข้าวไทย เลยเลือกซื้อข้าวญี่ปุ่น เพราะถูกกว่าด้วย เราอาจจะซื้อเกรดต่ำหน่อยอ่ะนะคะ ที่ Super แถวบ้านข้าวญี่ปุ่น 2 กก. 790 yen แต่ร้านไทย 5 กก. 2400 yen ถ้าเทียบ 2 กก. ก็จะแพงกว่า 1/3 ส่วนซอสปรุงรส เราว่า Shoyu ที่ญี่ปุ่นรสชาติเหมือนซีอิ๊วขาวบ้านเราอ่ะค่ะ เราใช้ต้ม (ใช้ทำ Suki ญี่ปุ่น) ผัด (ผัดผักต่าง ๆ) ทอด (ไก่ Teriyaki ไก่กระเทียม) ก็ใช้ตัวนี้ผสมน้ำตาล ก็หวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อยดีค่ะ สำหรับเราที่เป็นคนไม่ค่อยทานเผ็ดมาก แค่มี Shoyu กับน้ำตาล ก็ทำอาหารได้หลายอย่างล่ะค่ะ
ส่วนพวกเครื่องปรุงพวกผงต่าง ๆ เจอน้อยมากค่ะ เคยเจอของคนอร์ ตกแล้วถุงละ 100 หรือ 200 yen หรือ 30-60 บาท นี่ล่ะค่ะ บ้านเรา 18 บาทมั้ง แล้วที่นี่มีแค่ 2-3 อย่าง เช่น ต้มยำ แกงเขียวหวาน แกงส้ม ที่ร้าน Don Gui (ไว้จะแนะนำร้านนี้อย่างละเอียดทีหลังนะคะ ขอเรียกว่าร้านสากกะเบือยันเรือรบค่ะ ฮา..) ฉะนั้น “ผง lobo อะไรทำนองนี้ แนะนำให้เตรียมมาค่ะ” (กรณีคุณทำกับข้าวไม่เก่งอย่างเรานะคะ)
1.4 อุปกรณ์ต่าง ๆ หม้อ กระทะ ตะหลิว ชาม กะละมัง ช้อนส้อม ฯลฯ มาซื้อที่นี่เถอะค่ะ ไม่ต้องแบกให้หนัก ร้าน 100 yen และร้าน Don Gui มีทุกอย่างให้คุณเลือกสรร แต่ถ้าเป็นของเล็ก ๆ แนะนำร้าน 100 yen ค่ะ ของใหญ่อย่างหม้อกับกระทะร้าน 100 yen คุณภาพอาจจะเสี่ยงต่อชีวิตได้ มาร้าน Don Gui แทน เราได้กระทะใบนึง 500 yen แต่ไม่มีหม้อ ไปดูหม้ออีกที เค้าขาย set หม้อ+กระทะ+ฝาแก้ว 1,480 yen ประมาณ 450 บาทอ่ะ คุณพระ! คุ้มมาก เพราะเราอยู่คนเดียว เอา size 18 นิ้วก็พอแล้วอ่ะค่ะ
1.5 ยา
ขอบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมากค่ะ คือที่ญี่ปุ่นเราทำบัตร health insurance ตอนมาถึงแล้วต้องทำ residence card เพื่อเวลาเราไปหาหมอ เราจะเสียแค่ 30% ค่ะ แต่ได้ยินมาว่าที่นี่หาหมอแพงมาก ยังไม่เคยลอง และไม่อยากลองนะคะ ฮา.. ก่อนมา มหาลัยก็มี Arrival Guide บอกเลยว่า “ยาประจำตัวที่คุณใช้น่ะ เอามาให้พร้อมนะ” เพราะบางอย่างคุณอาจหาที่นี่ไม่ได้
พี่ที่มาเรียนก่อนเราเค้าก็บอกว่า คนญี่ปุ่นเชื่อว่าหวัดหายเองได้ ฉะนั้นถ้าคุณไปห้องพยาบาล เค้าจะไม่ให้อะไรคุณ แล้วบอกให้กินน้ำเยอะ ๆ แต่ถ้าเป็นมากจริง ๆ ก็จะให้พาราคุณมา แต่จะบอกว่าพาราญี่ปุ่นเริ่ดมากนะคะ อันนี้ประสบมาด้วยตัวเอง (เดี๋ยวเอารูปให้ดูนะคะ) เรามาช่วง Fall อากาศ 11-19 องศา แล้วเราเป็นภูมิแพ้อากาศ เอายาแก้แพ้มา แต่มิได้นำพา ปวดหัว มีไข้ น้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ คือพร้อมทุกอย่าง ไปห้องพยาบาล เค้าบอกว่า พาราญี่ปุ่น weak กว่าประเทศ U นะ แล้วก็ให้ยามา 1 อย่าง บอกว่ายาตัวนี้กินครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ให้มาสำหรับ 2 วัน เฮ้ย ขอบอกว่ากินพาราไทยมา 4 วันไม่หายปวดหัว เจออันนี้ไปครั้งเดียวจอดเลยค่ะ อีก 3 วันอาการเราก็ดีขึ้น แต่ดันไปเจอฝน เลยกลับมาเป็นหนักอีก เค้าก็ให้ยาเหมือนเดิมมาอีก เค้าบอกว่าตัวนี้แก้ปวดหัว ลดไข้ น้ำมูก และไอ แบบ.. เฮ้ยยาวิเศษอ่ะ ฮา..