ประสพการณ์ที่เจอกับตัวร้อนๆเมื่อคืนนี้ ( 8 พฤษจิกายน 56 )
ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เข้าไปที่นี่เพราะเคยมาและค่อนข้างสนิทกับ
พระที่เป็นรองเจ้าอาวาส ก็เลยคิดมาเยี่ยมตามที่ท่านชวนมา
และท่านก็ได้ให้ที่พักเดิมที่เคยพัก คืออาคารหลังใหญ่ที่มีห้องแยกสามห้อง คนละปีก แต่ทางเดินใช้ร่วมกัน รวมทั้งโถงกลาง
คราวนี้ปรกฏมีพระมาอยู่แล้วก่อนหน้า 1 รูป ผมไม่เคยเจอมาก่อน
ถามพระที่สนิท ท่านว่ามาบวชช่วงในพรรษาที่เพิ่งผ่านมา ตอนแรกมาปฏิบัติธรรมก่อน ( เมียมาที่นี่หลายครั้งก่อนหน้า )
อาชีพเดิมของพระรูปนี้ก็คือทรงเจ้าเข้าทรางผี มีกุมารทอง ให้หวย ดูดวง
ที่ผมถามท่านเพราะตอนที่ทำความสะอาดที่พักก้เห็นมีญาติโยมมาหาถึงกุฏิ
ซึ่งปกฏิสายวัดป่าจะไม่ทำกัน และเห็นมีการดูดวงกัน ซึ่งพวกที่มาก้เป็นผู้หญิงทั้งนั้น
มีคนใส่ชุดขาว ( หญิงที่เป็นเมียที่มาปฏิบัติธรรมก่อนบ่อยๆ เพิ่งรู้ตอนหลังว่าเป็นเมีย )
ผู้หญิงนั่งคอยบอกให้ทำโน่นทำนี่ หาอะไรโน่นนี่มาถวาย ตามคำทำนายหรือเพื่อแก้ดวงอะไรนี่
ผมเอะใจก้เลยถามพระผู้ใหญ่ที่สนิทท่านนี้ ท่านก็เลยเล่าให้ฟังกับประวัติคร่าวๆของพระนายนี้
เมื่อถึงบางอ้อ ( ตามที่นึกไว้ ) ก็คิดในใจ ตัวใครตัวมัน ไม่เกี่ยวข้องต่อกันและกัน
อย่ามายุ่ง อย่ามาเกี่ยวข้องกันเลย เพราะผมไม่ชอบพระแบบนี้
ปกติอยู่วัดไหนๆที่ไป ผมก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใครหรือหมู่คณะมากมาย
จะคุยกับคนที่เราพอใจไว้ใจ และก็คุยตามมรรยาทตามสมควร และก็จะเก็บตัวเงียบๆ
ทำหน้าที่ของเรา และส่วนรวม แล้วก็ปลีกตัวภาวนาศึกษาของเรา
แต่เย็นวันนั้นหลังทำภาระกิจส่วนรวมเสร็จ ก็นั่งคุยเล็กน้อยกับพระที่สนิทกัน
ขณะกำลังจะกลับที่พัก พระนายนั้นก็ถามผมว่าเย็นนี้ไปสวดมนต์ที่ศาลารึเปล่า
ผมก็ตอบไปว่าปกติก็ทำทุกวันอยู่แล้วครับ แล้วก็เดินออกมาเพราะกำลังต้องการออกมาอยู่พอดี
พอคล้อยหลังก้ได้ยินเสียงด่ามาข้างหลัง ก็ไม่ได้สนใจนึกว่าเขาคุยอะไรกันเองแบบแรงๆ
แต่ได้ยินเหมือนถามเรา ว่าเฮ้ยมาจากไหนวะ ทำอวดดี ตอบมาว่ามาจากที่ไหน
ผมก็ตอบไปว่ามาจากกรุงเทพฯ และเดินต่อเพื่อกลับที่พัก ก้ได้ยินตามหลังมาอีกว่า
อย่ามากวนตีนกู เป็นใครกูเป็นใคร หากกูไม่ใช่พระเหมือนตอนนี้ หากเป็นเมื่อก่อนตายแน่
ผมก็เฉยๆ เดินออกมาตามปกติ ไม่ได้ไปสนใจคำพูดอะไรนั้น
[CR] พระกินเหล้าเมาอาระวาดในวัด ท่านว่าควรจะจัดการยังไง
ไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เข้าไปที่นี่เพราะเคยมาและค่อนข้างสนิทกับ
พระที่เป็นรองเจ้าอาวาส ก็เลยคิดมาเยี่ยมตามที่ท่านชวนมา
และท่านก็ได้ให้ที่พักเดิมที่เคยพัก คืออาคารหลังใหญ่ที่มีห้องแยกสามห้อง คนละปีก แต่ทางเดินใช้ร่วมกัน รวมทั้งโถงกลาง
คราวนี้ปรกฏมีพระมาอยู่แล้วก่อนหน้า 1 รูป ผมไม่เคยเจอมาก่อน
ถามพระที่สนิท ท่านว่ามาบวชช่วงในพรรษาที่เพิ่งผ่านมา ตอนแรกมาปฏิบัติธรรมก่อน ( เมียมาที่นี่หลายครั้งก่อนหน้า )
อาชีพเดิมของพระรูปนี้ก็คือทรงเจ้าเข้าทรางผี มีกุมารทอง ให้หวย ดูดวง
ที่ผมถามท่านเพราะตอนที่ทำความสะอาดที่พักก้เห็นมีญาติโยมมาหาถึงกุฏิ
ซึ่งปกฏิสายวัดป่าจะไม่ทำกัน และเห็นมีการดูดวงกัน ซึ่งพวกที่มาก้เป็นผู้หญิงทั้งนั้น
มีคนใส่ชุดขาว ( หญิงที่เป็นเมียที่มาปฏิบัติธรรมก่อนบ่อยๆ เพิ่งรู้ตอนหลังว่าเป็นเมีย )
ผู้หญิงนั่งคอยบอกให้ทำโน่นทำนี่ หาอะไรโน่นนี่มาถวาย ตามคำทำนายหรือเพื่อแก้ดวงอะไรนี่
ผมเอะใจก้เลยถามพระผู้ใหญ่ที่สนิทท่านนี้ ท่านก็เลยเล่าให้ฟังกับประวัติคร่าวๆของพระนายนี้
เมื่อถึงบางอ้อ ( ตามที่นึกไว้ ) ก็คิดในใจ ตัวใครตัวมัน ไม่เกี่ยวข้องต่อกันและกัน
อย่ามายุ่ง อย่ามาเกี่ยวข้องกันเลย เพราะผมไม่ชอบพระแบบนี้
ปกติอยู่วัดไหนๆที่ไป ผมก็ไม่ค่อยสุงสิงกับใครหรือหมู่คณะมากมาย
จะคุยกับคนที่เราพอใจไว้ใจ และก็คุยตามมรรยาทตามสมควร และก็จะเก็บตัวเงียบๆ
ทำหน้าที่ของเรา และส่วนรวม แล้วก็ปลีกตัวภาวนาศึกษาของเรา
แต่เย็นวันนั้นหลังทำภาระกิจส่วนรวมเสร็จ ก็นั่งคุยเล็กน้อยกับพระที่สนิทกัน
ขณะกำลังจะกลับที่พัก พระนายนั้นก็ถามผมว่าเย็นนี้ไปสวดมนต์ที่ศาลารึเปล่า
ผมก็ตอบไปว่าปกติก็ทำทุกวันอยู่แล้วครับ แล้วก็เดินออกมาเพราะกำลังต้องการออกมาอยู่พอดี
พอคล้อยหลังก้ได้ยินเสียงด่ามาข้างหลัง ก็ไม่ได้สนใจนึกว่าเขาคุยอะไรกันเองแบบแรงๆ
แต่ได้ยินเหมือนถามเรา ว่าเฮ้ยมาจากไหนวะ ทำอวดดี ตอบมาว่ามาจากที่ไหน
ผมก็ตอบไปว่ามาจากกรุงเทพฯ และเดินต่อเพื่อกลับที่พัก ก้ได้ยินตามหลังมาอีกว่า
อย่ามากวนตีนกู เป็นใครกูเป็นใคร หากกูไม่ใช่พระเหมือนตอนนี้ หากเป็นเมื่อก่อนตายแน่
ผมก็เฉยๆ เดินออกมาตามปกติ ไม่ได้ไปสนใจคำพูดอะไรนั้น